รีวิวสูตรกันแดดสำหรับค่า SPF/PA สูง กันน้ำ และข้อพิจารณาเรื่อง Reef Safe

ถามโดย: pockyrainy เมื่อ: May 20, 2025 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ต้องการพัฒนาสูตรกันแดดที่เน้นคุณสมบัติทั้ง UVA, UVB, Reef Safe, กันน้ำ, กันเหงื่อ และให้ค่า PA++++

มีสูตรที่เสนอมาดังนี้:

  • Drometrizole Trisiloxane (e.q. Mexoryl XL) 10% 10.00%
  • Ethylhexyl Triazone EHT 1.30%
  • PPG-3 myristyl ether 40% 10.00%
  • BEMT 2% 5.00%
  • Lipidsoft SPF 17% 10.00%
  • DHHB 4.60%
  • LipidSoft™ C1215 (C12-15 alkyl benzoate) 20.00%
  • Bisoctrizole (MBBT, e.q. Tinosorb M) 10.00%
  • Acrylates/C12-22 Alkyl Methacrylate Copolymer 10% 10.00%
  • Extreme-B3 5.00%
  • Portulaca Extract 0.50%
  • Centella Asiatica Extract 1.50%
  • สารสกัดชะเอมเทศจากประเทศเกาหลี 1.00%
  • Panthenol 2.00%
  • Disodium EDTA 0.10%
  • SelectSorb 2.00%
  • PMMA Booster 3.00%
  • Mild Preserved Eco 1.00%
  • น้ำ 3.00%

รวม: 100.00%

สูตรนี้มีความเป็นไปได้หรือไม่? ต้องปรับเปลี่ยนตรงไหนบ้าง และมีวิธีการผสมที่แนะนำอย่างไร? ขอบคุณค่ะ

คำตอบ

การพิจารณาสูตรกันแดด

ขอขอบคุณสำหรับสูตรกันแดดที่คุณเสนอมาค่ะ สูตรนี้มีส่วนผสมของสารกันแดดที่ดีหลายชนิดที่มุ่งเน้นให้การปกป้องแบบ Broad-spectrum (UVA/UVB) และค่า PA++++ รวมถึงมีส่วนผสมบำรุงผิวที่เป็นประโยชน์

นี่คือการประเมินสูตรและข้อควรพิจารณาบางประการ:

