ปัญหาการขึ้นเนื้อและเพิ่มสารกันแดดในสูตรครีมบำรุงผิวขาว
คำถาม
ฉันกำลังลองทำครีมบำรุงผิวขาวค่ะ แต่มีปัญหาเรื่องการขึ้นเนื้อครีม
สูตรที่ลองทำใช้:
- Light Cream Maker™ (1%)
- Lactic Acid (5%)
- Sea Kelp Bioferment (2%)
- ส่วนผสมอื่นๆ (Grape Seed Oil, Vitamin B3, น้ำ, Phenoxyethanol)
เนื้อครีมไม่ข้นเลยค่ะ มีคำถามดังนี้ค่ะ:
- ทำไมครีมถึงไม่ข้นด้วยสูตรนี้คะ? การใช้ Light Cream Maker™ 1% น้อยไปไหม โดยเฉพาะเมื่อมี Lactic Acid และ Sea Kelp อยู่ด้วย?
- สามารถเติม Xanthan Gum เพื่อช่วยให้ครีมข้นขึ้นได้ไหมคะ? ถ้าได้ ควรใช้กี่เปอร์เซ็นต์ และมีวิธีผสมที่ถูกต้องอย่างไร?
- จะเพิ่มสารกันแดด (SPF 20) ลงในครีมประเภทนี้ได้อย่างไรคะ? สารกันแดดชนิดไหนที่เข้ากันได้ (Physical เช่น Zinc Oxide และ Titanium Dioxide หรือ Chemical)?
- ควรใส่สารกันเสีย (เช่น Phenoxyethanol) น้ำหอม และสี ในขั้นตอนไหนของการทำครีมคะ?
- ฉันได้ลองพิจารณาสูตรเหล่านี้ด้วยค่ะ:
- สูตรมีสารกันแดด: Zinc Oxide 5%, Titanium Dioxide 5%, Cyclomethicone, Warp Cream Maker™, Grape Seed Oil, Sea Kelp, Vitamin B3, Lactic Acid, น้ำ, Phenoxyethanol
- สูตรไม่มีสารกันแดด: Light Cream Maker™, Grape Seed Oil, Sea Kelp, Vitamin B3, Lactic Acid, น้ำ, Phenoxyethanol
สูตรเหล่านี้มีความเป็นไปได้ไหมคะ?
- อยากทราบเกี่ยวกับการเติม Vitamin C (L-Ascorbic Acid หรืออนุพันธ์) และความเข้ากันได้กับสูตรเหล่านี้ด้วยค่ะ
- ควรวัดค่า pH ของส่วนน้ำด้วยไหมคะ?
คำตอบ
คำแนะนำสำหรับการทำครีมบำรุงผิวขาว
สวัสดีค่ะ เข้าใจเลยค่ะว่าการเริ่มต้นทำเครื่องสำอางเองอาจจะรู้สึกสับสนบ้าง ไม่เป็นไรนะคะ การลองผิดลองถูกเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ค่ะ อย่าเพิ่งท้อนะคะ!
จากสูตรที่คุณลองทำและปัญหาที่พบ รวมถึงคำแนะนำที่คุณได้รับ ดิฉันจะสรุปและให้คำแนะนำเพิ่มเติมนะคะ
ทำไมเนื้อครีมถึงไม่ข้น
ที่คุณพบปัญหาว่าเนื้อครีมไม่ข้นเมื่อใช้ Light Cream Maker™ 1% ร่วมกับ Lactic Acid และ Sea Kelp น่าจะมีสาเหตุหลักๆ ตามที่คุณ cosmeceutical7 ได้แนะนำไว้ค่ะ คือ:
- ปริมาณ Light Cream Maker™ น้อยเกินไป: 1% อาจไม่เพียงพอที่จะสร้างเนื้อครีมที่ข้นตามที่คุณต้องการ โดยเฉพาะเมื่อมีส่วนผสมที่ท้าทายต่อการขึ้นเนื้อครีมอยู่ด้วย
- ส่วนผสมบางตัวรบกวนการขึ้นเนื้อครีม: Light Cream Maker™ (รหัสสินค้า: 141) ค่อนข้างอ่อนไหวต่อสารอิเล็กโทรไลต์และค่า pH ที่ต่ำ Lactic Acid (รหัสสินค้า: 6376, รหัสสินค้า: 7768) มีความเป็นกรดสูง และ Sea Kelp Extract (รหัสสินค้า: 77) อาจมีส่วนประกอบของเกลือ (อิเล็กโทรไลต์) ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้สามารถรบกวนกลไกการสร้างเนื้อครีมของ Light Cream Maker™ ได้ ทำให้ต้องใช้อิมัลซิไฟเออร์ในปริมาณที่สูงขึ้น หรือต้องใช้สารเพิ่มความข้นตัวอื่นช่วยค่ะ
การใช้ Xanthan Gum เพื่อเพิ่มความข้น
ใช่ค่ะ การเติม Xanthan Gum (รหัสสินค้า: 216, รหัสสินค้า: 31764) เป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการช่วยเพิ่มความข้นให้กับเนื้อครีมและช่วยเสริมความเสถียรของสูตรได้ Xanthan Gum เป็นสารเพิ่มความข้นที่นิยมใช้ในสูตรเครื่องสำอางค่ะ
วิธีการผสม Xanthan Gum:
