การประเมินสูตรและการแนะนำ

นี่คือการประเมินสูตรครีมทาหน้าของคุณและข้อเสนอแนะสำหรับการปรับปรุงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่คุณต้องการ (เสริมเกราะป้องกันผิว, ให้ความชุ่มชื้น, ลดสิว, ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น, ลดความเหลืองของผิว)

สูตรของคุณมีการเลือกส่วนผสมที่ดีที่มุ่งเน้นไปที่ปัญหาผิวเหล่านี้ มาดูความเข้ากันได้และประสิทธิภาพของแต่ละส่วน:

การวิเคราะห์สูตร

ส่วน A (กระบวนการร้อน 50°C)

• Water (10%): ส่วนหลักของเฟสน้ำ
• Sodium Lactate Plus (3%): เป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่ดีเยี่ยมที่ให้ความชุ่มชื้นยาวนาน ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นตามที่คุณต้องการ สามารถทนความร้อนได้ถึง 60°C ดังนั้นการเติมในเฟสน้ำร้อนที่ 50°C จึงเหมาะสม
• Ectoine (1%): ส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพสูงในการเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว, ปกป้อง, ซ่อมแซม และให้ความชุ่มชื้น สามารถทนความร้อนได้ถึง 80°C และช่วง pH กว้าง (1-9) ทำให้เข้ากันได้กับกระบวนการร้อน

ส่วน B (กระบวนการร้อน 50°C)

• Sensitive Cream Maker (1%): เป็นอิมัลซิไฟเออร์หลักของคุณ แม้ว่าจะต้องใช้ความร้อน (โดยทั่วไป 60-70°C สำหรับ Soft Cream Maker ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกัน) เพื่อสร้างอิมัลชัน แต่ 50°C อาจเพียงพอ แต่การเพิ่มความร้อนขึ้นเล็กน้อย (เช่น 60°C) อาจช่วยให้การสร้างอิมัลชันดีขึ้น อัตราการใช้ 1% ค่อนข้างต่ำสำหรับการทำอิมัลชันเฟสน้ำมัน 3% (LipidSoft Lite 1% + Horse Oil 2% = 3% เฟสน้ำมัน) คุณอาจพิจารณาเพิ่มปริมาณเล็กน้อย อาจเป็น 2-3% เพื่อให้แน่ใจว่าอิมัลชันมีความเสถียร ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของผลิตภัณฑ์ Sensitive Cream Maker ที่คุณใช้โดยเฉพาะ
• LipidSoft Lite (1%): เป็นสารให้ความนุ่มลื่นเนื้อบางเบาที่ให้ความรู้สึกเรียบเนียนไม่เหนอะหนะและช่วยให้เกลี่ยง่าย เข้ากันได้กับเฟสน้ำมันและกระบวนการร้อน
• Horse Oil (2%): เป็นน้ำมันที่ให้ความชุ่มชื้นสูง ช่วยฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียนนุ่ม ลดริ้วรอย ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและอาจลดเลือนริ้วรอยได้ สามารถทนความร้อนได้ถึง 60°C ในระยะเวลาสั้นๆ ดังนั้น 50°C จึงยอมรับได้

ส่วน C (ขั้นตอนการทำให้เย็นลง)

• น้ำส่วนที่เหลือ: เป็นส่วนที่เติมสารออกฤทธิ์ที่ละลายน้ำได้และไวต่อความร้อนหลังจากที่อิมัลชันเย็นลงแล้ว
• Repair Activator (10%): มี Bifida Ferment Lysate ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านการซ่อมแซมผิวและคุณสมบัติในการต่อต้านริ้วรอย ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ควรเติมในขั้นตอนการทำให้เย็นลง (หลีกเลี่ยงความร้อน) และมีความเสถียรในช่วง pH 4-5.5
• Plankton Artemia Extract (2%): ให้ประโยชน์ในการต่อต้านมลภาวะ, ปกป้อง, และฟื้นฟูผิว สนับสนุนการเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวและการซ่อมแซม ควรเติมในขั้นตอนการทำให้เย็นลงและมีความเสถียรในช่วง pH 4-6.5
• Ume Extract (2%): มุ่งเป้าไปที่ความเหลืองของผิวโดยการป้องกันกระบวนการไกลเคชั่น ควรเติมในขั้นตอนการทำให้เย็นลง (หลีกเลี่ยงความร้อน >40°C) และมีความเสถียรในช่วง pH 4.0-6.5
• 20nm Silver Pure (1%): นาโนซิลเวอร์มีคุณสมบัติต้านจุลชีพ ซึ่งอาจช่วยเรื่องสิว อย่างไรก็ตาม อัตราการใช้ที่แนะนำสำหรับผงนาโนซิลเวอร์โดยทั่วไปจะต่ำกว่ามาก (0.01-0.1%) การใช้ 1% เป็นความเข้มข้นที่สูงมากสำหรับผลิตภัณฑ์แบบทาทิ้งไว้ และเนื่องจากเป็นผงที่ไม่ละลายน้ำ มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดเนื้อสัมผัสที่สากและปัญหาความเสถียร (การตกตะกอน) ขอแนะนำอย่างยิ่งให้ ลดความเข้มข้นของนาโนซิลเวอร์ลงอย่างมาก ให้อยู่ในช่วงที่แนะนำ (เช่น 0.05%) และตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการกระจายตัวอย่างเหมาะสมในสูตร อาจโดยการกระจายตัวล่วงหน้าในน้ำปริมาณเล็กน้อยหรือตัวทำละลายที่เข้ากันได้ก่อนเติมลงในส่วน C
• Licochalcone A 20% (0.5%): เป็นที่รู้จักในด้านการลดการอักเสบ, รอยแดง (สิว), การระคายเคือง, ความมัน, และช่วยเรื่องสิว ละลายได้ในไกลคอล ไม่ละลายในน้ำ แม้ว่า Repair Activator จะอยู่ในเบส Butylene Glycol แต่การเติมผง Licochalcone A ลงในเฟสน้ำในส่วน C โดยตรงอาจไม่รับประกันการละลายและการกระจายตัวที่สม่ำเสมอ ขอแนะนำให้ ละลายผง Licochalcone A ล่วงหน้าในไกลคอลปริมาณเล็กน้อย (เช่น Butylene Glycol จาก Repair Activator หรือ Propylene Glycol เพิ่มเติม) ก่อนเติมลงในส่วน C ความเข้มข้น 0.5% สูงกว่าช่วงที่แนะนำทั่วไปเล็กน้อย (0.1-0.3%) สำหรับปัญหาสิว/ความมันทั่วไป แต่อาจยอมรับได้ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของผลิตภัณฑ์เฉพาะและผลลัพธ์ที่ต้องการ มีความเสถียรในช่วง pH 3.5-6.5
• Sym-White (0.5%): Phenylethyl Resorcinol มีประสิทธิภาพในการทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นและลดจุดด่างดำ ช่วยให้ผิวขาวขึ้นและลดความเหลืองของผิว ควรเติมในขั้นตอนสุดท้าย (ส่วน C) และมีความเสถียรที่สุดในช่วง pH 4-5 ต้องมีน้ำมันในสูตรเพื่อช่วยในการละลายอย่างเหมาะสม

