ปัญหาความเสถียรและกลิ่นในเซรั่ม Vitamin C SAP และกลูต้าไธโอน

ถามโดย: kittinaovarat เมื่อ: April 18, 2023 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ต้องการทราบวิธีแก้ไขปัญหาความไม่เสถียร (เปลี่ยนสีเหลืองบริเวณคอขวด) และกลิ่นแรงในเซรั่มที่มีส่วนผสมของ Vitamin C SAP 10%, Hyaluronic Acid 0.5%, Phenoxyethanol 0.9%, L-Glutathione Reduced 1%, Disodium EDTA 0.2%, Sodium Gluconate 0.2%, Xanthan Gum 0.2%, และ Nonapeptide-1 1%?

คำตอบ

ปัญหาเซรั่ม Vitamin C (SAP) เรื่องความเสถียรและกลิ่น

ปัญหาที่คุณพบเกี่ยวกับเซรั่ม Vitamin C (SAP) ทั้งเรื่องการเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองและกลิ่น เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยเมื่อใช้ส่วนผสมอย่าง Vitamin C SAP และ L-Glutathione Reduced ร่วมกันในสูตรเดียว

ปัญหาความเสถียร (การเปลี่ยนสีเหลือง)

การที่เซรั่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง โดยเฉพาะบริเวณคอขวด เป็นสัญญาณของการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความไม่เสถียรเมื่อรวม Sodium Ascorbyl Phosphate (Vitamin C SAP) และ L-Glutathione Reduced ไว้ในสูตรเดียวกัน

  • ค่า pH ที่ขัดแย้งกัน: Sodium Ascorbyl Phosphate (Vitamin C SAP) มีความเสถียรสูงสุดในสภาพแวดล้อมที่เป็นด่าง (pH 7-9) ในขณะที่ L-Glutathione Reduced มีความเสถียรสูงสุดในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด (pH 3-6) และไวต่อความร้อนสูงกว่า 40°C เมื่อนำมารวมกันในสูตรเดียว ค่า pH ที่เหมาะสมจะต้องเป็นค่ากลางๆ ซึ่งทำให้ส่วนผสมทั้งสองไม่เสถียรเท่าที่ควร ส่งผลให้เกิดการเสื่อมสภาพและเปลี่ยนสีเหลืองได้เร็วขึ้น
  • การเกิดออกซิเดชัน: การสัมผัสกับอากาศและแสงจะเร่งกระบวนการออกซิเดชัน ทำให้เกิดการเปลี่ยนสีเหลือง โดยเฉพาะบริเวณคอขวดที่สัมผัสกับอากาศได้มากที่สุด
  • วิธีแก้ไข: วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดเพื่อให้ส่วนผสมทั้งสองมีความเสถียรสูงสุดคือ แยกทำเป็นเซรั่ม 2 สูตร
    • เซรั่มสูตรที่ 1: ใช้ Vitamin C SAP ปรับค่า pH ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม (7-9)
    • เซรั่มสูตรที่ 2: ใช้ L-Glutathione Reduced ปรับค่า pH ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม (3-6)
    • การแยกสูตรจะช่วยให้ส่วนผสมแต่ละชนิดอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความเสถียรสูงสุด
  • บรรจุภัณฑ์: การใช้ขวดทึบแสงและหัวปั๊มแบบ Airless (ไม่มีอากาศเข้า) สามารถช่วยลดการสัมผัสกับแสงและออกซิเจนได้อย่างมาก ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเสถียรได้อีกทางหนึ่ง
  • สารคีเลต: การใส่สารคีเลต (Chelating Agents) เช่น Disodium EDTA และ Sodium Gluconate เป็นประโยชน์ในการช่วยจับไอออนของโลหะที่อาจเร่งปฏิกิริยาออกซิเดชัน สูตรของคุณมีส่วนผสมเหล่านี้ในปริมาณที่เหมาะสมแล้ว

ปัญหากลิ่น

กลิ่นที่ค่อนข้างแรงน่าจะมาจาก L-Glutathione Reduced

  • L-Glutathione Reduced มีกลิ่นธรรมชาติคล้ายกำมะถัน
  • แม้ว่าคุณจะลองใช้ Odor-Kill 1% แล้ว แต่อาจยังไม่เพียงพอที่จะกลบกลิ่นได้ทั้งหมด โดยเฉพาะเมื่อใช้ Glutathione ในความเข้มข้น 1%
  • วิธีแก้ไข:
    • พิจารณาใช้ L-Glutathione Reduced ชนิดที่ผ่านกระบวนการลดกลิ่น (Deodorized) หากมีจำหน่าย
    • การเติมน้ำหอมสำหรับเครื่องสำอางในปริมาณเล็กน้อยสามารถช่วยกลบกลิ่นได้ แต่ควรระวังว่าน้ำหอมบางชนิดอาจส่งผลต่อความเสถียรของสูตร หรือทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้

สรุปคือ ปัญหาหลักเกิดจากความไม่เข้ากันของ Vitamin C SAP และ L-Glutathione Reduced ในสูตรเดียว เนื่องจากค่า pH ที่เหมาะสมในการคงสภาพต่างกัน การแยกส่วนผสมทั้งสองนี้ออกเป็นสองผลิตภัณฑ์จึงเป็นวิธีที่แนะนำเพื่อให้ได้ความเสถียรและประสิทธิภาพสูงสุด。

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Hyaluronic Acid (Standard Molecule)
Hyaluronic Acid (Standard Molecule)
เครื่องสำอาง
Phenoxyethanol (Extra Pure)
Phenoxyethanol (Extra Pure)
เครื่องสำอาง
Disodium EDTA
Disodium EDTA
เครื่องสำอาง
Sodium Gluconate
Sodium Gluconate
เครื่องสำอาง
Pep®-Radiance (Nonapeptide-1)
Pep®-Radiance (Nonapeptide-1)
เครื่องสำอาง
Sodium Ascorbyl Phosphate (Vitamin C SAP, e.q. Stay C50)
Sodium Ascorbyl Phosphate (Vitamin C SAP, e.q. Stay C50)
เครื่องสำอาง
Glutathione (L-Glutathione Reduced)
Glutathione (L-Glutathione Reduced)
เครื่องสำอาง