ปัญหาการทำเซรั่มวิตามินซี: การปรับ pH, ความเหนอะหนะ และความเข้ากันของวิตามินซี/บี3

ถามโดย: glutacareshop เมื่อ: May 19, 2014 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

กำลังทำเซรั่มวิตามินซี 15% และต้องการปรับ pH ให้ได้ 3.6-3.7 พบว่าต้องใช้ Triethanolamine (TEA) สูงถึง 7% เพื่อให้ได้ pH ที่ต้องการ ซึ่งทำให้เนื้อเซรั่มเหนอะหนะ นอกจากนี้ เมื่อลองผสม Vitamin C (L-ascorbic acid) กับ Vitamin B3 (Niacinamide) ในสูตรเดียวกัน ก็เกิดสีเหลืองทันที ใช้ Sterile water for irrigation และใส่ Disodium EDTA แล้ว อยากทราบว่าปัญหาเหล่านี้เกิดจากอะไร และมีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้าง?

คำตอบ

คำแนะนำสำหรับการทำเซรั่มวิตามินซี

จากปัญหาที่คุณพบเกี่ยวกับการปรับ pH ด้วย Triethanolamine (TEA) และการผสม Vitamin C กับ Vitamin B3 แล้วเกิดสีเหลืองทันที ขอให้คำแนะนำดังนี้ครับ

การปรับ pH ด้วย Triethanolamine (TEA)

การที่คุณต้องใช้ Triethanolamine (TEA) ถึง 7% เพื่อให้ได้ pH 3.6-3.7 สำหรับสูตร Vitamin C 15% ถือว่าค่อนข้างสูงผิดปกติครับ โดยทั่วไปแล้ว Triethanolamine (TEA) ไม่ควรใช้เกิน 2.5% ในสูตรเครื่องสำอางตามข้อมูลผลิตภัณฑ์ ซึ่งการใช้ในปริมาณสูงอาจทำให้รู้สึกเหนอะหนะได้ตามที่คุณพบ

สาเหตุที่ต้องใช้ Triethanolamine (TEA) ในปริมาณมาก อาจเกิดจาก:

  • pH เริ่มต้นของสูตรต่ำมากเกินไป: ก่อนเติม TEA ควรวัด pH ของส่วนผสมทั้งหมดก่อนว่ามีค่าเท่าใด หากต่ำกว่าที่คาดไว้ อาจต้องตรวจสอบคุณภาพของ L-ascorbic acid ที่ใช้
  • คุณภาพของวัตถุดิบ: แม้จะใช้วัตถุดิบใหม่ แต่อาจมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อความเป็นกรด-ด่างได้

ทางเลือกอื่นในการปรับ pH:
นอกจาก Triethanolamine (TEA) คุณสามารถใช้ด่างตัวอื่นในการปรับ pH ได้ เช่น Sodium Hydroxide หรือ Potassium Hydroxide ซึ่งเป็นด่างที่แรงกว่า การใช้ Sodium Hydroxide หรือ Potassium Hydroxide ต้องทำด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ควรเตรียมเป็นสารละลายเจือจาง (เช่น 10% หรือ 20%) แล้วค่อยๆ หยดลงในสูตรทีละน้อย พร้อมวัด pH ตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้ pH สูงเกินไป การใช้สารละลายเจือจางจะช่วยให้ควบคุมการเปลี่ยนแปลง pH ได้ง่ายขึ้นครับ

การผสม Vitamin C และ Vitamin B3

ปัญหาการเกิดสีเหลืองทันทีเมื่อผสม Vitamin C (L-ascorbic acid) กับ Vitamin B3 (Niacinamide) เกิดจากความไม่เข้ากันของค่า pH ที่เหมาะสมของสารทั้งสองชนิดครับ

  • Vitamin C (L-ascorbic acid): มีความเสถียรและทำงานได้ดีที่ pH ต่ำ (ประมาณ 2.5-3.5)
  • Vitamin B3 (Niacinamide): มีความเสถียรที่ pH สูงกว่า (ประมาณ 5-7)

เมื่อนำมาผสมกันโดยตรงในสูตรเดียว ค่า pH ที่แตกต่างกันจะทำให้เกิดปฏิกิริยาและเร่งการเสื่อมสภาพของทั้งสองวิตามิน ซึ่งมักแสดงออกมาในรูปของสีเหลือง

วิธีแก้ไข:
ตามคำแนะนำในกระทู้ คุณสามารถลองแก้ไขโดยการละลาย Vitamin B3 (Niacinamide) ในน้ำปริมาณเล็กน้อยแยกต่างหากก่อน แล้วค่อยๆ ปรับลด pH ของสารละลาย Vitamin B3 ลงเล็กน้อยด้วยกรดอ่อนๆ (เช่น หยดสารละลาย Vitamin C หรือ Citric Acid เล็กน้อย) ก่อนที่จะนำไปผสมรวมกับเซรั่ม Vitamin C หลัก วิธีนี้จะช่วยลดความแตกต่างของ pH ในขณะที่ผสม ทำให้ปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดสีเหลืองลดลงได้ อย่างไรก็ตาม การทำให้วิตามินทั้งสองชนิดมีความเสถียรในสูตรเดียวกันในระยะยาวยังคงเป็นเรื่องที่ท้าทายครับ

นอกจากนี้ การใช้น้ำกลั่น (Sterile water for irrigation) แทนน้ำประปาเป็นสิ่งถูกต้องแล้วครับ เพราะน้ำประปามีแร่ธาตุและสิ่งเจือปนสูงที่สามารถเร่งการเสื่อมสภาพของ Vitamin C ได้ แม้จะใส่ Disodium EDTA แล้วก็ตาม

หวังว่าคำแนะนำนี้จะเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงสูตรเซรั่มของคุณนะครับ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)
เครื่องสำอาง
Propylene Glycol
Propylene Glycol
เครื่องสำอาง
Triethanolamine 99%
Triethanolamine 99%
เครื่องสำอาง
Disodium EDTA
Disodium EDTA
เครื่องสำอาง
Sodium Hydroxide
Sodium Hydroxide
เครื่องสำอาง