ส่วน D

• Aquamax (3%): สมมติว่าเป็นสารเพิ่มความหนืดเช่น Sepimax Zen ช่วยสร้างเนื้อครีม โดยทั่วไปจะเติมในเฟสน้ำ อัตราการใช้ 3% ดูสมเหตุสมผลสำหรับการเพิ่มความหนืด

ส่วน E

• สารกันเสีย (0.7%): จำเป็นสำหรับการป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ความเข้ากันได้และประสิทธิภาพของสารกันเสียขึ้นอยู่กับชนิดที่ใช้และ pH สุดท้ายของสูตร คุณต้องแน่ใจว่าสารกันเสียที่เลือกมีประสิทธิภาพในช่วง pH เป้าหมาย 4-5 (เพื่อความเสถียรของ Sym-White) และเข้ากันได้กับส่วนผสมอื่นๆ ทั้งหมดของคุณ

ความเข้ากันได้และข้อเสนอแนะ

1. ขั้นตอนการผสม: กระบวนการร้อนที่คุณเสนอสำหรับส่วน A และ B ตามด้วยการเติมส่วนผสมในส่วน C ในระหว่างการทำให้เย็นลง โดยทั่วไปเหมาะสมสำหรับอิมัลชันประเภทนี้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุณหภูมิต่ำกว่า 40°C ก่อนเติมส่วนผสมที่ไวต่อความร้อนในส่วน C
2. นาโนซิลเวอร์: ความเข้มข้น 1% สูงเกินไปและมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดปัญหาในสูตร (เนื้อสัมผัส, ความเสถียร) และอาจเป็นข้อกังวลด้านความปลอดภัย ลดความเข้มข้นลงอย่างมาก (0.01-0.1%) และตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการกระจายตัวอย่างเหมาะสม
3. Licochalcone A: ละลายผงในไกลคอลปริมาณเล็กน้อยล่วงหน้า ก่อนเติมลงในส่วน C
4. ความเข้มข้นของอิมัลซิไฟเออร์: พิจารณาเพิ่มความเข้มข้นของ Sensitive Cream Maker เล็กน้อย (เช่น 2-3%) เพื่อความเสถียรที่ดีขึ้น
5. การปรับ pH: pH ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับความเสถียรของ Sym-White คือ pH 4-5 ช่วงนี้ยังเข้ากันได้กับส่วนผสมออกฤทธิ์อื่นๆ ส่วนใหญ่ในส่วน C วัดและปรับ pH สุดท้ายของครีมหลังจากเติมส่วนผสมทั้งหมดในส่วน C โดยใช้กรดที่เหมาะสม (เช่น Lactic Acid, Citric Acid) หรือเบส (เช่น สารละลาย Sodium Hydroxide) หากจำเป็น การรักษา pH นี้มีความสำคัญต่อประสิทธิภาพและความเสถียรของ Sym-White
6. การเลือกสารกันเสีย: เลือกสารกันเสียที่ออกฤทธิ์กว้างและมีประสิทธิภาพในช่วง pH 4-5 และเข้ากันได้กับส่วนผสมทั้งหมด

ด้วยการปรับปรุงเหล่านี้ สูตรของคุณควรมีความเสถียรและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการให้ประโยชน์ต่อผิวที่คุณต้องการ