ปัญหาการพัฒนาสูตร: ปรับ pH ไนท์ครีม, ขั้นตอนเซรั่ม, กันแดดเป็นขุย
คำถาม
ผมมีคำถามเกี่ยวกับการพัฒนาสูตร 3 เรื่องครับ:
เรื่องที่ 1: การปรับ pH ไนท์ครีม
ผมได้ทำ night cream โดยใช้ hot process ในกระบวนการทำ ซึ่งเป็นเบสครีมที่เหลือจากการซื้อโรงงานอื่น แต่ active ซื้อที่นี่ โดยที่ด้านล่างคือส่วนน้ำ ผมพยายามปรับส่วนนี้โดยใช้ Glycolic เพื่อให้ได้ pH 4 แต่ใส่ Glycolic ไปถึง 10% แล้ว pH ยังไม่ลงเลยครับ น่าตกใจมาก ต้องทำอย่างไรดีครับ
ควรปรับด้วย Citric Acid ก่อนดีไหมครับ ถ้าได้ ต้องใส่ Glycolic เป็นกี่ % ดีครับ
ส่วนผสมในส่วนน้ำคือ:
- Azelaic: 10%
- tranexamic: 5%
- Vitamin B3: 5%
- Phenoxyethanol: 1%
- Water: 30%
- glycolic: ปรับเข้าหา pH 4
เรื่องที่ 2: ขั้นตอนการผสมและการปรับ pH Serum
อ้างอิง topic3931.html#p16228 สนใจอยากทำเซรัมสูตรนี้ แต่ของผมปรับเป็นดังนี้:
- Sym White: 0.5%
- tranexamic: 5%
- Azelaic Acid: 10%
- ODA White plus: 3%
- perfect c: 5%
- Dipotassium Glycyrrhizate: 0.5%
- Vit E: 0.5%
- Butylene Glycol: 2%
- glycerine: 3%
- EDTA: 0.2%
- Pro Polymer: 1.5%
- SiliWater: 1%
- glycolic: pH 4
คำถามคือ:
- อยากทราบขั้นตอนการผสมครับ ว่าควรทำอะไรก่อนหลัง
- สูตรแรกที่ผมถามนั้น มันมี AZ และ tranexamic เช่นเดียวกัน ผมว่าการปรับ pH คงจะลำบาก รบกวนขอขั้นตอนการปรับ pH ด้วย glycolic สำหรับสูตรนี้ด้วยครับ
เรื่องที่ 3: ปัญหาการเป็นขุยและคราบในสูตรกันแดด
ผมทำกันแดด spf 60+ pa++++ โดยใช้สูตรดังนี้:
A
- Octocrylene: 6%
- DHHB: 5%
- Zinc Oxide 200nm: 8%
- lipid soft cc: 12%
B
- Water Capsule: 3%
- สีเบจ: 0.7%
C
- Water: 53%
- Light Cream Maker: 1.5%
- B3: 3%
- Phenoxyethanol: 0.5%
- EDTA: 0.2%
- MatteSilica: 2%
- Titanium pigment: 1%
- Propylene Glycol: 1%
D
- Tris-Biphenyl Triazine (Nano): 4%
- Titanium Dioxide EasyDisperse: 3%
ขั้นตอนการผสม:
- อุ่น A ที่ 65 องศา
- เติม B ใน A
- ผสม C
- นำ A+B เทลงใน C รอบเดียวจนหมด แล้วปั่น
- เติม D
ปัญหาที่พบ:
- ตอนแรก ผมไม่ใส่ MatteSilica และ titanium pigment แต่ใส่ BB microsilk 2% ปรากฏว่าเนื้อดี ไม่เป็นคราบ แต่หน้ามันง่ายมาก และหน้าหมองเหมือนโดนของในตอนเย็น เหงื่อออกไม่เป็นคราบ
- ตอนหลัง ผมทำตามสูตรที่ผมแนบเลย คือใส่ MatteSilica และ titanium pigment และไม่ใส่ BB microsilk ปรากฏว่าเนื้อสูตรดีเช่นกัน เกลี่ยง่ายมาก หน้าไบร์ททั้งวัน ยิ่งตอนเย็นหน้าวิ๊งมาก แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือ มันเป็นขุยเล็กๆ และเวลาเหงื่อออก มีคราบแป้งๆติดออกมาด้วย
คำถาม:
- ผมชอบสูตรที่แนบให้มาก แต่ติดที่มันเป็นขุยเล็กๆ และมันมีคราบเวลาเหงื่อออก อยากให้ช่วยแก้สูตรให้ผมหน่อยครับ
