ปัญหาโลชั่นเหนียวเหนอะหนะและมีกลิ่นหืน

ถามโดย: ramacno เมื่อ: February 29, 2016 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ฉันได้ลองทำโลชั่นโดยใช้ส่วนผสมดังนี้:

  • Water
  • Glycerin (10%)
  • Apricot Kernel Oil (3%)
  • Sweet Almond Oil (3%)
  • Vitamin E (Tocopheryl Acetate) (2%)
  • Light Cream Maker (1%)
  • สารกันเสีย (1%)
  • น้ำหอมกลิ่นส้ม

โลชั่นที่ได้มีเนื้อสัมผัสและความชุ่มชื้นที่ฉันชอบ แต่มีปัญหาหลักสองอย่างคือ:

  1. กลิ่นหืน: โลชั่นมีกลิ่นหืนเมื่อเวลาผ่านไป
  2. ความเหนียวเหนอะหนะ: โลชั่นรู้สึกเหนียวและมันบนผิว โดยเฉพาะที่มือ

ไม่ทราบว่าปัญหาเหล่านี้เกิดจากอะไร และมีวิธีปรับสูตรอย่างไรเพื่อลดความเหนอะหนะและป้องกันกลิ่นหืนได้บ้างคะ/ครับ?

คำตอบ

สวัสดีค่ะ/ครับ ยินดีด้วยนะคะ/ครับที่ทำโลชั่นออกมาได้เนื้อและความชุ่มชื้นที่ชอบค่ะ/ครับ มาดูวิธีแก้ปัญหากลิ่นหืนและความเหนอะหนะกันนะคะ/ครับ

ปัญหากลิ่นเหม็นหืน

กลิ่นนี้มักเกิดจากการที่น้ำมันธรรมชาติในสูตรเริ่มเสื่อมสภาพหรือเหม็นหืนค่ะ/ครับ แม้สารกันเสียจะช่วยยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ แต่ไม่ได้ป้องกันการเหม็นหืนของน้ำมันค่ะ/ครับ การเพิ่มปริมาณน้ำหอม (เช่น กลิ่นส้มที่ใช้) อีกเล็กน้อยอาจช่วยกลบกลิ่นได้ค่ะ/ครับ หรืออาจพิจารณาใช้น้ำมันที่ทนต่อการเหม็นหืนได้ดีกว่า หรือเติมสารต้านอนุมูลอิสระในครั้งต่อไปค่ะ/ครับ

ปัญหาความเหนียวเหนอะหนะติดมือ

ความรู้สึกเหนอะหนะนี้อาจมาจากหลายปัจจัยรวมกันค่ะ/ครับ

  • ปริมาณ Vitamin E (Tocopheryl Acetate) ที่ใช้ 2% ถือว่าค่อนข้างสูงค่ะ/ครับ Vitamin E เองก็ให้ความรู้สึกหนึบๆ ได้ และโดยทั่วไปมักใช้ในปริมาณที่ต่ำกว่านี้ (เช่น 0.1-1%)
  • น้ำมันธรรมชาติที่คุณเลือกใช้คือ Apricot Kernel Oil และ Sweet Almond Oil ซึ่งมีอัตราการซึมสู่ผิวปานกลางถึงช้า การใช้น้ำมันสองชนิดนี้รวมกัน 6% บวกกับ Vitamin E 2% ทำให้รู้สึกมันและเหนอะหนะติดผิวได้ค่ะ/ครับ
  • แม้ Glycerin 10% จะสูง แต่โดยทั่วไปจะให้ความรู้สึกที่ลื่นมากกว่าเหนอะหนะ อย่างไรก็ตาม การลดปริมาณลงก็อาจช่วยให้เนื้อสัมผัสโดยรวมดีขึ้นได้ค่ะ/ครับ

วิธีปรับปรุงเพื่อลดความเหนอะหนะ:

  • ลดปริมาณ Vitamin E ลงเหลือ 0.1-0.2% (ยังคงให้ประโยชน์ในการต้านอนุมูลอิสระได้)
  • พิจารณาใช้น้ำมันหรือ Emollient ชนิดอื่นที่ซึมสู่ผิวได้เร็วกว่าหรือให้ความรู้สึกมันน้อยกว่า แทนที่น้ำมัน Apricot Kernel Oil และ Sweet Almond Oil บางส่วนหรือทั้งหมดค่ะ/ครับ เช่น Fractionated Coconut Oil, Mineral Oil (Paraffinum Liquidum), หรือ Lipid Soft (Oil Free Emollient) ซึ่งเป็น Emollient สังเคราะห์ที่ให้ความรู้สึกเบาและเสถียรกว่า
  • เพิ่มส่วนผสมกลุ่ม Silicone เนื้อเบา เช่น Dimethicone (Light, Low-Odor) เข้าไปค่ะ/ครับ Silicone จะช่วยเคลือบผิว ให้ความรู้สึกนุ่มลื่น ไม่เหนอะหนะ และช่วยให้เนื้อครีมเกลี่ยง่ายขึ้นค่ะ/ครับ
  • ลดปริมาณ Glycerin ลงเหลือ 3-5% ตามคำแนะนำค่ะ/ครับ

แนวทางการปรับสูตรที่แนะนำ

นี่คือตัวอย่างแนวทางการปรับสูตร (ปริมาณเป็นเพียงแนวทาง อาจต้องปรับสมดุลส่วนผสมอื่นๆ):

  • Water: ส่วนที่เหลือ (q.s.)
  • Glycerin: ไม่เกิน 5% (เช่น 3-5%)
  • น้ำมัน/Emollient: รวมกันไม่เกิน 10% (เช่น อาจใช้ Apricot Kernel Oil หรือ Sweet Almond Oil เล็กน้อย (เช่น 2-3%) ร่วมกับ Emollient/น้ำมันเนื้อเบาอื่นๆ เช่น Fractionated Coconut Oil, Lipid Soft, หรือ Mineral Oil (เช่น 7-8%))
  • Vitamin E (Tocopheryl Acetate): 0.1-0.2%
  • Dimethicone (Light, Low-Odor): อาจเพิ่ม 5-10%
  • Light Cream Maker: 1%
  • สารกันเสีย: 1%
  • น้ำหอม/Essential Oil: ปรับปริมาณเพื่อกลบกลิ่น

การปรับเปลี่ยนเหล่านี้จะช่วยลดความรู้สึกหนักและเหนอะหนะลงได้ ในขณะที่ยังคงให้ความชุ่มชื้นที่ดีค่ะ/ครับ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
เครื่องสำอาง
Apricot Kernel Oil (Refined)
Apricot Kernel Oil (Refined)
เครื่องสำอาง
NaturalProfile™ Sweet Almond Oil (Cold-Pressed)
NaturalProfile™ Sweet Almond Oil (Cold-Pressed)
เครื่องสำอาง
Light Cream Maker™
Light Cream Maker™
เครื่องสำอาง
Glycerin (USP/Food Grade)
Glycerin (USP/Food Grade)
เครื่องสำอาง
Fractionated Coconut Oil
Fractionated Coconut Oil
เครื่องสำอาง
Dimethicone (Medium/350, Low-Odor)
Dimethicone (Medium/350, Low-Odor)
เครื่องสำอาง
LipidSoft™ C1215 (C12-15 alkyl benzoate)
LipidSoft™ C1215 (C12-15 alkyl benzoate)
เครื่องสำอาง
PowderCream™ (Water Absorbing PMMA)
PowderCream™ (Water Absorbing PMMA)
เครื่องสำอาง
Mineral Oil (Paraffinum Liquidum) Light (26cst)
Mineral Oil (Paraffinum Liquidum) Light (26cst)
เครื่องสำอาง