ปัญหาเนื้อสัมผัสและความคงตัวของเจลอาบน้ำ: เนื้อยืดและตกตะกอน
คำถาม
กำลังพัฒนาสูตรเจลอาบน้ำ โดยใช้ส่วนผสมดังนี้ค่ะ:
- Baby Foam™ (Sodium Cocoyl Isethionate)
- Cocamidopropyl Betaine
- Decyl Glucoside
- Lauryl Glucoside
ความเข้มข้นรวมของสารลดแรงตึงผิวอยู่ที่ 45% โดยมีขั้นตอนการผสมที่ต้องนำกลูโคไซด์ไปวอร์มให้ร้อนก่อนผสม ซึ่งจะได้เนื้อเจลออกมาค่ะ แต่มีปัญหาที่พบคือ:
- เมื่อนำเนื้อเจลที่ได้ไปผสมกับน้ำแล้ว เนื้อสบู่จะกลายเป็นมูกๆ ยืดๆ
- เมื่อตั้งทิ้งไว้นานๆ จะมีลักษณะเป็นเม็ดสีขาวขุ่นเกาะที่ก้นภาชนะ
อยากสอบถามว่าปัญหานี้น่าจะเกิดจากสาเหตุใด และมีแนวทางแก้ไขอย่างไรบ้างคะ?
คำตอบ
ทำความเข้าใจปัญหาเนื้อสัมผัสและความคงตัวของเจลอาบน้ำ
ขอบคุณที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับสูตรเจลอาบน้ำและปัญหาที่พบนะคะ ปัญหาที่คุณอธิบายว่าเมื่อผสมกับน้ำแล้วเนื้อสบู่เป็นมูกๆ ยืดๆ และเมื่อตั้งทิ้งไว้นานๆ จะมีลักษณะเป็นเม็ดสีขาวขุ่นเกาะที่ก้นภาชนะ มีแนวโน้มว่าเกี่ยวข้องกับการทำงานร่วมกันและการละลายของสารลดแรงตึงผิวที่คุณใช้ โดยเฉพาะ Baby Foam™ (Sodium Cocoyl Isethionate)
จากคุณสมบัติของส่วนประกอบต่างๆ:
- Baby Foam™ (Sodium Cocoyl Isethionate): เป็นสารลดแรงตึงผิวประจุลบที่อ่อนโยนและให้ฟองได้ดี อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่าสารชนิดนี้ สามารถตกตะกอนได้ง่ายในสูตรที่เป็นของเหลวแบบเจล การที่พบเม็ดสีขาวขุ่นตกตะกอนที่ก้นภาชนะเป็นข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่า Sodium Cocoyl Isethionate กำลังตกผลึกออกจากสารละลายเมื่อเวลาผ่านไป
- Cocamidopropyl Betaine: เป็นสารลดแรงตึงผิวแบบ Amphoteric ซึ่งเข้ากันได้ดีกับสารลดแรงตึงผิวประเภทอื่นๆ และช่วยเสริมเรื่องฟองและเนื้อสัมผัส
- Decyl Glucoside และ Lauryl Glucoside: เป็นสารลดแรงตึงผิวแบบไม่มีประจุ ซึ่งอ่อนโยน แต่มีความหนืดสูงและอาจต้องใช้ความร้อนช่วยในการผสม ซึ่งคุณได้ทำอยู่แล้ว ค่า pH ที่สูงโดยธรรมชาติของสารกลุ่มนี้ก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาในภาพรวมของสูตร
การผสมสารลดแรงตึงผิวต่างประเภท ทั้งประจุลบ (Baby Foam™), ไม่มีประจุ (Glucosides) และ Amphoteric (Cocamidopropyl Betaine) เข้าด้วยกัน อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาที่ซับซ้อนซึ่งส่งผลต่อความหนืดและความคงตัว ความเข้มข้นรวมของสารลดแรงตึงผิวที่สูง (45%) ในสูตรของคุณก็เป็นอีกปัจจัยที่เพิ่มความซับซ้อนนี้
เนื้อสัมผัสที่เป็นมูกๆ เมื่อเจือจาง อาจเป็นผลมาจากโครงสร้างไมเซลล์ที่เฉพาะเจาะจงซึ่งเกิดขึ้นจากการผสมสารลดแรงตึงผิวเหล่านี้ ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับปัญหาการละลายหรือไม่เข้ากันที่นำไปสู่การตกตะกอน
รายละเอียดผลิตภัณฑ์ของ Baby Foam™ ได้แนะนำให้ใส่ Disodium EDTA 0.1% ในสูตรเพื่อช่วยป้องกันการแข็งตัวหรือการตกตะกอน การที่สูตรของคุณไม่มีส่วนประกอบนี้ อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาการตกตะกอนได้
ทางทีมงานได้แจ้งว่าจะส่งสูตรและขั้นตอนของคุณให้ฝ่าย R&D ทำการทดสอบ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหาสาเหตุที่แท้จริงและแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมกับสูตรของคุณโดยเฉพาะ ทาง R&D จะสามารถพิจารณาได้ว่าจำเป็นต้องปรับอัตราส่วนของสารลดแรงตึงผิว, ค่า pH, วิธีการผสม หรือการเติมสารคีเลต (Chelating Agent) เช่น Disodium EDTA เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่คงตัวและเป็นที่ต้องการหรือไม่
ขอขอบคุณสำหรับความอดทนในระหว่างที่ทีม R&D กำลังตรวจสอบสูตรของคุณค่ะ