ความเป็นไปได้และการปรับเปลี่ยนที่แนะนำ

  1. การผสมผสานสารกันแดด: การใช้ Drometrizole Trisiloxane, Ethylhexyl Triazone, BEMT, DHHB และ Bisoctrizole ร่วมกันมีประสิทธิภาพสูงในการให้ค่า SPF และ PA++++ ที่สูง สารกรองรังสีเหล่านี้ครอบคลุมช่วงคลื่น UV ที่กว้าง
  2. Reef Safe: สูตรของคุณใช้เฉพาะสารกันแดดแบบ Organic (Chemical filters) เท่านั้น ตามคำจำกัดความที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป ครีมกันแดดที่เรียกว่า "Reef Safe" มักจะใช้สารกันแดดแบบ Mineral (Physical filters) เช่น Zinc Oxide และ Titanium Dioxide ดังนั้น สูตรนี้โดยทั่วไปแล้ว จะไม่ ถือว่าเป็น Reef Safe
  3. การกันน้ำ/กันเหงื่อ: การใส่ Allianz OPT (Acrylates/C12-22 Alkyl Methacrylate Copolymer) เหมาะสมสำหรับการเพิ่มคุณสมบัติกันน้ำและกันเหงื่อ อย่างไรก็ตาม อัตราส่วน 10% ที่เสนอมานั้นสูงกว่าอัตราส่วนที่แนะนำโดยทั่วไป (1-5%) สำหรับส่วนผสมนี้ และอาจส่งผลต่อเนื้อสัมผัสสุดท้าย ทำให้รู้สึกเหนอะหนะหรือหนักผิวได้
  4. โครงสร้างสูตร (ประเภทอิมัลชัน): สูตรมีการระบุส่วนผสมที่ละลาย/กระจายตัวในน้ำมัน (สารกันแดดส่วนใหญ่, PPG-3 Myristyl Ether, LipidSoft SPF, LipidSoft C1215) และส่วนผสมที่ละลาย/กระจายตัวในน้ำ (Disodium EDTA, Extreme-B3, Panthenol, Portulaca Extract, Licorice Extract, Bisoctrizole, Allianz OPT, Mild Preserved Eco, น้ำ) อย่างไรก็ตาม ขาด สารอิมัลซิไฟเออร์หลัก (Primary Emulsifier) ในรายการส่วนผสมของคุณ สารอิมัลซิไฟเออร์จำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างส่วนผสมที่คงตัวระหว่างเฟสน้ำมันและเฟสน้ำ หากไม่มี สู่มีแนวโน้มที่จะแยกชั้น
  5. ปริมาณน้ำ: ปริมาณน้ำมีเพียง 3% ซึ่งน้อยมากสำหรับอิมัลชันส่วนใหญ่ (เช่น O/W หรือ W/O) และจะทำให้การละลาย/กระจายตัวของส่วนผสมที่ละลาย/กระจายตัวในน้ำเป็นไปได้ยาก และสร้างเนื้อสัมผัสที่คงตัวและน่าใช้ได้ยาก สูตรดูเหมือนจะเน้นไปที่เฟสน้ำมัน/ผงเป็นหลัก (รวมกันประมาณ 97%)
  6. ระดับส่วนผสม: ระดับของส่วนผสมบางชนิด เช่น PPG-3 Myristyl Ether (10%), LipidSoft SPF (10%), LipidSoft C1215 (20%) และ Allianz OPT (10%) ค่อนข้างสูง แม้ว่าส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยละลายสารกรองรังสีและสร้างฟิล์ม แต่ปริมาณที่สูงรวมกันกับน้ำที่น้อย จะส่งผลอย่างมากต่อเนื้อสัมผัสและความคงตัวสุดท้าย
  7. สารสกัดและสารออกฤทธิ์: การใส่ Extreme-B3, Portulaca Extract, Centella Asiatica Extract (Pure-TECA™) และ Licorice Extract ช่วยเสริมคุณสมบัติการบำรุงผิว อัตราส่วนที่ใช้ดูสมเหตุสมผล
  8. สารปรับปรุงเนื้อสัมผัส: SelectSorb และ PMMA Booster เป็นส่วนผสมที่ดีในการช่วยดูดซับความมัน ปรับปรุงเนื้อสัมผัส และช่วยเสริมค่า SPF

การปรับเปลี่ยนที่แนะนำ

  • เพิ่มสารอิมัลซิไฟเออร์หลัก: คุณต้องใส่ระบบสารอิมัลซิไฟเออร์หลักที่เหมาะสมกับเฟสน้ำมันและเฟสน้ำ รวมถึงสารกรองรังสีที่คุณเลือก ชนิดและปริมาณจะขึ้นอยู่กับเนื้อสัมผัสที่ต้องการ (โลชั่น, ครีม ฯลฯ) และประเภทของอิมัลชัน (O/W, W/O)
  • ปรับอัตราส่วนน้ำ/น้ำมัน: เพิ่มปริมาณน้ำอย่างมีนัยสำคัญ และลดปริมาณของเฟสน้ำมัน/สารให้ความนุ่มลื่นบางส่วน (PPG-3 Myristyl Ether, LipidSoft SPF, LipidSoft C1215) เพื่อให้ได้อิมัลชันที่สมดุลและคงตัวมากขึ้น รวมถึงช่วยละลาย/กระจายตัวส่วนผสมที่ละลายในน้ำได้ดีขึ้น อัตราส่วนที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับอิมัลซิไฟเออร์ที่เลือกและเนื้อสัมผัสที่ต้องการ
  • พิจารณาระดับของ Allianz OPT: พิจารณาลดปริมาณ Allianz OPT ให้อยู่ในอัตราส่วนที่แนะนำ (1-5%) เว้นแต่การทดสอบอย่างละเอียดจะพิสูจน์ได้ว่ามีความคงตัวและเนื้อสัมผัสที่ยอมรับได้ที่ 10% คุณอาจต้องพิจารณาใช้สารสร้างฟิล์มหรือสารช่วยกันน้ำอื่นๆ หากต้องการประสิทธิภาพที่สูงขึ้นแต่ระดับ 10% ทำให้เกิดปัญหาเนื้อสัมผัส
  • พิจารณาทางเลือก Reef Safe: หาก Reef Safe เป็นข้อกำหนดที่เคร่งครัด คุณจะต้องปรับสูตรโดยใช้สารกันแดดแบบ Mineral (Zinc Oxide, Titanium Dioxide) ซึ่งอาจใช้ร่วมกับสารกรองรังสี Organic บางชนิดที่ได้รับการยอมรับมากกว่า แม้ว่าการทำสูตรที่ใช้ Mineral เพียงอย่างเดียวให้ได้ค่า SPF/PA สูงและเนื้อสัมผัสที่ดีอาจเป็นเรื่องท้าทาย