- อัตราส่วนการใช้: เริ่มต้นใช้ในปริมาณน้อยๆ ก่อนค่ะ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 0.1% ถึง 0.5% เพราะเพียงเล็กน้อยก็ช่วยเพิ่มความข้นได้มากแล้ว
- กระจายตัวให้ดี: เพื่อป้องกันการจับตัวเป็นก้อน แนะนำให้ผสม Xanthan Gum กับ Glycerin หรือน้ำมันปริมาณเล็กน้อยจากในสูตรของคุณ ก่อน ที่จะนำไปผสมกับส่วนน้ำ (Water Phase) คนให้เข้ากันดีจนเป็นเนื้อเพสต์ แล้วค่อยๆ เทส่วนผสมนี้ลงในส่วนน้ำขณะที่กำลังคนหรือปั่นด้วยความเร็วพอสมควร เพื่อให้ Xanthan Gum กระจายตัวและพองตัวอย่างเต็มที่
- รอให้พองตัว: ให้เวลา Xanthan Gum ได้พองตัวในส่วนน้ำอย่างเต็มที่ ซึ่งอาจใช้เวลาสักครู่ แม้จะมีการคนหรือปั่นช่วย เมื่อพองตัวเต็มที่แล้ว ส่วนน้ำจะมีความข้นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- ดำเนินการทำอิมัลชั่นต่อ: เมื่อส่วนน้ำมีความข้นตามต้องการแล้ว จึงนำไปรวมกับส่วนน้ำมัน/อิมัลซิไฟเออร์ ตามขั้นตอนปกติของการทำอิมัลชั่นค่ะ
การเติม Xanthan Gum จะช่วยเสริมความหนืดและความเสถียรให้กับครีมของคุณได้ โดยเฉพาะในสูตรที่มีส่วนผสมที่อาจรบกวนการขึ้นเนื้อครีมอย่าง Lactic Acid และ Sea Kelp ค่ะ
การใส่สารกันแดด (SPF 20)
การเพิ่มสารกันแดดลงในครีมบำรุงผิวขาวเป็นความคิดที่ดีค่ะ เพื่อเพิ่มการปกป้องผิวจากแสงแดด ความเข้ากันได้จะขึ้นอยู่กับชนิดของสารกันแดดที่คุณใช้ (Physical หรือ Chemical) และชนิดของเนื้อครีม (Water-in-Oil หรือ Oil-in-Water)
- สารกันแดดแบบ Physical (เช่น Zinc Oxide (รหัสสินค้า: 292) และ Titanium Dioxide (รหัสสินค้า: 295)) เป็นผงที่ต้องกระจายตัวให้ดีในส่วนน้ำมันหรือส่วนน้ำ ขึ้นอยู่กับการเคลือบผิวของผงและชนิดของอิมัลชั่น สำหรับ SPF 20 คุณอาจต้องใช้สารกันแดดกลุ่ม Physical ประมาณ 10-15% ขึ้นอยู่กับชนิดและขนาดอนุภาค ตามที่ Staff ได้แนะนำ สารกันแดดกลุ่ม Physical มักจะเข้ากันได้ดีกับสูตรที่มีซิลิโคนเป็นเบส หรือสูตรแบบ Water-in-Oil (เช่น สูตรที่ใช้ Warp Cream Maker™ (รหัสสินค้า: 288)) แต่ก็มีรูปแบบที่กระจายตัวในน้ำได้สำหรับสูตร Water-based ด้วยค่ะ
- สารกันแดดแบบ Chemical เป็นสารที่ละลายได้ในส่วนน้ำมัน
การใส่สารกันแดดต้องอาศัยการคำนวณและสูตรที่เหมาะสมเพื่อให้สารกระจายตัวได้ดี (สำหรับ Physical) และสูตรมีความเสถียร รวมถึงให้ค่า SPF ตามที่ต้องการ การใช้สารกันแดดแบบผงที่ผ่านการเตรียมให้กระจายตัวได้ง่าย หรือการใช้เบสครีมกันแดดสำเร็จรูป อาจช่วยให้มือใหม่ทำได้ง่ายขึ้นค่ะ
การใส่สารกันเสีย น้ำหอม และสี
ใช่ค่ะ คุณเข้าใจถูกต้องแล้ว สารกันเสีย (เช่น Phenoxyethanol (รหัสสินค้า: 155)) น้ำหอม และสี โดยทั่วไปจะใส่ใน ขั้นตอนสุดท้าย ของการทำครีม หลังจากที่เนื้อครีมขึ้นแล้วและอุณหภูมิเย็นลง (โดยปกติจะต่ำกว่า 40°C เพื่อป้องกันไม่ให้ความร้อนทำลายสารที่ไวต่อความร้อน เช่น น้ำหอมและสารกันเสียบางชนิด) การทำเช่นนี้จะช่วยลดการสัมผัสความร้อนและลดโอกาสที่สารเหล่านี้จะไปรบกวนกระบวนการขึ้นเนื้อครีมค่ะ
สูตรที่คุณเสนอ
สำหรับสูตรที่คุณลองทำ:
- สูตรที่มีสารกันแดด: สูตรที่มี Zinc Oxide (รหัสสินค้า: 292) และ Titanium Dioxide (รหัสสินค้า: 295) อย่างละ 5%, Cyclomethicone, Warp Cream Maker™ (รหัสสินค้า: 288), Grape Seed Oil (รหัสสินค้า: 120), Sea Kelp (รหัสสินค้า: 77), Vitamin B3 (รหัสสินค้า: 74), Lactic Acid (รหัสสินค้า: 6376, รหัสสินค้า: 7768), น้ำ และ Phenoxyethanol (รหัสสินค้า: 155) ดูเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับสูตรแบบ Water-in-Silicone/Oil ที่ใช้ Warp Cream Maker™ อย่างไรก็ตาม ตามที่คุณ cosmeceutical7 ได้แนะนำ การใส่ Lactic Acid ในสูตรที่ใช้ตอนกลางวันร่วมกับสารกันแดดอาจไม่เหมาะนัก เพราะ AHA สามารถทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น หากต้องการทั้งผิวขาวและการป้องกันแดด อาจพิจารณาใช้สารไวท์เทนนิ่งตัวอื่นที่ไม่ทำให้ผิวไวต่อแสง หรือทำครีม Lactic Acid แยกไว้ใช้ตอนกลางคืนค่ะ
- สูตรที่ไม่มีสารกันแดด: สูตรที่สองของคุณที่ใช้ Light Cream Maker™ (รหัสสินค้า: 141), Grape Seed Oil (รหัสสินค้า: 120), Sea Kelp (รหัสสินค้า: 77), Vitamin B3 (รหัสสินค้า: 74), Lactic Acid (รหัสสินค้า: 6376, รหัสสินค้า: 7768), น้ำ และ Phenoxyethanol (รหัสสินค้า: 155) เป็นสูตรที่คุณพบปัญหาเรื่องความข้น ตามที่ได้กล่าวไป การเพิ่มปริมาณ Light Cream Maker™ หรือเติม Xanthan Gum (รหัสสินค้า: 216, รหัสสินค้า: 31764) จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ คุณ cosmeceutical7 แนะนำถูกต้องแล้วว่าสูตรนี้ควรใช้ Light Cream Maker™ เนื่องจากไม่มีซิลิโคน ต่างจากสูตรแรกที่เหมาะกับ Warp Cream Maker™
ข้อควรพิจารณาเกี่ยวกับ Vitamin C
สำหรับ Vitamin C (รหัสสินค้า: 133, รหัสสินค้า: 265) ทาง Staff ได้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องแล้วว่า L-Ascorbic Acid (รหัสสินค้า: 133) ไม่เสถียรในสูตรน้ำ และต้องใช้ในสภาวะที่เฉพาะเจาะจง (pH ต่ำมาก ไม่มีน้ำ หรือใช้สารช่วยให้เสถียร) การใช้ Vitamin C อนุพันธ์ที่เสถียรกว่า เช่น Ascorbyl Glucoside (AA-2G) (รหัสสินค้า: 265) หรือ Sodium Ascorbyl Phosphate (SAP) อาจเป็นทางเลือกที่ง่ายกว่าสำหรับผู้เริ่มต้นค่ะ
ลองปรับปรุงสูตรและทดลองต่อไปนะคะ การทำความเข้าใจพฤติกรรมของส่วนผสมต่างๆ จะช่วยให้คุณพัฒนาฝีมือได้ค่ะ อย่าลังเลที่จะลองเพิ่มปริมาณอิมัลซิไฟเออร์/สารเพิ่มความข้น หรือใช้สารเพิ่มความข้นร่วมด้วยอย่าง Xanthan Gum นะคะ!
รหัสสินค้าที่เกี่ยวข้อง: 141, 120, 77, 74, 6376, 7768, 133, 265, 155, 216, 31764, 288, 292, 295, 117, 227, 669, 737, 6936, 8585, 11054, 126152, 121, 111
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Sea Kelp Extract

Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)

Shea Butter (Refined , Deodorised)

NaturalProfile™ Grape Seed Oil (Cold-Pressed)

NaturalProfile™ Sweet Almond Oil (Cold-Pressed)

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)

Light Cream Maker™

Phenoxyethanol (Extra Pure)

Xanthan Gum (ชนิดเจลใส, เนื้อเนียนไม่ยืด)

Shea Butter (Ultra Soft)

Ascorbyl Glucoside (AA-2G Stabilized Vitamin C)

Warp Cream Maker™ (e.q. Nikkomulese wo)

Zinc Oxide (Micronized)

Titanium Dioxide 250nm Pigment (Non-Treated)

Shea Butter Light Oil

Shea Butter Water

Lactic Acid (AHA) Neutralized (Deodorized)

Shea Butter (Melt, น้ำมันเหลวในอุณหภูมิห้อง)
