ปัญหาเซรั่ม/อิมัลชันแยกชั้นในการผลิตปริมาณน้อย

สวัสดีค่ะ

เข้าใจปัญหาที่คุณ sj_ying กำลังเจอในการทำเซรั่มสูตรน้ำผสมน้ำมันนะคะ ปัญหาการแยกชั้นของอิมัลชัน (สูตรที่มีน้ำและน้ำมันผสมกัน) เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจในหลายขั้นตอนค่ะ จากสูตรและข้อมูลที่คุณให้มา รวมถึงคำแนะนำจากคุณ cosmeceutical7 และข้อมูลจากส่วนผสมต่างๆ ที่ใช้ สามารถวิเคราะห์และให้คำแนะนำเพิ่มเติมได้ดังนี้ค่ะ

สาเหตุที่เป็นไปได้ของปัญหาการแยกชั้น

1. ความแม่นยำในการชั่งตวง (ตามที่คุณ cosmeceutical7 แนะนำ): การทำในปริมาณน้อยเพียง 20 กรัม ทำให้การชั่งส่วนผสมที่มีปริมาณน้อยมากๆ เช่น Light cream maker 1% (เท่ากับ 0.2 กรัม) หรือ Hyaluronic Acid ทั้งสองชนิดรวมกัน 1% (เท่ากับ 0.2 กรัม) เกิดความคลาดเคลื่อนได้ง่ายมากค่ะ หากปริมาณของ Light cream maker ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารประสานเนื้อ (Emulsifier) ไม่เพียงพอหรือไม่สม่ำเสมอในแต่ละครั้งที่ทำ สูตรก็จะไม่เสถียรและแยกชั้นได้ง่ายที่สุดค่ะ
2. การละลายของ Hyaluronic Acid: Hyaluronic Acid ชนิดผง (ทั้ง Standard และ Nano) ต้องการเวลาและ/หรือพลังงานในการละลายในน้ำให้สมบูรณ์ค่ะ จากข้อมูลผลิตภัณฑ์ Hyaluronic Acid (Standard Molecule) ระบุว่าหากไม่มีเครื่องปั่นต้องใช้เวลาในการเขย่าและแช่เย็นอย่างน้อย 3 ชั่วโมงเพื่อให้ละลายหมด หรือใช้เครื่องปั่นความเร็วสูง (>1000 rpm) หากผงยังละลายไม่หมดก่อนนำไปผสมกับส่วนน้ำมัน อาจทำให้ความหนืดของเฟสน้ำไม่คงที่ และส่งผลต่อความเสถียรของอิมัลชันได้ค่ะ
3. เทคนิคและลำดับการผสม: แม้ว่าการเติมเฟสน้ำลงในเฟสน้ำมันพร้อมตีจะเป็นวิธีหนึ่งในการทำอิมัลชัน แต่ประสิทธิภาพจะขึ้นอยู่กับชนิดของ Light cream maker ที่ใช้ พลังงานในการตี (ความเร็วและระยะเวลา) และอุณหภูมิที่ใช้ในการผสม หาก Cream maker ต้องการพลังงานในการตีสูง หรือต้องใช้อุณหภูมิที่เหมาะสมในการขึ้นอิมัลชัน การตีด้วยมือหรือเครื่องตีที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ส่วนผสมเข้ากันไม่สมบูรณ์ค่ะ
4. การเติม Centella Asiatica Extract: จากข้อมูลผลิตภัณฑ์ Centella Asiatica Extract (Madecassoside 90%) แนะนำให้เติมในขั้นตอนสุดท้าย (ลงในเนื้อเจลหรือครีมที่ขึ้นแล้ว) และหลีกเลี่ยงความร้อน การที่คุณเติม Centella ลงในเฟสน้ำก่อนการขึ้นอิมัลชัน อาจส่งผลต่อความเสถียรของเฟสน้ำ หรือหาก Cream maker ที่ใช้ไวต่อส่วนผสมบางอย่างใน Centella ก็อาจมีผลต่อการขึ้นอิมัลชันได้ค่ะ
5. การเก็บรักษาส่วนผสม: จากข้อมูลผลิตภัณฑ์ Hyaluronic Acid (Standard Molecule), Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 800daltons), Hyaluronic Acid (Nano Molecule, 2000daltons), และ Centella Asiatica Extract (Madecassoside 90%) แนะนำให้เก็บในตู้เย็นสำหรับการเก็บระยะยาว เพื่อรักษาคุณภาพและประสิทธิภาพของส่วนผสมค่ะ ส่วน Phenoxyethanol, Moringa Oil, Jojoba Oil, และ Grape Seed Oil สามารถเก็บที่อุณหภูมิห้องได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงความร้อน แสงแดด และอากาศ การเก็บรักษาส่วนผสมที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้คุณภาพลดลง ซึ่งส่งผลต่อความเสถียรของสูตรได้เช่นกันค่ะ