- สามารถใส่ oil fix ได้ไหมครับ และถ้าได้ใส่กี่ % ครับ
คำตอบ
คำตอบสำหรับคำถามการพัฒนาสูตร
สวัสดีครับ เข้าใจว่ากำลังพัฒนาสูตรเครื่องสำอางหลายตัวเลยนะครับ ขอตอบเป็นข้อๆ ไปนะครับ
เรื่องที่ 1: การปรับ pH Night Cream
ที่คุณพบว่าใส่ Glycolic Acid ถึง 10% แล้ว pH ยังไม่ลดลงเท่าที่ควร เป็นไปได้ว่าเบสครีมที่คุณซื้อมามีระบบบัฟเฟอร์ (Buffer) ที่แข็งแรงมาก หรือส่วนผสมอื่นๆ ในสูตรของคุณ เช่น Vitamin B3 5% ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นบัฟเฟอร์ได้ กำลังต้านทานการเปลี่ยนแปลง pH อยู่ ทำให้ต้องใช้กรดปริมาณมากเพื่อเอาชนะบัฟเฟอร์นั้น
การใช้ Glycolic Acid เพื่อปรับ pH พร้อมกับเป็น Active Ingredient ในปริมาณสูง (เช่น 10%) อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย หากสูตรมีบัฟเฟอร์สูงจนต้องใช้ Glycolic Acid ปริมาณมากจริงๆ เพื่อให้ถึง pH 4 อาจต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในการใช้บนผิวครับ
คำแนะนำ:
- ใช้ Citric Acid ช่วยปรับ pH เบื้องต้น: เป็นแนวทางที่ดีครับ การใช้กรดที่แรงกว่าอย่าง Citric Acid (ซึ่งมักใช้ปรับ pH ทั่วไปและราคาไม่สูงเท่า Glycolic Acid) เพื่อลด pH ลงมาให้อยู่ในช่วงใกล้เคียงเป้าหมาย (เช่น pH 4.5-5) ก่อน จะช่วยลดปริมาณ Glycolic Acid ที่ต้องใช้ในการปรับ pH ขั้นสุดท้ายได้
- ขั้นตอนการปรับ pH:
- ผสมส่วนผสมทั้งหมดในส่วนน้ำตามปกติ (Azelaic Acid, Tranexamic Acid, Vitamin B3, Phenoxyethanol, Water) เข้ากับเบสครีมที่ทำเสร็จแล้ว (หลัง Hot Process และเย็นตัวลง) ผสมให้เข้ากันดี
- วัด pH ของเนื้อครีมที่ได้
- เตรียมสารละลาย Citric Acid ความเข้มข้นต่ำๆ (เช่น 10-20%) ค่อยๆ หยดสารละลาย Citric Acid ลงในเนื้อครีมทีละน้อย ใช้ไม้พายหรือเครื่องปั่นขนาดเล็กคน/ปั่นให้เข้ากันดี แล้ววัด pH ทำซ้ำจนกว่า pH จะลดลงมาอยู่ในช่วงประมาณ 4.5-5
- เมื่อ pH อยู่ในช่วง 4.5-5 แล้ว ค่อยๆ เติม Glycolic Acid ผงทีละน้อย (หรือเตรียมเป็นสารละลายก่อนก็ได้) คน/ปั่นให้เข้ากันดี แล้ววัด pH ทำซ้ำจนกว่า pH จะถึง 4 ที่ต้องการ
- ปริมาณ Glycolic Acid ที่เหมาะสม: หากคุณต้องการให้ Glycolic Acid เป็น Active ด้วย การใส่ 5-10% ถือเป็นปริมาณที่ให้ผลัดเซลล์ผิวได้ดี แต่ปริมาณ Glycolic Acid ที่จะใช้ เพื่อปรับ pH นั้นไม่สามารถระบุเป็น % ที่แน่นอนได้เลยครับ ขึ้นอยู่กับ pH เริ่มต้นและกำลังบัฟเฟอร์ของสูตรทั้งหมด ต้องใช้วิธีค่อยๆ เติมและวัด pH ไปเรื่อยๆ (Titration) จนกว่าจะได้ pH ที่ต้องการครับ
เรื่องที่ 2: ขั้นตอนการผสมและการปรับ pH Serum
สำหรับสูตรเซรัมที่คุณปรับมา มีส่วนผสมที่น่าสนใจหลายตัวเลยครับ โดยเฉพาะกลุ่ม Whitening Actives
1. ขั้นตอนการผสม:
จากส่วนผสมที่ให้มาและลักษณะของ Pro Polymer ที่เป็น thickener ที่ต้องถูก Neutralize เพื่อสร้างเนื้อเจล/เซรัม และส่วนผสมอื่นๆ ที่มีทั้งละลายน้ำและละลายในตัวทำละลายอื่นๆ (เช่น Glycols หรือ Ester) ขั้นตอนการผสมที่แนะนำจะเป็นดังนี้ครับ:
- Phase A (Water Phase):
- ในภาชนะที่ 1 ผสม Water, Butylene Glycol, Glycerin, EDTA, Tranexamic Acid, Azelaic Acid Water Soluble, Vitamin B3, Dipotassium Glycyrrhizate. คนหรือใช้เครื่องปั่นให้ส่วนผสมที่เป็นผงละลายจนใสเข้ากันดี (อาจต้องใช้ความร้อนเล็กน้อยช่วยละลาย Azelaic Acid Water Soluble และ Tranexamic Acid หากละลายยากในอุณหภูมิห้อง)
- Phase B (Oil/Active Phase):
- ในภาชนะที่ 2 ผสม Sym White, ODA White plus, Perfect C (Ascorbyl Tetraisopalmitate), Vit E (Tocopheryl Acetate). ส่วนผสมเหล่านี้มักจะละลายในน้ำมันหรือ Ester แต่ในสูตรนี้ไม่มี Oil Phase ชัดเจน อาจต้องใช้ Butylene Glycol หรือ Glycerin ใน Phase A ช่วยละลาย หรืออาจต้องใช้ตัวทำละลายอื่นๆ ที่เหมาะสม (ซึ่งไม่ได้ระบุในสูตร) หากละลายยาก อาจต้องใช้ความร้อนช่วยเล็กน้อยเช่นกัน
- Phase C (Thickener Dispersion):
- ค่อยๆ โรย Pro Polymer ลงใน Phase A (ที่ละลายส่วนผสมอื่นๆ แล้ว) ทีละน้อย พร้อมกับใช้เครื่องปั่น (เช่น Homogenizer หรือเครื่องปั่นความเร็วสูง) ปั่นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ Pro Polymer กระจายตัวในน้ำได้ดี ไม่จับตัวเป็นก้อน ปั่นจนกระจายตัวหมด
- Combining Phases:
- เท Phase B ลงใน Phase A+C ที่กระจาย Pro Polymer แล้ว ปั่นให้เข้ากันดี
- Neutralization (สำคัญมากสำหรับ Pro Polymer):
- ในสูตรของคุณยังขาดสาร Neutralizer (สารปรับให้เป็นกลาง) สำหรับ Pro Polymer ครับ Pro Polymer จะสร้างเนื้อเจลได้เมื่อถูกปรับให้เป็นกลางด้วยด่างอ่อนๆ เช่น Triethanolamine (TEA) หรือ Sodium Hydroxide (NaOH) ในรูปสารละลาย
- เตรียมสารละลาย Neutralizer (เช่น TEA 10% หรือ NaOH 10%) ค่อยๆ หยดสารละลาย Neutralizer ลงในเนื้อเซรัม พร้อมกับปั่นอย่างต่อเนื่อง เนื้อเซรัมจะค่อยๆ ข้นขึ้นเรื่อยๆ หยุดหยด Neutralizer เมื่อได้ความข้นที่ต้องการ หรือเมื่อ pH อยู่ในช่วงที่เหมาะสมสำหรับการ Neutralize Pro Polymer (มักจะสูงกว่า pH 4)
- Adding Preservative & Silicone:
- เติม Phenoxyethanol และ SiliWater ลงในเนื้อเซรัมที่ได้ ปั่นให้เข้ากัน
- pH Adjustment (ด้วย Glycolic Acid):
- วัด pH ของเซรัมที่ได้หลัง Neutralize และใส่ Preservative & Silicone แล้ว pH น่าจะค่อนข้างสูง
- ค่อยๆ เติม Glycolic Acid ผงทีละน้อย (หรือเตรียมเป็นสารละลาย) ลงในเซรัม พร้อมกับปั่นให้เข้ากันดี วัด pH ทำซ้ำจนกว่า pH จะลดลงมาถึง 4 ที่ต้องการ
ข้อควรระวัง:
- การละลายของ Sym White, ODA White plus, Perfect C, และ Vit E ในสูตรนี้อาจเป็นปัญหาได้ เนื่องจากไม่มี Oil Phase หรือ Ester ในปริมาณมากพอ ควรตรวจสอบความสามารถในการละลายของส่วนผสมเหล่านี้ใน Butylene Glycol/Glycerin หรือพิจารณาเพิ่มตัวทำละลายที่เหมาะสม
- ต้องมี Neutralizer สำหรับ Pro Polymer ครับ หากไม่มี Pro Polymer จะไม่สามารถสร้างเนื้อเจลได้
เรื่องที่ 3: ปัญหาการเป็นขุยและคราบในสูตรกันแดด
เข้าใจปัญหาเรื่องเนื้อสัมผัสและคราบที่เกิดขึ้นครับ สูตรกันแดดเป็นสูตรที่ค่อนข้างซับซ้อน เนื่องจากมีส่วนผสมที่เป็นผง/สารแขวนลอยจำนวนมาก (Zinc Oxide, Titanium Dioxide, Matte Silica, Titanium pigment) ซึ่งมีผลอย่างมากต่อเนื้อสัมผัส ความเสถียร และการเกิดคราบ
วิเคราะห์ปัญหา:
- สูตรแรก (มี BB Microsilk, ไม่มี Matte Silica, Titanium pigment): เนื้อดี ไม่เป็นคราบ แต่หน้ามันและหมองตอนเย็น แสดงว่า BB Microsilk อาจไม่ได้ช่วยควบคุมความมันได้ดีเท่า Matte Silica และอาจมีผลต่อสีผิวเมื่อเวลาผ่านไป
- สูตรที่สอง (มี Matte Silica, Titanium pigment, ไม่มี BB Microsilk): เนื้อดี เกลี่ยง่าย หน้าไบร์ท แต่เป็นขุย/คราบเมื่อเหงื่อออก แสดงว่า Matte Silica และ Titanium pigment ที่เพิ่มเข้ามาช่วยเรื่องความไบร์ทและอาจคุมมันได้ดีขึ้น แต่มีปัญหาเรื่องการกระจายตัว การเข้ากันได้กับส่วนผสมอื่น หรือปริมาณรวมของผงในสูตรสูงเกินไป ทำให้เกิดการ Pilling (เป็นขุย) และเป็นคราบเมื่อโดนน้ำ/เหงื่อ
สาเหตุของการเป็นขุย/คราบในสูตรที่สอง:
- ปริมาณผงสูง: การรวมกันของ Zinc Oxide (8%), Titanium Dioxide (3%), Matte Silica (2%), และ Titanium pigment (1%) ทำให้มีปริมาณสารที่เป็นผง/สารแขวนลอยรวมกันค่อนข้างสูง (ประมาณ 14%) ซึ่งอาจทำให้เกิด Pilling ได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อมี Polymer หรือ Thickener บางชนิดในสูตร (Light Cream Maker อาจมีส่วนประกอบของ Polymer)
- การกระจายตัวของผง: หาก Matte Silica, Titanium pigment, Zinc Oxide, และ Titanium Dioxide กระจายตัวในเนื้อสูตรได้ไม่ดีพอ อาจทำให้เกิดการรวมตัวกันเป็นก้อนเล็กๆ ซึ่งจะกลายเป็นขุยเมื่อทาลงบนผิว
- ระบบ Emulsifier และการเข้ากันได้: ระบบ Emulsifier (Water Capsule, Light Cream Maker) และขั้นตอนการผสมอาจไม่เหมาะสมกับการกระจายตัวและคงสภาพของผงปริมาณมาก ทำให้ผงหลุดลอกออกมาเป็นคราบเมื่อโดนน้ำ/เหงื่อ
- Film Formation: ฟิล์มที่เกิดขึ้นบนผิวอาจไม่ยืดหยุ่นหรือแข็งแรงพอที่จะยึดเกาะผงต่างๆ ไว้ได้เมื่อผิวมีการเคลื่อนไหวหรือมีเหงื่อ
การแก้ไขสูตรเพื่อลดการเป็นขุย/คราบ:
การเพิ่ม Oil-Fix (ซึ่งมักจะเป็นสารดูดซับความมันประเภทผง เช่น Silica Dimethyl Silylate) อาจช่วยเรื่องความมันได้ แต่มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้ปัญหาการเป็นขุย/คราบแย่ลงไปอีก เนื่องจากเป็นการเพิ่มปริมาณผงในสูตรให้สูงขึ้นไปอีกครับ
