ปัญหาการขึ้นสูตรวิตามินซี AHA และแพนทีนอลสำหรับผิวแห้งมากและผม
คำถาม
ต้องการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์โดยใช้วัตถุดิบดังนี้สำหรับผิวแห้งมากและเส้นผม: L-ascorbic acid, shea butter, soy lecithin, ethoxydiglycol, glycerin, sodium lactate, sodium PCA, lactic acid (AHA) และ panthenol (Vitamin B5)
สนใจเป็นพิเศษในการทำครีม/อิมัลชันสำหรับผิวแห้งมากที่ผสมวิตามินซี (L-Ascorbic Acid) กับ Shea Butter และอีกสูตรที่ผสม AHA, Sodium Lactate, Sodium PCA และ Shea Butter
นอกจากนี้ยังต้องการทำแฮร์เซรั่มโดยใช้ Panthenol กับน้ำกลั่น
ขอคำแนะนำเกี่ยวกับความเป็นไปได้และวิธีการขึ้นสูตรสำหรับส่วนผสมเหล่านี้ โดยเฉพาะเรื่องความเสถียรและการทำเนื้อครีมให้คงตัว
คำตอบ
สวัสดีค่ะ
เข้าใจเลยค่ะว่าอยากลองผสมครีมบำรุงผิวเอง โดยใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ ซึ่งส่วนผสมที่คุณมีนั้นน่าสนใจและมีประโยชน์ต่อผิวแห้งมากค่ะ
จากสูตรที่คุณเสนอมา มีข้อควรพิจารณาและคำแนะนำเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ
สูตรที่ 1: วิตามินซี (L-Ascorbic Acid) + Shea Butter
- ส่วนผสม: Shea Butter, Soy Lecithin (ส่วนน้ำมัน) + L-Ascorbic Acid, Ethoxydiglycol, Glycerin (ส่วนน้ำ)
- ความเป็นไปได้: การผสม L-Ascorbic Acid ซึ่งละลายในน้ำและต้องการค่า pH ที่ต่ำ (ประมาณ 3.5-4.0 เพื่อประสิทธิภาพและความเสถียร) เข้ากับ Shea Butter ซึ่งเป็นน้ำมัน โดยใช้ Soy Lecithin เป็นอิมัลซิไฟเออร์แบบ Water-in-Oil (W/O) นั้น ทำได้ยากที่จะทำให้สูตรคงตัวเป็นเนื้อครีมที่เสถียร ค่ะ
- L-Ascorbic Acid ไม่เสถียรในน้ำ โดยเฉพาะเมื่อโดนความร้อน แสง หรืออากาศ แม้คุณจะผสมวันต่อวัน แต่การผสมในอิมัลชัน W/O ที่ต้องใช้ความร้อนในการละลาย Shea Butter และ Soy Lecithin อาจทำให้วิตามินซีเสื่อมได้ง่าย
- Soy Lecithin เป็นอิมัลซิไฟเออร์ W/O ที่ดี แต่การทำอิมัลชัน W/O ที่มีส่วนของน้ำเป็นกรด (pH ต่ำ) เพื่อให้ L-Ascorbic Acid คงตัวและทำงานได้ดีนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายมากค่ะ อาจทำให้เนื้อแยกชั้นได้ง่าย
- Ethoxydiglycol เป็นตัวช่วยนำพาสารเข้าสู่ผิวได้ดี และช่วยละลาย L-Ascorbic Acid ได้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาความไม่เสถียรของอิมัลชันที่ pH ต่ำค่ะ
- คำแนะนำ: หากต้องการใช้ L-Ascorbic Acid ร่วมกับ Shea Butter สำหรับผิวแห้งมากๆ อาจลองพิจารณาทำเป็น 2 ส่วนแยกกัน แล้วนำมาผสมกันเล็กน้อยก่อนทาในแต่ละครั้งค่ะ
- ส่วนน้ำ: ละลาย L-Ascorbic Acid ในน้ำกลั่นเล็กน้อย เติม Ethoxydiglycol และ Glycerin ปรับ pH ให้อยู่ในช่วง 3.5-4.0 (อาจต้องใช้สารปรับ pH เช่น Sodium Hydroxide หรือ Triethanolamine ในปริมาณน้อยๆ และวัดค่าด้วยกระดาษวัด pH)
- ส่วนน้ำมัน: หลอม Shea Butter ให้ละลาย (ประมาณ 60-70°C) แล้วปล่อยให้เย็นลง อาจผสม Soy Lecithin เล็กน้อย (แม้จะไม่ใช่อิมัลซิไฟเออร์ที่เหมาะกับสูตรกรด แต่ก็อาจช่วยเรื่องเนื้อสัมผัสได้บ้าง)
- เวลาใช้ ให้ตักส่วนน้ำมันเล็กน้อย แล้วหยดส่วนน้ำลงไปผสมบนฝ่ามือเล็กน้อยก่อนทา วิธีนี้จะช่วยรักษาความเสถียรของ L-Ascorbic Acid ได้ดีกว่าการพยายามทำเป็นครีมค่ะ
สูตรที่ 2: AHA + Sodium Lactate + Sodium PCA + Shea Butter
- ส่วนผสม: Shea Butter, Soy Lecithin (ส่วนน้ำมัน) + Sodium PCA, Sodium Lactate, AHA (Lactic Acid), Ethoxydiglycol, Glycerin (ส่วนน้ำ)
- ความเป็นไปได้: สูตรนี้ก็คล้ายกับสูตรวิตามินซี คือการพยายามทำอิมัลชัน W/O ด้วย Soy Lecithin ในขณะที่ส่วนน้ำมี Lactic Acid ซึ่งต้องการค่า pH ต่ำ (ไม่ต่ำกว่า 3.5 สำหรับผู้บริโภค และไม่เกิน 4.0 เพื่อประสิทธิภาพ) ซึ่ง มีความท้าทายในการทำให้คงตัวเป็นเนื้อครีมที่เสถียร เช่นกันค่ะ