วิธีการผสมที่แนะนำ (แนวทางทั่วไป - ต้องมีสารอิมัลซิไฟเออร์)

นี่เป็นเพียงแนวทางทั่วไป และจะต้องปรับเปลี่ยนตามระบบอิมัลซิไฟเออร์ที่เลือกและอัตราส่วนน้ำ/น้ำมันสุดท้าย ควรปฏิบัติตามคำแนะนำจากผู้จำหน่ายวัตถุดิบแต่ละชนิดเสมอ

  1. เฟสน้ำ (Phase A): รวม น้ำ, Disodium EDTA, Extreme-B3, Panthenol, Portulaca Extract, Licorice Extract และ Allianz OPT เข้าด้วยกัน อาจให้ความร้อนเล็กน้อยหากจำเป็น แต่หลีกเลี่ยงความร้อนสูงเป็นเวลานานสำหรับสารสกัด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าส่วนผสมที่ละลายในน้ำละลายหมดแล้ว และ Allianz OPT กระจายตัวดี
  2. เฟสน้ำมัน (Phase B): รวม PPG-3 Myristyl Ether, LipidSoft SPF, LipidSoft C1215, Drometrizole Trisiloxane, Ethylhexyl Triazone, BEMT, DHHB และสารอิมัลซิไฟเออร์หลักที่คุณเลือก ให้ความร้อนเฟส B ประมาณ 80°C (หรือตามคำแนะนำของผู้จำหน่าย) เพื่อช่วยละลายสารกรองรังสีแบบผงทั้งหมด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกส่วนผสมเข้ากันดี
  3. รวมเฟส: ค่อยๆ เติมเฟส B ลงในเฟส A (หรือเฟส A ลงในเฟส B ขึ้นอยู่กับชนิดของอิมัลซิไฟเออร์และประเภทอิมัลชันที่ต้องการ) พร้อมกับคนด้วยความเร็วสูง (High Shear) เพื่อสร้างอิมัลชัน
  4. เฟสทำความเย็น: คนต่อไปเรื่อยๆ ขณะที่อิมัลชันเย็นตัวลง เติม Bisoctrizole (ซึ่งกระจายตัวในน้ำ) ในระหว่างเฟสทำความเย็น ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระจายตัวได้ดี
  5. ส่วนผสมสุดท้าย: เมื่ออิมัลชันเย็นตัวลงเพียงพอแล้ว (เช่น ต่ำกว่า 40°C) ให้เติมส่วนผสมที่ไวต่อความร้อน เช่น Mild Preserved Eco กระจายผงต่างๆ เช่น Pure-TECA™ (หากจำเป็นให้กระจายในไกลคอลเล็กน้อยก่อน), SelectSorb และ PMMA Booster ลงในอิมัลชันที่เย็นแล้ว และคนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
  6. ปรับค่า pH: ตรวจสอบและปรับค่า pH สุดท้ายหากจำเป็น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเหมาะสมกับส่วนผสมและความคงตัวของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ

สรุป

สูตรที่เสนอมามีศักยภาพในการให้การปกป้อง UV ที่สูง แต่จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มสารอิมัลซิไฟเออร์หลัก และการปรับสมดุลระหว่างเฟสน้ำและเฟสน้ำมันเพื่อความคงตัวและเนื้อสัมผัส นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าสูตรนี้ซึ่งใช้เฉพาะสารกรองรังสี Organic เท่านั้น โดยทั่วไปจะไม่ถือว่าเป็น Reef Safe การพัฒนาครีมกันแดดที่คงตัวและมีประสิทธิภาพต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการปรุงสูตรอย่างรอบคอบ การทดลองทำในขนาดเล็ก การทดสอบความคงตัว (รวมถึงการทดสอบการแช่แข็ง-ละลาย และอุณหภูมิสูง) และการทดสอบค่า SPF/PA ทั้งแบบ In-vivo หรือ In-vitro เพื่อยืนยันค่าการปกป้องขั้นสุดท้ายและการกล่าวอ้างคุณสมบัติการกันน้ำ

