ปัญหาการขึ้นสูตรวิตามินซีเซรั่ม: การตกตะกอนและเนื้อสัมผัสในเบสน้ำมัน/ซิลิโคน

ถามโดย: nid.544595 เมื่อ: June 14, 2018 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ถ้าสูตรเป็นแบบนี้:

  • Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine) 15%
  • Isododecane 25%
  • LipidSoft™ Dry II 60%

มีปัญหาคือ:

  1. Isododecane น่าจะไม่ละลายใน LipidSoft™ Dry II (รอ staff confirm)
  2. ทั้ง 2 สาร ไม่มีความหนืดแบบ Silicone Gel ทำให้ผง L-ascorbic acid ตกตะกอน นอนก้นภาชนะ

ต้องการคำแนะนำวิธีแก้ปัญหาดังกล่าว ผมลองคิดเอาเองว่าน่าจะใช้สารที่เป็นทั้ง Emulsifier และ thickener ประสานสารทั้ง 2 ตัว + ทำให้ข้นมากขึ้น ผงวิตซีไม่ตกตะกอน ไม่รู้จะมีหรือเปล่า รอทาง Staff ครับ

คำตอบ

ตามข้อมูลจากการสนทนา นี่คือคำตอบสำหรับคำถามของคุณเกี่ยวกับสูตร Vitamin C Silicone Serum:

  1. วิธีการวัดค่า pH: หากต้องการวัดค่า pH ของสูตรนี้ จะต้องนำสูตรไปเจือจางในน้ำก่อน จึงจะสามารถวัดได้ เนื่องจากสูตรไม่มีส่วนประกอบของน้ำ จึงไม่สามารถวัดค่า pH ได้โดยตรง
  2. การใส่ Protec™ UV: ไม่จำเป็นต้องใส่ Protec™ UV เนื่องจากสูตรลักษณะนี้มีความเสถียรดีอยู่แล้ว แนะนำให้บรรจุในภาชนะที่สามารถกันแสงได้ดีแทนการใช้บรรจุภัณฑ์ใสหรือโปร่งแสง
  3. การใช้ Isohexadecane แทน Isododecane: สามารถทำได้ ไม่มีปัญหากับ L-ascorbic acid แต่เนื้อสัมผัสของสูตรจะหนักขึ้น
  4. สารกันเสีย: สูตรนี้ไม่จำเป็นต้องใส่สารกันเสียอย่างเคร่งครัดเนื่องจากไม่มีน้ำ แต่ในทางปฏิบัติ หากผลิตเพื่อจำหน่าย อาจพิจารณาเติมสารกันเสียเล็กน้อยเพื่อป้องกันปัญหาหากมีความชื้นเข้าไปในสูตรระหว่างการใช้งานของผู้บริโภค
  5. การเพิ่ม Vitamin E (dl-alpha tocopherol 2%): การเพิ่ม Vitamin E อาจทำให้เกิดการแยกชั้นได้ เนื่องจากสูตรไม่มีสารช่วยประสาน (emulsifier)
  6. การใช้ LipidSoft™ Dry II หรือ LipidSoft™ Lite แทน Silicone Gel: การแทนที่ Silicone Gel ด้วย LipidSoft™ Dry II หรือ LipidSoft™ Lite อาจทำให้เกิดการแยกชั้นได้ เนื่องจากไม่มีสารช่วยประสาน/สารสร้างเนื้อเจลที่จะช่วยคงสภาพส่วนผสมไว้ ปัญหาหลักคือผง L-ascorbic acid จะตกตะกอนแทนที่จะกระจายตัวอยู่ในเนื้อสูตร
  7. การกระจายตัวของ L-ascorbic acid: ในสูตรนี้ L-ascorbic acid เป็นลักษณะการกระจายตัว (dispersed) ไม่ได้ละลาย (dissolved) ใน Isododecane หรือ Silicone Gel
  8. การใช้ Cyclopentasiloxane หรือ Dimethicone 1Secs แทน Isododecane ในสูตรที่ใช้ LipidSoft™ Dry II: หากเปลี่ยนจาก Silicone Gel มาใช้เป็นน้ำมันเหลวอย่าง LipidSoft™ Dry II ปัญหาหลักคือการป้องกันไม่ให้ผง L-ascorbic acid ตกตะกอน เพื่อแก้ไขปัญหานี้ จะต้องเติมสารสร้างเนื้อเจลสำหรับน้ำมัน ทางเจ้าหน้าที่แนะนำให้เติม Oil-Fix™ O (ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารสร้างเนื้อเจลสำหรับน้ำมัน) ประมาณ 2% น่าจะเพียงพอที่จะช่วยให้ Vitamin C Ultra-Fine กระจายตัวอยู่ในเบสน้ำมันได้โดยไม่ตกตะกอน

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
เครื่องสำอาง
Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
Vitamin E (dl-alpha tocopherol)
เครื่องสำอาง
Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)
Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)
เครื่องสำอาง
Silicone Gel (Ultra Clear, Super Silky)
Silicone Gel (Ultra Clear, Super Silky)
เครื่องสำอาง
Isododecane (Germany)
Isododecane (Germany)
เครื่องสำอาง
LipidSoft™ Lite (Isononyl Nonanoate)
LipidSoft™ Lite (Isononyl Nonanoate)
เครื่องสำอาง
Isohexadecane
Isohexadecane
เครื่องสำอาง
Oil-Fix™ W (Oil/Silicone, Silica Dimethyl Silylate)
Oil-Fix™ W (Oil/Silicone, Silica Dimethyl Silylate)
เครื่องสำอาง
Dimethicone 1Secs
Dimethicone 1Secs
เครื่องสำอาง
LipidSoft™ Dry II (Dicaprylyl Carbonate)
LipidSoft™ Dry II (Dicaprylyl Carbonate)
เครื่องสำอาง