ปัญหาและคำแนะนำการพัฒนาสูตรเจลว่านหางจระเข้: สารก่อเจล สารกันเสีย และเนื้อสัมผัส

คำถาม

กำลังทดลองทำเจลว่านหางจระเข้เพื่อเน้นความชุ่มชื้นและลดริ้วรอย โดยต้องการให้มี pH 5.5 มีสารเคมีต่ำ และเน้นส่วนผสมจากธรรมชาติ โดยตั้งใจจะใช้สารสกัดว่านหางจระเข้แทนน้ำคั้นสด มีคำถามเกี่ยวกับส่วนผสมบางตัวและปัญหาที่พบดังนี้ค่ะ:

เมื่อใช้ Hydroxyethyl Cellulose 1% ในน้ำเปล่า RO ได้เนื้อเจลที่ทาผิวแล้วเมื่อแห้งเหมือนมีฟิล์มเคลือบผิวและหลุดร่อนเป็นขุยได้ ลักษณะนี้เป็นปกติของสารก่อเจลชนิดนี้หรือไม่คะ
เมื่อใช้ Pro Polymer 1% ในน้ำเปล่า RO เจลที่ได้มีกลิ่นเหม็นมากๆ ตั้งทิ้งในตู้เย็น 2-3 วันก็ไม่หาย กลิ่นนี้เป็นปกติของสารนี้ หรือว่าเจลเสียคะ
เมื่อเติม Optiphen 1% ในน้ำว่านหางสด กลิ่น Optiphen แรงมาก ออกจะเหม็นมากกว่าจะหอม เป็นกลิ่นเฉพาะของสารนี้ใช่หรือไม่คะ และน้ำว่านหางสดสามารถถนอมด้วยสารกันเสียได้หรือไม่คะ

คำตอบ

หัวข้อ: คำแนะนำการทำเจล

ขอบคุณสำหรับคำถามเกี่ยวกับการทำเจลว่านหางจระเข้ของคุณค่ะ จากความต้องการของคุณที่ต้องการเจลที่ให้ความชุ่มชื้นและลดริ้วรอย มีค่า pH 5.5 มีสารเคมีต่ำ และเน้นส่วนผสมจากธรรมชาติ โดยใช้สารสกัดว่านหางจระเข้แทนน้ำคั้นสด นี่คือคำแนะนำค่ะ

