รีวิวสูตรกันแดดสำหรับค่า SPF/PA สูง กันน้ำ และข้อพิจารณาเรื่อง Reef Safe
คำถาม
ต้องการพัฒนาสูตรกันแดดที่เน้นคุณสมบัติทั้ง UVA, UVB, Reef Safe, กันน้ำ, กันเหงื่อ และให้ค่า PA++++
มีสูตรที่เสนอมาดังนี้:
- Drometrizole Trisiloxane (e.q. Mexoryl XL) 10% 10.00%
- Ethylhexyl Triazone EHT 1.30%
- PPG-3 myristyl ether 40% 10.00%
- BEMT 2% 5.00%
- Lipidsoft SPF 17% 10.00%
- DHHB 4.60%
- LipidSoft™ C1215 (C12-15 alkyl benzoate) 20.00%
- Bisoctrizole (MBBT, e.q. Tinosorb M) 10.00%
- Acrylates/C12-22 Alkyl Methacrylate Copolymer 10% 10.00%
- Extreme-B3 5.00%
- Portulaca Extract 0.50%
- Centella Asiatica Extract 1.50%
- สารสกัดชะเอมเทศจากประเทศเกาหลี 1.00%
- Panthenol 2.00%
- Disodium EDTA 0.10%
- SelectSorb 2.00%
- PMMA Booster 3.00%
- Mild Preserved Eco 1.00%
- น้ำ 3.00%
รวม: 100.00%
สูตรนี้มีความเป็นไปได้หรือไม่? ต้องปรับเปลี่ยนตรงไหนบ้าง และมีวิธีการผสมที่แนะนำอย่างไร? ขอบคุณค่ะ
คำตอบ
การพิจารณาสูตรกันแดด
ขอขอบคุณสำหรับสูตรกันแดดที่คุณเสนอมาค่ะ สูตรนี้มีส่วนผสมของสารกันแดดที่ดีหลายชนิดที่มุ่งเน้นให้การปกป้องแบบ Broad-spectrum (UVA/UVB) และค่า PA++++ รวมถึงมีส่วนผสมบำรุงผิวที่เป็นประโยชน์
นี่คือการประเมินสูตรและข้อควรพิจารณาบางประการ:
ความเป็นไปได้และการปรับเปลี่ยนที่แนะนำ
- การผสมผสานสารกันแดด: การใช้ Drometrizole Trisiloxane, Ethylhexyl Triazone, BEMT, DHHB และ Bisoctrizole ร่วมกันมีประสิทธิภาพสูงในการให้ค่า SPF และ PA++++ ที่สูง สารกรองรังสีเหล่านี้ครอบคลุมช่วงคลื่น UV ที่กว้าง
- Reef Safe: สูตรของคุณใช้เฉพาะสารกันแดดแบบ Organic (Chemical filters) เท่านั้น ตามคำจำกัดความที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป ครีมกันแดดที่เรียกว่า "Reef Safe" มักจะใช้สารกันแดดแบบ Mineral (Physical filters) เช่น Zinc Oxide และ Titanium Dioxide ดังนั้น สูตรนี้โดยทั่วไปแล้ว จะไม่ ถือว่าเป็น Reef Safe
- การกันน้ำ/กันเหงื่อ: การใส่ Allianz OPT (Acrylates/C12-22 Alkyl Methacrylate Copolymer) เหมาะสมสำหรับการเพิ่มคุณสมบัติกันน้ำและกันเหงื่อ อย่างไรก็ตาม อัตราส่วน 10% ที่เสนอมานั้นสูงกว่าอัตราส่วนที่แนะนำโดยทั่วไป (1-5%) สำหรับส่วนผสมนี้ และอาจส่งผลต่อเนื้อสัมผัสสุดท้าย ทำให้รู้สึกเหนอะหนะหรือหนักผิวได้
- โครงสร้างสูตร (ประเภทอิมัลชัน): สูตรมีการระบุส่วนผสมที่ละลาย/กระจายตัวในน้ำมัน (สารกันแดดส่วนใหญ่, PPG-3 Myristyl Ether, LipidSoft SPF, LipidSoft C1215) และส่วนผสมที่ละลาย/กระจายตัวในน้ำ (Disodium EDTA, Extreme-B3, Panthenol, Portulaca Extract, Licorice Extract, Bisoctrizole, Allianz OPT, Mild Preserved Eco, น้ำ) อย่างไรก็ตาม ขาด สารอิมัลซิไฟเออร์หลัก (Primary Emulsifier) ในรายการส่วนผสมของคุณ สารอิมัลซิไฟเออร์จำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างส่วนผสมที่คงตัวระหว่างเฟสน้ำมันและเฟสน้ำ หากไม่มี สู่มีแนวโน้มที่จะแยกชั้น