คำแนะนำในการปรับปรุงสูตรและกระบวนการ

1. เพิ่มความแม่นยำในการชั่ง: หากเป็นไปได้ ควรเพิ่มปริมาณในการทำแต่ละครั้ง เพื่อให้การชั่งส่วนผสมที่มีปริมาณน้อยทำได้แม่นยำขึ้น หรือใช้เครื่องชั่งที่มีความละเอียดสูงมากๆ ค่ะ
2. ตรวจสอบวิธีการใช้ Light cream maker: หากทราบชื่อเฉพาะของ Light cream maker ที่ใช้ ควรศึกษาข้อมูลและวิธีการใช้ที่ผู้จำหน่ายแนะนำอย่างละเอียด และปฏิบัติตามขั้นตอน อุณหภูมิ และพลังงานในการตีที่แนะนำค่ะ
3. ตรวจสอบการละลายของ Hyaluronic Acid: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผง Hyaluronic Acid ละลายในน้ำกลั่นจนหมดและขึ้นเนื้อเจลใสดีแล้ว ก่อนนำไปผสมกับส่วนน้ำมัน อาจต้องใช้เวลาในการแช่เย็นตามคำแนะนำผลิตภัณฑ์ หรือใช้เครื่องปั่นช่วยค่ะ
4. ปรับลำดับการเติม Centella: ลองเปลี่ยนมาเติม Centella Asiatica Extract ในขั้นตอนสุดท้าย หลังจากที่เซรั่มขึ้นเนื้ออิมัลชันและเย็นตัวลงแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อกระบวนการขึ้นอิมัลชันค่ะ
5. ควบคุมกระบวนการผสมให้สม่ำเสมอ: พยายามใช้ความเร็วและระยะเวลาในการตีที่สม่ำเสมอในแต่ละครั้งที่ทำ หากใช้เครื่องตี ควรใช้ความเร็วที่เหมาะสมเพื่อให้ส่วนผสมเข้ากันได้ดีค่ะ
6. การเก็บรักษาส่วนผสม: ควรเก็บส่วนผสมตามคำแนะนำของผู้จำหน่าย โดยเฉพาะ Hyaluronic Acid และ Centella Asiatica Extract ที่แนะนำให้เก็บในตู้เย็น เพื่อรักษาคุณภาพของวัตถุดิบค่ะ

ปัญหาการแยกชั้นในสูตรอิมัลชันที่ทำในปริมาณน้อยมักเกิดจากความคลาดเคลื่อนในการชั่งส่วนผสมที่เป็น Emulsifier เป็นหลักค่ะ การปรับปรุงความแม่นยำในการชั่งและการทำตามวิธีการใช้ Cream maker ที่ถูกต้องน่าจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้มากที่สุดค่ะ

หวังว่าคำแนะนำนี้จะเป็นประโยชน์นะคะ