ปัญหาและวิธีแก้ไขในการทำเจลวิตามินซี

ดูเหมือนว่าคุณกำลังมีปัญหาในการใส่วิตามินอี (Tocopheryl Acetate) ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ละลายในน้ำมัน ลงในเนื้อเจลที่เป็นเบสของน้ำ นี่เป็นปัญหาที่พบบ่อยเนื่องจากน้ำมันและน้ำไม่เข้ากันตามธรรมชาติ

ขั้นตอนการผสมของคุณน่าจะเป็นสาเหตุของปัญหา เพราะคุณกำลังใส่วิตามินอีที่ละลายในน้ำมันลงในเฟสน้ำโดยตรง วิตามินอีอะซิเตทเป็นน้ำมันและต้องการตัวช่วยในการผสมกับน้ำ

วิธีแก้ไขปัญหาการผสม

เพื่อให้วิตามินอีเข้ากับเนื้อเจลของคุณได้อย่างเหมาะสม คุณต้องใช้ สารช่วยละลาย (solubilizer) หรือ สารอิมัลซิไฟเออร์ (emulsifier) ส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยให้น้ำมันและน้ำผสมเข้ากันได้อย่างสม่ำเสมอ

จากส่วนผสมที่มีอยู่ คุณสามารถใช้สารช่วยละลาย เช่น Flora Solve™ Clear หรือ Ultra Solve™ ได้

ขั้นตอนการผสมที่แนะนำ

นี่คือขั้นตอนการผสมที่ปรับปรุงใหม่ ซึ่งจะช่วยให้คุณสร้างเจลที่คงตัวได้:

1. รวมน้ำ, Butylene Glycol และ Ethoxydiglycol เข้าด้วยกันในภาชนะ
2. ในภาชนะเล็กๆ แยกต่างหาก ผสม วิตามินอี (Tocopheryl Acetate) กับสารช่วยละลายที่เหมาะสม เช่น Flora Solve™ Clear อัตราส่วนเริ่มต้นที่แนะนำคือ สารช่วยละลาย 2-5 ส่วน ต่อ วิตามินอี 1 ส่วน ผสมให้เข้ากันดีจนวิตามินอีกระจายตัวหรือละลายในสารช่วยละลายจนหมด
3. ค่อยๆ เติมส่วนผสมของวิตามินอี/สารช่วยละลาย ลงในเฟสน้ำ/ไกลคอลจากขั้นตอนที่ 1 ขณะคน
4. เติม Pro Polymer Silk ลงในส่วนผสม ใช้เครื่องผสมความเร็วสูงหรือเครื่องปั่น ผสมจนได้เนื้อเจล
5. เมื่อเจลก่อตัวแล้วและอุณหภูมิต่ำกว่า 30°C ให้เติมผง วิตามินซี (L-ascorbic acid) Ultra-Fine ลงไป และผสมจนละลายหมด
6. เติม Mild Preserved และผสมให้เข้ากัน
7. ตรวจสอบค่า pH ของเจลที่ได้ ค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับความคงตัวของวิตามินซีควรอยู่ระหว่าง 2.0 ถึง 4.0 ปรับค่า pH หากจำเป็น

การใช้สารช่วยละลายเพื่อช่วยกระจายวิตามินอีก่อนที่จะเติมลงในเฟสน้ำ จะช่วยให้คุณได้เจลที่ใสและคงตัวโดยที่น้ำมันไม่แยกชั้นครับ