- ปริมาณน้ำ: ปริมาณน้ำมีเพียง 3% ซึ่งน้อยมากสำหรับอิมัลชันส่วนใหญ่ (เช่น O/W หรือ W/O) และจะทำให้การละลาย/กระจายตัวของส่วนผสมที่ละลาย/กระจายตัวในน้ำเป็นไปได้ยาก และสร้างเนื้อสัมผัสที่คงตัวและน่าใช้ได้ยาก สูตรดูเหมือนจะเน้นไปที่เฟสน้ำมัน/ผงเป็นหลัก (รวมกันประมาณ 97%)
- ระดับส่วนผสม: ระดับของส่วนผสมบางชนิด เช่น PPG-3 Myristyl Ether (10%), LipidSoft SPF (10%), LipidSoft C1215 (20%) และ Allianz OPT (10%) ค่อนข้างสูง แม้ว่าส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยละลายสารกรองรังสีและสร้างฟิล์ม แต่ปริมาณที่สูงรวมกันกับน้ำที่น้อย จะส่งผลอย่างมากต่อเนื้อสัมผัสและความคงตัวสุดท้าย
- สารสกัดและสารออกฤทธิ์: การใส่ Extreme-B3, Portulaca Extract, Centella Asiatica Extract (Pure-TECA™) และ Licorice Extract ช่วยเสริมคุณสมบัติการบำรุงผิว อัตราส่วนที่ใช้ดูสมเหตุสมผล
- สารปรับปรุงเนื้อสัมผัส: SelectSorb และ PMMA Booster เป็นส่วนผสมที่ดีในการช่วยดูดซับความมัน ปรับปรุงเนื้อสัมผัส และช่วยเสริมค่า SPF
การปรับเปลี่ยนที่แนะนำ
- เพิ่มสารอิมัลซิไฟเออร์หลัก: คุณต้องใส่ระบบสารอิมัลซิไฟเออร์หลักที่เหมาะสมกับเฟสน้ำมันและเฟสน้ำ รวมถึงสารกรองรังสีที่คุณเลือก ชนิดและปริมาณจะขึ้นอยู่กับเนื้อสัมผัสที่ต้องการ (โลชั่น, ครีม ฯลฯ) และประเภทของอิมัลชัน (O/W, W/O)
- ปรับอัตราส่วนน้ำ/น้ำมัน: เพิ่มปริมาณน้ำอย่างมีนัยสำคัญ และลดปริมาณของเฟสน้ำมัน/สารให้ความนุ่มลื่นบางส่วน (PPG-3 Myristyl Ether, LipidSoft SPF, LipidSoft C1215) เพื่อให้ได้อิมัลชันที่สมดุลและคงตัวมากขึ้น รวมถึงช่วยละลาย/กระจายตัวส่วนผสมที่ละลายในน้ำได้ดีขึ้น อัตราส่วนที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับอิมัลซิไฟเออร์ที่เลือกและเนื้อสัมผัสที่ต้องการ
- พิจารณาระดับของ Allianz OPT: พิจารณาลดปริมาณ Allianz OPT ให้อยู่ในอัตราส่วนที่แนะนำ (1-5%) เว้นแต่การทดสอบอย่างละเอียดจะพิสูจน์ได้ว่ามีความคงตัวและเนื้อสัมผัสที่ยอมรับได้ที่ 10% คุณอาจต้องพิจารณาใช้สารสร้างฟิล์มหรือสารช่วยกันน้ำอื่นๆ หากต้องการประสิทธิภาพที่สูงขึ้นแต่ระดับ 10% ทำให้เกิดปัญหาเนื้อสัมผัส
- พิจารณาทางเลือก Reef Safe: หาก Reef Safe เป็นข้อกำหนดที่เคร่งครัด คุณจะต้องปรับสูตรโดยใช้สารกันแดดแบบ Mineral (Zinc Oxide, Titanium Dioxide) ซึ่งอาจใช้ร่วมกับสารกรองรังสี Organic บางชนิดที่ได้รับการยอมรับมากกว่า แม้ว่าการทำสูตรที่ใช้ Mineral เพียงอย่างเดียวให้ได้ค่า SPF/PA สูงและเนื้อสัมผัสที่ดีอาจเป็นเรื่องท้าทาย
วิธีการผสมที่แนะนำ (แนวทางทั่วไป - ต้องมีสารอิมัลซิไฟเออร์)
นี่เป็นเพียงแนวทางทั่วไป และจะต้องปรับเปลี่ยนตามระบบอิมัลซิไฟเออร์ที่เลือกและอัตราส่วนน้ำ/น้ำมันสุดท้าย ควรปฏิบัติตามคำแนะนำจากผู้จำหน่ายวัตถุดิบแต่ละชนิดเสมอ
- เฟสน้ำ (Phase A): รวม น้ำ, Disodium EDTA, Extreme-B3, Panthenol, Portulaca Extract, Licorice Extract และ Allianz OPT เข้าด้วยกัน อาจให้ความร้อนเล็กน้อยหากจำเป็น แต่หลีกเลี่ยงความร้อนสูงเป็นเวลานานสำหรับสารสกัด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าส่วนผสมที่ละลายในน้ำละลายหมดแล้ว และ Allianz OPT กระจายตัวดี