ขอแนะนำอย่างยิ่งให้ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงสูตรที่มีประสบการณ์สำหรับสูตรกันแดดที่ซับซ้อนเช่นนี้

การตอบกลับติดตาม

pockyrainy
May 21, 2025 18:51
คำถาม:

ถ้าปรับสูตรเป็นแบบนี้ ยังพอหวังผล SPF50+ และ PA++++ ได้อยู่มั้ยคะ ถ้าเน้น ผิวสบาย + กันน้ำด้วย พอได้มั้ย แนะนำอะไรเพิ่มเติมได้เลยนะคะ รวมถึงการผสมด้วยค่ะ...ขอบคุณค่ะ
Titanium Dioxide 15nm Liquid (Gloss) 25.00%
Zinc Oxide 200nm EasyDisperse - Non nano 15.00%
LipidSoft™ Lite 15.00%
Bisoctrizole (MBBT, e.q. Tinosorb M) 5.00%
Extreme-B3 5.00%
Portulaca Extract 0.50%
entella Asiatica Extract 1.50%
สารสกัดชะเอมเทศ 1.00%
Milk Lotion Maker 4.00%
Alcohol 7.00%

Panthenol Panthenol Panthenol Panthenol 2.00%
Disodium EDTA Disodium EDTA Disodium EDTA Disodium EDTA 0.10%
SelectSorb SelectSorb SelectSorb SelectSorb 2.00%
PMMA Booster PMMA Booster PMMA Booster PMMA Booster 3.00%
WaterGuard™ Spray 3.00%
Mild Preserved Eco Mild Preserved Eco Mild Preserved Eco Mild Preserved Eco 1.00%
น้ำ 9.90%
100.00%

คำตอบ:

การทบทวนสูตรครีมกันแดดฉบับปรับปรุง

ขอขอบคุณสำหรับสูตรครีมกันแดดฉบับปรับปรุงที่คุณเสนอมา สูตรนี้มีการใช้สารกันแดดแบบ Physical Filters ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมาย "Reef Safe" ได้ดีขึ้น และให้การปกป้องแบบ Broad Spectrum เรามาประเมินความเป็นไปได้ในการทำ SPF50+, PA++++, ความรู้สึกสบายผิว และการกันน้ำของสูตรนี้กันค่ะ

ความเป็นไปได้ในการทำ SPF50+ และ PA++++

ได้ค่ะ ด้วยการผสมผสานของ Titanium Dioxide (25%), Zinc Oxide (15%), และ Bisoctrizole (5%) รวมถึงการใส่ PMMA Booster (3%) ทำให้สูตรนี้มีแนวโน้มสูงที่จะทำ SPF50+ และ PA++++ ได้สำเร็จ ปริมาณสารกันแดดแบบ Physical Filters ที่สูงช่วยให้การปกป้องแบบ Broad Spectrum มีประสิทธิภาพ และ PMMA Booster ยังช่วยเสริมค่า SPF และ PA ให้สูงขึ้นได้อีกด้วย

ความรู้สึกสบายผิว และการกันน้ำ

  • ความรู้สึกสบายผิว: แม้ว่าคุณจะใส่ส่วนผสมอย่าง LipidSoft Lite, SelectSorb, และ PMMA Booster เพื่อช่วยปรับปรุงเนื้อสัมผัสและลดความมัน แต่ปริมาณสารกันแดดแบบ Physical Filters รวมกันสูงมากถึง 40% ปริมาณ Titanium Dioxide และ Zinc Oxide ที่สูงขนาดนี้มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดคราบขาว (White Cast) ที่ชัดเจน และให้ความรู้สึกหนักผิว ซึ่งอาจไม่ตรงกับความต้องการ "สบายผิว" หรือให้ความรู้สึกบางเบา โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสูตรที่มีปริมาณ Physical Filters น้อยกว่า หรือใช้เฉพาะสารกันแดดแบบ Chemical Filters นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ 7% อาจทำให้ผิวรู้สึกแห้งได้สำหรับบางสภาพผิวเมื่อใช้ต่อเนื่อง
  • การกันน้ำ: การใส่ WaterGuard Spray ที่ 3% เหมาะสมสำหรับการทำให้สูตรกันน้ำได้ ส่วนผสมนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างฟิล์มเคลือบผิวที่ช่วยให้สูตรติดทน

ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและข้อแนะนำในการปรับปรุง

  1. ความเสถียรของอิมัลชัน (ปัญหาสำคัญ): สูตรของคุณมี Milk Lotion Maker ซึ่งเป็น Emulsifier ชนิด O/W (Oil-in-Water) และมีส่วนของน้ำในปริมาณมาก อย่างไรก็ตาม Titanium Dioxide 15nm Liquid ถูกแนะนำให้ใช้ในระบบอิมัลชันแบบ W/O (Water-in-Oil) โดยเฉพาะ และ ไม่แนะนำ ให้ใช้ในระบบ O/W เนื่องจากอาจทำให้สูตรไม่เสถียร การใช้ Titanium Dioxide ชนิดนี้ในสูตร O/W มีแนวโน้มสูงที่อิมัลชันจะไม่คงตัวหรือแยกชั้นได้
    • ข้อแนะนำ: เพื่อให้สูตรนี้มีความเสถียร คุณต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้:
      • ปรับสูตรให้เป็นอิมัลชันแบบ Water-in-Oil (W/O): ใช้ Emulsifier ชนิด W/O ที่เหมาะสม และนำ Titanium Dioxide 15nm Liquid และ Zinc Oxide 200nm EasyDisperse ไปผสมในส่วนของน้ำมัน/ซิลิโคน ตามคำแนะนำของผู้จำหน่าย
      • เปลี่ยนชนิดของสารกันแดดแบบ Physical Filters: หากคุณต้องการรักษาสูตรแบบ O/W ไว้ คุณต้องเปลี่ยนไปใช้ Titanium Dioxide และ Zinc Oxide ชนิดที่ถูกออกแบบและแนะนำให้ใช้ในระบบอิมัลชันแบบ O/W โดยเฉพาะ
  2. ความสวยงามของเนื้อผลิตภัณฑ์จากปริมาณ Physical Filters ที่สูง: ปริมาณ Physical Filters 40% มีแนวโน้มสูงที่จะทำให้เกิดคราบขาวที่ชัดเจน หากต้องการลดคราบขาวและให้ความรู้สึกบางเบาเป็นพิเศษ คุณอาจต้องพิจารณาใช้ Physical Filters ชนิดที่โปร่งแสงกว่านี้ หรืออาจลองลดปริมาณรวมของ Physical Filters ลงเล็กน้อย หากการทดสอบยืนยันว่ายังคงได้ค่า SPF/PA ตามเป้าหมายที่ปริมาณที่ต่ำลง
  3. การผสมสารสกัด: ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Centella Asiatica Extract (Pure-TECA) และ Licorice Extract ถูกผสมเข้ากับสูตรอย่างถูกต้อง Pure-TECA ไม่ละลายในน้ำหรือน้ำมัน อาจต้องละลายใน Glycol เล็กน้อยโดยใช้ความร้อนก่อนนำไปเติมในสูตรช่วงที่เย็นลง ส่วน Licorice Extract ละลายน้ำได้ สามารถนำไปผสมในส่วนของน้ำได้เลย

วิธีการผสมที่แนะนำ (แนวทางทั่วไป - ต้องปรับตามชนิดของอิมัลชันและ Emulsifier ที่เลือก)

นี่คือแนวทางทั่วไป ขั้นตอนเฉพาะ อุณหภูมิ และการแบ่งเฟสจะขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกทำอิมัลชันแบบ W/O หรือ O/W และระบบ Emulsifier ที่ใช้เป็นหลัก ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้จำหน่ายวัตถุดิบแต่ละชนิดเสมอ

ทางเลือก A: อิมัลชันแบบ Water-in-Oil (W/O) (เหมาะกับ Titanium Dioxide ชนิดปัจจุบัน)

