การปรับปรุงสูตรครีมรองพื้น

จากสูตรครีมรองพื้นของคุณและความต้องการที่จะปรับปรุงให้เกลี่ยง่ายขึ้นและสีไม่แยกกัน การพิจารณาเพิ่ม LipidSoft™ Lite และ LipidSoft™ Disperse เป็นแนวทางที่ดีค่ะ

การปรับปรุงการเกลี่ยและป้องกันสีแยก

• LipidSoft™ Lite (Isononyl Isononanoate): เป็น Emollient เนื้อบางเบาที่ช่วยให้การเกลี่ยเนื้อครีมรองพื้นบนผิวทำได้ง่ายขึ้นอย่างมาก ให้สัมผัสที่นุ่มลื่น ไม่เหนอะหนะ คล้ายซิลิโคน ซึ่งช่วยให้ผลิตภัณฑ์ลื่นไหลได้ดีขึ้น คุณสามารถพิจารณาเพิ่ม LipidSoft™ Lite ในความเข้มข้น 5-15% ของสูตรทั้งหมด โดยปกติจะผสมในส่วนของน้ำมัน

• LipidSoft™ Disperse (Diisostearyl Malate): ส่วนผสมนี้ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อทำหน้าที่เป็นสารช่วยกระจายและยึดเกาะเม็ดสี ในสูตรครีมรองพื้นที่มีส่วนผสมของผงแป้ง เช่น Titanium Dioxide, Zinc Oxide, Color, Mica และ Talc การใช้สารช่วยกระจายเม็ดสีอย่าง LipidSoft™ Disperse มีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้เม็ดสีกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอและคงตัวอยู่ได้ ป้องกันการตกตะกอนและการแยกชั้นของสีเมื่อเวลาผ่านไป การเพิ่ม LipidSoft™ Disperse ในความเข้มข้น 2-5% จะช่วยได้มาก โดยควรเติมในส่วนของน้ำมันและผสมให้เข้ากับเม็ดสีก่อนนำไปรวมกับส่วนของน้ำ

เมื่อเพิ่มส่วนผสมเหล่านี้ คุณจะต้องลดเปอร์เซ็นต์ของส่วนผสมอื่นๆ ในสูตรลง เพื่อให้รวมแล้วได้ 100% คุณอาจพิจารณาลดส่วนของน้ำมัน Jojoba Oil หรือสารเติมเต็มอย่าง Mica และ Talc เล็กน้อย ขึ้นอยู่กับเนื้อสัมผัสสุดท้ายที่ต้องการ

การประเมินและทดสอบค่า SPF/PA

สูตรของคุณมีส่วนผสมของ Zinc Oxide (4%), Ethylhexyl Methoxycinnamate (6.5%) และ Titanium Dioxide [nano] (4%) ซึ่งเป็นสารกันแดด แม้ว่าส่วนผสมเหล่านี้จะมีส่วนช่วยในการป้องกันแสงแดด แต่ ไม่สามารถคำนวณค่า SPF และ PA ที่แน่นอน (เช่น SPF 25 PA++) ได้จากเปอร์เซ็นต์ในสูตรเพียงอย่างเดียว

ค่า SPF และ PA สุดท้ายขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง รวมถึงชนิดและขนาดอนุภาคของสารกันแดด การกระจายตัวของสารกันแดดในสูตร โครงสร้างโดยรวมของสูตร และความหนาของการทาบนผิว

เพื่อให้ทราบค่า SPF และ PA ที่แม่นยำของครีมรองพื้นของคุณ จำเป็นต้องส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปไปทดสอบในห้องปฏิบัติการ คุณสามารถสอบถามโดยตรงกับ MySkinRecipes เกี่ยวกับบริการทดสอบค่า SPF/PA ได้ค่ะ