- เฟสน้ำมัน (Phase B): รวม PPG-3 Myristyl Ether, LipidSoft SPF, LipidSoft C1215, Drometrizole Trisiloxane, Ethylhexyl Triazone, BEMT, DHHB และสารอิมัลซิไฟเออร์หลักที่คุณเลือก ให้ความร้อนเฟส B ประมาณ 80°C (หรือตามคำแนะนำของผู้จำหน่าย) เพื่อช่วยละลายสารกรองรังสีแบบผงทั้งหมด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกส่วนผสมเข้ากันดี
- รวมเฟส: ค่อยๆ เติมเฟส B ลงในเฟส A (หรือเฟส A ลงในเฟส B ขึ้นอยู่กับชนิดของอิมัลซิไฟเออร์และประเภทอิมัลชันที่ต้องการ) พร้อมกับคนด้วยความเร็วสูง (High Shear) เพื่อสร้างอิมัลชัน
- เฟสทำความเย็น: คนต่อไปเรื่อยๆ ขณะที่อิมัลชันเย็นตัวลง เติม Bisoctrizole (ซึ่งกระจายตัวในน้ำ) ในระหว่างเฟสทำความเย็น ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระจายตัวได้ดี
- ส่วนผสมสุดท้าย: เมื่ออิมัลชันเย็นตัวลงเพียงพอแล้ว (เช่น ต่ำกว่า 40°C) ให้เติมส่วนผสมที่ไวต่อความร้อน เช่น Mild Preserved Eco กระจายผงต่างๆ เช่น Pure-TECA™ (หากจำเป็นให้กระจายในไกลคอลเล็กน้อยก่อน), SelectSorb และ PMMA Booster ลงในอิมัลชันที่เย็นแล้ว และคนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
- ปรับค่า pH: ตรวจสอบและปรับค่า pH สุดท้ายหากจำเป็น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเหมาะสมกับส่วนผสมและความคงตัวของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ
สรุป
สูตรที่เสนอมามีศักยภาพในการให้การปกป้อง UV ที่สูง แต่จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มสารอิมัลซิไฟเออร์หลัก และการปรับสมดุลระหว่างเฟสน้ำและเฟสน้ำมันเพื่อความคงตัวและเนื้อสัมผัส นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าสูตรนี้ซึ่งใช้เฉพาะสารกรองรังสี Organic เท่านั้น โดยทั่วไปจะไม่ถือว่าเป็น Reef Safe การพัฒนาครีมกันแดดที่คงตัวและมีประสิทธิภาพต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการปรุงสูตรอย่างรอบคอบ การทดลองทำในขนาดเล็ก การทดสอบความคงตัว (รวมถึงการทดสอบการแช่แข็ง-ละลาย และอุณหภูมิสูง) และการทดสอบค่า SPF/PA ทั้งแบบ In-vivo หรือ In-vitro เพื่อยืนยันค่าการปกป้องขั้นสุดท้ายและการกล่าวอ้างคุณสมบัติการกันน้ำ
ขอแนะนำอย่างยิ่งให้ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงสูตรที่มีประสบการณ์สำหรับสูตรกันแดดที่ซับซ้อนเช่นนี้
การตอบกลับติดตาม
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Disodium EDTA

SelectSorb™ (High Oil Absorption PMMA)

PPG-3 Myristyl Ether

PMMA Booster (SPF/Color Booster)

Bisoctrizole (MBBT, e.q. Tinosorb M)

Licorice Extract (Glabridin 4.5%, Water-Soluble)

LipidSoft™ SPF

C12-15 alkyl benzoate Gel (Flowable)

Drometrizole Trisiloxane (e.q. Mexoryl XL)

Portulaca Extract (Purified Colorless Liquid)

Zinc Oxide 200nm EasyDisperse™

LipidSoft™ Lite (Isononyl Nonanoate)

Titanium Dioxide 15nm Liquid (Gloss)

Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)

Milk Lotion Maker™