แหล่งว่านหางจระเข้: การใช้น้ำว่านหางจระเข้คั้นสดไม่แนะนำเนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะมีการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งสารกันเสียไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด ทำให้สูตรเสียได้ง่าย การใช้ สารสกัดว่านหางจระเข้เกรดเครื่องสำอาง (Aloe Vera Extract 10:1 FullAssay™) เป็นวิธีที่ถูกต้องและปลอดภัยค่ะ แม้ว่าจะสามารถใส่เกิน 3% ได้ แต่การใส่ปริมาณที่สูงเกินไป (เช่น 9%) อาจทำให้เนื้อเจลเหนอะหนะโดยไม่ได้ให้ประโยชน์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การใช้ในปริมาณที่เหมาะสม (เช่น 3%) และเสริมด้วยส่วนผสมออกฤทธิ์อื่นๆ จะให้ผลดีกว่าค่ะ
สารก่อเจล: คุณสอบถามถึง Xanthan Gum และ Hydroxyethyl Cellulose ทางทีมงานแนะนำ Pro Polymer สำหรับผู้เริ่มต้น เนื่องจากใช้งานง่ายที่สุด และสามารถช่วยประสานน้ำมันในปริมาณน้อยๆ ได้ด้วยค่ะ
- เกี่ยวกับผลการทดลองของคุณ: Hydroxyethyl Cellulose อาจทิ้งฟิล์มเคลือบผิวได้บ้าง แต่ไม่ควรหลุดลอกเป็นขุย การหลุดลอกอาจเกิดจากปัญหาในการผสมค่ะ ส่วน Pro Polymer มีกลิ่นตามธรรมชาติ แต่ควรจะอ่อนมากที่ความเข้มข้น 1% และสามารถกลบกลิ่นได้ด้วยน้ำหอม กลิ่นเหม็นรุนแรงที่คุณพบอาจบ่งชี้ถึงปัญหาที่ตัววัตถุดิบเอง หรือการปนเปื้อนค่ะ การแช่เย็นไม่ได้ช่วยลดกลิ่นเฉพาะตัวของสารค่ะ
ส่วนผสมออกฤทธิ์ (Active Ingredients): ส่วนผสมที่คุณสนใจ ได้แก่ Hyaluronic Acid (Nano), Rose Hip Oil, และ Asiatic acid (จากสารสกัดใบบัวบก) เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับการให้ความชุ่มชื้นและลดริ้วรอยค่ะ
- Hyaluronic Acid และ Asiatic acid ละลายน้ำได้ดีและเข้ากันได้กับเนื้อเจลค่ะ
- Rose Hip Oil เป็นน้ำมัน ซึ่งจำเป็นต้องใช้สารประสานน้ำ-น้ำมัน (Emulsifier) เพื่อผสมเข้ากับเนื้อเจลค่ะ หากใช้ Pro Polymer เป็นสารก่อเจล จะสามารถช่วยประสานน้ำมันได้ค่ะ ปริมาณที่แนะนำสำหรับ Rose Hip Oil ในสูตรคือประมาณ 5% เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดค่ะ
Essential Oil: Essential Oil เป็นน้ำมันเช่นกัน และต้องมีการประสานเพื่อผสมเข้ากับเนื้อเจลค่ะ Pro Polymer สามารถช่วยในส่วนนี้ได้ค่ะ การเติม Essential Oil เป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มกลิ่นหอมที่น่าใช้และช่วยกลบกลิ่นเฉพาะตัวของส่วนผสมอื่นๆ ค่ะ
สารกันเสีย (Preservative): Optiphen (Phenoxyethanol) เป็นสารกันเสียที่เหมาะสมค่ะ ไม่มีสารกันเสียชนิดใดที่ดีที่สุดเพียงชนิดเดียว แต่ละชนิดมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปค่ะ Optiphen มีประสิทธิภาพและนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายค่ะ
- สำหรับกลิ่นแรงที่คุณพบเมื่อใช้ Optiphen ในน้ำว่านหางสด: ทางทีมงานยืนยันว่าน้ำว่านหางสดไม่สามารถถนอมได้ด้วยสารกันเสียเนื่องจากมีเชื้อสูง และกลิ่นที่เกิดขึ้นน่าจะเกี่ยวข้องกับการเน่าเสียของว่านหางสด หรือปริมาณที่ใช้ในการทดลองค่ะ Optiphen เองมีกลิ่นบ้าง แต่ไม่ควรจะแรงจนเกินไปเมื่อใช้ในอัตราส่วนที่เหมาะสม (โดยทั่วไปไม่เกิน 1%)
วิธีการผสม (กรณีใช้ Pro Polymer):
- ผสมส่วนผสมที่ละลายน้ำทั้งหมด (เช่น สารสกัดว่านหางจระเข้, Hyaluronic Acid, Asiatic acid ฯลฯ) เข้ากับน้ำค่ะ
- ค่อยๆ เติม Pro Polymer ลงไปพร้อมคนผสมจนได้เนื้อเจลที่เนียนค่ะ
- เมื่อได้เนื้อเจลแล้ว จึงเติมส่วนผสมที่ละลายน้ำมัน (เช่น Rose Hip Oil, Essential Oil) ลงไป คนผสมให้เข้ากันดีค่ะ
- สุดท้าย เติมสารกันเสีย (Optiphen) และคนให้เข้ากันค่ะ
- วัดและปรับค่า pH ให้ได้ 5.5 ด้วย pH Meter ค่ะ