- Sodium Lactate และ Sodium PCA เป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่ดีมาก และเป็นส่วนประกอบของ Natural Moisturizing Factor (NMF) ตามธรรมชาติในผิว เหมาะสำหรับผิวแห้งค่ะ สามารถละลายในน้ำได้ดี
- Lactic Acid เป็น AHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและเพิ่มความชุ่มชื้นได้ แต่ต้องการ pH ต่ำเพื่อประสิทธิภาพ
- การรวมส่วนผสมที่ต้องการ pH ต่ำในส่วนน้ำ แล้วนำไปผสมกับส่วนน้ำมันด้วย Soy Lecithin อาจทำให้เกิดการแยกชั้นได้ง่าย
- คำแนะนำ: หากต้องการใช้ส่วนผสมเหล่านี้เพื่อบำรุงผิวแห้งมากๆ อาจลองทำเป็น 2 ส่วนแยกกัน หรือพิจารณาใช้ Emulsifier ชนิดอื่นที่เหมาะกับการทำ O/W Emulsion (น้ำในน้ำมัน) ที่ทนกรดได้ดีกว่า Soy Lecithin (ซึ่งเป็น W/O) เพื่อให้ได้เนื้อครีมที่เสถียร อย่างไรก็ตาม หากต้องการใช้ส่วนผสมที่มีอยู่ อาจใช้วิธีผสม 2 ส่วนแยกกันแล้วนำมาผสมเล็กน้อยก่อนใช้แบบเดียวกับสูตรวิตามินซี หรืออาจลองปรับอัตราส่วน Soy Lecithin ให้สูงขึ้น และอาจต้องใช้ Thickener ในส่วนน้ำ (เช่น Xanthan Gum) เพื่อช่วยเพิ่มความหนืดและพยุงส่วนผสม แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่เนื้อจะไม่คงตัวอยู่ดีค่ะ
การผสม Vitamin B5 (Panthenol) กับน้ำกลั่นสำหรับบำรุงผม
- ความเป็นไปได้: ทำได้ค่ะ Panthenol (Vitamin B5) ละลายน้ำได้ดี และมีประโยชน์ในการบำรุงเส้นผม ช่วยให้ผมนุ่ม ชุ่มชื้น และแข็งแรงขึ้น
- คำแนะนำ: สามารถละลาย Panthenol ในน้ำกลั่นได้เลยค่ะ อย่างไรก็ตาม หากผสมในปริมาณมากและต้องการเก็บไว้ใช้ ควรเติมสารกันเสีย (Preservative) ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ค่ะ อัตราส่วนการใช้ Panthenol สำหรับผมมักจะอยู่ที่ 0.1-0.5% ค่ะ
สรุปเพิ่มเติมสำหรับผิวแห้งมาก
ส่วนผสมที่คุณมี เช่น Shea Butter, Glycerin, Sodium Lactate, และ Sodium PCA นั้นดีมากสำหรับการบำรุงผิวที่แห้งมากๆ ค่ะ ส่วนผสมเหล่านี้ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เสริมเกราะป้องกันผิว และลดการสูญเสียน้ำได้ดีเยี่ยม
การใช้ L-Ascorbic Acid และ Lactic Acid (AHA) ก็มีประโยชน์ในแง่ของการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ (วิตามินซี) และช่วยผลัดเซลล์ผิวที่แห้งกร้านออกไป เผยผิวที่เรียบเนียนขึ้น (AHA) แต่การรวมส่วนผสมเหล่านี้เข้าด้วยกันในรูปแบบครีมอาจต้องใช้ความรู้และเทคนิคการผสมที่ซับซ้อนกว่าการผสมส่วนผสมที่เข้ากันได้ง่ายกว่าค่ะ
หากคุณยังไม่ได้ศึกษาเรื่องอัตราส่วนอย่างละเอียด แนะนำให้ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราส่วนที่เหมาะสมของส่วนผสมแต่ละชนิด และวิธีการทำ Emulsion เบื้องต้นก่อนนะคะ การเริ่มต้นจากสูตรพื้นฐานที่ง่ายกว่า อาจช่วยให้เข้าใจกระบวนการได้ดีขึ้นค่ะ
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์นะคะ หากมีคำถามเพิ่มเติม ถามได้เลยค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)

Shea Butter (Refined , Deodorised)

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine)

Ethoxydiglycol (e.q. Transcutol)

Glycerin (USP/Food Grade)

Sodium Lactate (60% Liquid, Natural)

Sodium PCA 50%

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Standard)

Lactic Acid (AHA) Neutralized

Lactic Acid (AHA) 90% (เกรดธรรมดา-มีกลิ่น)

D-Panthenol Care (Pro-Vitamin B5, 100% Liquid)

Soy Lecithin (Soy Bean Oil, Liquid Lecithin)