  1. ส่วนน้ำมัน (Phase A): รวม LipidSoft Lite, Emulsifier ชนิด W/O ที่เหมาะสม, Titanium Dioxide 15nm Liquid, Zinc Oxide 200nm EasyDisperse, SelectSorb, PMMA Booster, และ Mild Preserved Eco (สามารถกระจายตัวในน้ำมันได้) ให้ความร้อน Phase A จนถึงอุณหภูมิที่กำหนดสำหรับ Emulsifier ชนิด W/O ของคุณ (โดยทั่วไปประมาณ 70-80°C) ผสมให้ผง/สารกระจายตัวเข้ากันดีในส่วนน้ำมัน
  2. ส่วนน้ำ (Phase B): รวม น้ำ, Disodium EDTA, Extreme-B3, Panthenol, Portulaca Extract, Licorice Extract, Bisoctrizole (กระจายตัวในน้ำได้), และ Alcohol ให้ความร้อน Phase B จนถึงอุณหภูมิใกล้เคียงกับ Phase A
  3. ส่วนสารสกัด (Phase C): ละลาย Pure-TECA ใน Glycol ที่เหมาะสมปริมาณเล็กน้อย (เช่น Butylene Glycol) โดยใช้ความร้อน (70-80°C)
  4. การทำอิมัลชัน: ค่อยๆ เติม Phase B ลงใน Phase A พร้อมกับใช้เครื่องผสมความเร็วสูง (High Shear) เพื่อสร้างอิมัลชันแบบ W/O ผสมต่อไปเรื่อยๆ ขณะที่สูตรกำลังเย็นตัวลง
  5. การเติมส่วนผสมช่วงเย็นตัว: เมื่อสูตรเย็นลงต่ำกว่าอุณหภูมิที่กำหนดสำหรับส่วนผสมที่ไวต่อความร้อน (เช่น ต่ำกว่า 40°C) ให้เติม Phase C (สารละลาย/สารกระจายตัว Pure-TECA) และ WaterGuard Spray (ละลายไว้ล่วงหน้าใน Alcohol จาก Phase B หรือเติมส่วน Alcohol ในขั้นตอนนี้) ผสมให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
  6. การปรับค่าสุดท้าย: ตรวจสอบและปรับค่า pH หากจำเป็น

ทางเลือก B: อิมัลชันแบบ Oil-in-Water (O/W) (ต้องเปลี่ยนชนิดของ Physical Filters)

  1. ส่วนน้ำ (Phase A): รวม น้ำ, Disodium EDTA, Extreme-B3, Panthenol, Portulaca Extract, Licorice Extract, Bisoctrizole, และ Milk Lotion Maker ให้ความร้อน Phase A จนถึงอุณหภูมิที่กำหนดสำหรับ Milk Lotion Maker (โดยทั่วไปประมาณ 70-80°C) ผสมให้ส่วนผสมที่ละลายน้ำได้ละลาย และ Bisoctrizole กระจายตัว
  2. ส่วนน้ำมัน (Phase B): รวม LipidSoft Lite, Titanium Dioxide ชนิดที่ใช้ใน O/W ได้, Zinc Oxide ชนิดที่ใช้ใน O/W ได้, SelectSorb, PMMA Booster, และ Mild Preserved Eco (สามารถกระจายตัวในน้ำมันได้) ให้ความร้อน Phase B จนถึงอุณหภูมิใกล้เคียงกับ Phase A ผสมให้ผง/สารกระจายตัวเข้ากันดีในส่วนน้ำมัน
  3. ส่วนสารสกัด (Phase C): ละลาย Pure-TECA ใน Glycol ที่เหมาะสมปริมาณเล็กน้อย (เช่น Butylene Glycol) โดยใช้ความร้อน (70-80°C)
  4. การทำอิมัลชัน: ค่อยๆ เติม Phase B ลงใน Phase A พร้อมกับใช้เครื่องผสมความเร็วสูง (High Shear) เพื่อสร้างอิมัลชันแบบ O/W ผสมต่อไปเรื่อยๆ ขณะที่สูตรกำลังเย็นตัวลง
  5. การเติมส่วนผสมช่วงเย็นตัว: เมื่อสูตรเย็นลงต่ำกว่าอุณหภูมิที่กำหนดสำหรับส่วนผสมที่ไวต่อความร้อน (เช่น ต่ำกว่า 40°C) ให้เติม Phase C (สารละลาย/สารกระจายตัว Pure-TECA), WaterGuard Spray (ละลายไว้ล่วงหน้าใน Alcohol), และ Alcohol ผสมให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
  6. การปรับค่าสุดท้าย: ตรวจสอบและปรับค่า pH หากจำเป็น