คำแนะนำในการปรับปรุงสูตรกันแดด:
- ปรับปรุงการกระจายตัวของผง:
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Zinc Oxide, Titanium Dioxide, Matte Silica, และ Titanium pigment ถูกกระจายตัวอย่างสมบูรณ์ใน Phase A (Oil Phase) โดยใช้เครื่องปั่นความเร็วสูง (เช่น Homogenizer) ปั่นให้นานพอจนเนื้อเนียนสม่ำเสมอ ไม่มีเม็ดผงเหลืออยู่
- พิจารณาใช้สารช่วยกระจายผง (Dispersing Agent) ที่เหมาะสมกับ Oil Phase เพื่อช่วยให้ผงกระจายตัวได้ดียิ่งขึ้น
- พิจารณาปริมาณผงรวม: ปริมาณผงรวม 14% อาจสูงเกินไปสำหรับระบบ Emulsifier และ Polymer ในสูตรนี้ หากต้องการลดปัญหาการเป็นขุย อาจต้องลองลดปริมาณ Matte Silica หรือ Titanium pigment ลงเล็กน้อย หรือพิจารณาปรับ Emulsifier/Polymer
- ปรับปรุงระบบ Emulsifier และ Film Former:
- ระบบ Emulsifier แบบ Water-in-Oil (Water Capsule) ร่วมกับ Light Cream Maker อาจไม่เหมาะกับการคงสภาพผงปริมาณมากและสร้างฟิล์มที่ยืดหยุ่นพอ
- พิจารณาเพิ่มสารสร้างฟิล์ม (Film Former) ที่ช่วยยึดเกาะผงบนผิวและเพิ่มความทนน้ำ/เหงื่อ เช่น Trimethylsiloxysilicate หรือ Acrylates Copolymer บางชนิดที่เหมาะกับสูตรกันแดด (ควรทดสอบความเข้ากันได้กับส่วนผสมอื่นๆ ในสูตร)
- อาจต้องพิจารณาปรับชนิดหรือปริมาณของ Water Capsule และ Light Cream Maker หรือลองใช้ Emulsifier ชนิดอื่นที่ออกแบบมาสำหรับสูตรกันแดดที่มีผงปริมาณมากโดยเฉพาะ
- ขั้นตอนการผสม: ขั้นตอนการเท Phase A+B ลงใน C รอบเดียวแล้วปั่น อาจทำให้การกระจายตัวของ Phase B (ที่มีสีเบจ) และการสร้างเนื้อของ Phase C (ที่มี Light Cream Maker) ไม่สมบูรณ์ ลองปรับขั้นตอนการผสมให้เหมาะสมกับชนิดของ Emulsifier ที่ใช้ โดยทั่วไปสำหรับ W/O หรือ O/W ที่มีผง อาจต้องค่อยๆ เท Phase น้ำลงใน Phase น้ำมัน (หรือกลับกัน ขึ้นอยู่กับ Emulsifier) พร้อมปั่นอย่างต่อเนื่อง
การแก้ไขปัญหาการเป็นขุยและคราบในสูตรกันแดดต้องอาศัยการทดลองปรับทั้งปริมาณผง สารช่วยกระจายตัว ระบบ Emulsifier/Polymer และขั้นตอนการผสมครับ การเพิ่ม Oil-Fix อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับปัญหานี้
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Propylene Glycol

Triethanolamine 99%

Light Cream Maker™

Glycerin (USP/Food Grade)

Phenoxyethanol (Extra Pure)

Disodium EDTA

Azelaic Acid (Liquid Azelaic™)

Pro Polymer™ (Gel Maker)

Zinc Oxide 200nm EasyDisperse™

BB Micro Silk™

Octocrylene

Titanium Dioxide 250nm Pigment (Non-Treated)

Butylene Glycol

SiliSolve™ (PEG-10 Dimethicone, Odorless)

LipidSoft™ CC (Cetyl Ethylhexanoate)