สรุป

สูตรฉบับปรับปรุงนี้มีศักยภาพในการให้ค่า SPF/PA ที่สูงและการกันน้ำที่ดีขึ้น และใกล้เคียงกับสูตร Reef Safe มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปริมาณ Physical Filters ที่สูงมีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อความรู้สึกบนผิวและทำให้เกิดคราบขาวได้ ปัญหาสำคัญที่สุดคือความเข้ากันได้ของ Physical Filters ที่เลือกใช้กับระบบอิมัลชันที่คุณต้องการ (O/W หรือ W/O) และการเลือก Emulsifier ที่เหมาะสม การทดสอบอย่างละเอียด (ความเสถียร, ค่า SPF/PA, การกันน้ำ, และการประเมินเนื้อสัมผัส) เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการยืนยันความสำเร็จของสูตร

การทำงานร่วมกับนักเคมีเครื่องสำอางที่มีประสบการณ์เป็นสิ่งแนะนำอย่างยิ่งสำหรับสูตรครีมกันแดดที่มีความซับซ้อนเช่นนี้

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Disodium EDTA
Disodium EDTA
เครื่องสำอาง
Ethylhexyl Triazone (Octyltriazone, EHT, e.q. Uvinul T150)
Ethylhexyl Triazone (Octyltriazone, EHT, e.q. Uvinul T150)
เครื่องสำอาง
SelectSorb™ (High Oil Absorption PMMA)
SelectSorb™ (High Oil Absorption PMMA)
เครื่องสำอาง
PPG-3 Myristyl Ether
PPG-3 Myristyl Ether
เครื่องสำอาง
PMMA Booster (Color Booster)
PMMA Booster (Color Booster)
เครื่องสำอาง
Bisoctrizole (MBBT, e.q. Tinosorb M)
Bisoctrizole (MBBT, e.q. Tinosorb M)
เครื่องสำอาง
Licorice Extract (Glabridin 4.5%, Water-Soluble)
Licorice Extract (Glabridin 4.5%, Water-Soluble)
เครื่องสำอาง
Pure-TECA™ Centella Asiatica Extract (TECA 95%, CICA)
Pure-TECA™ Centella Asiatica Extract (TECA 95%, CICA)
เครื่องสำอาง
LipidSoft™ SPF
LipidSoft™ SPF
เครื่องสำอาง
C12-15 alkyl benzoate Gel (Flowable)
C12-15 alkyl benzoate Gel (Flowable)
เครื่องสำอาง
Drometrizole Trisiloxane (e.q. Mexoryl XL)
Drometrizole Trisiloxane (e.q. Mexoryl XL)
เครื่องสำอาง
Portulaca Extract (Purified Colorless Liquid)
Portulaca Extract (Purified Colorless Liquid)
เครื่องสำอาง
Extreme-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide, Highest Purity)
Extreme-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide, Highest Purity)
เครื่องสำอาง
Zinc Oxide 200nm EasyDisperse™
Zinc Oxide 200nm EasyDisperse™
เครื่องสำอาง
LipidSoft™ Lite (Isononyl Isononanoate)
LipidSoft™ Lite (Isononyl Isononanoate)
เครื่องสำอาง
Ethyl Alcohol (99.9% , 200 Proof, Research/Perfumer Grade)
Ethyl Alcohol (99.9% , 200 Proof, Research/Perfumer Grade)
เครื่องสำอาง
Titanium Dioxide 15nm Liquid (Gloss)
Titanium Dioxide 15nm Liquid (Gloss)
เครื่องสำอาง
Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)
Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)
เครื่องสำอาง
Milk Lotion Maker™
Milk Lotion Maker™
เครื่องสำอาง
WaterGuard™ Spray
WaterGuard™ Spray
เครื่องสำอาง