รีวิวสูตรน้ำตบ: ความเข้ากันได้, ความซ้ำซ้อนของสาร, และการผสม
คำถาม
อยากสอบถามว่าส่วนผสมสามารถเข้ากันได้ไหม
แล้วมีสารแอคทีฟตัวไหน ทำงานซ้ำกันหรือไม่ ขอบคุณค่ะ
สูตร น้ำตบ:
- Repair Activator 5%
- Argireline 5%
- Matrixyl 3000 5%
- Ume Extract 2%
- Yeast Radiance 3%
- Yeast Resurface 3%
- Dmi 3%
- Quick Coll 2%
- Hyaluronic japan 1%
- Mild Preserved Eco 1%
- ที่เหลือ: Pitera
หากปั่นมือ ควรปั่นกี่นาทีคะ
ขอบคุณค่ะ
คำตอบ
การวิเคราะห์สูตรน้ำตบของคุณ
จากการส่วนผสมที่คุณให้มาและข้อมูลจากรายละเอียดผลิตภัณฑ์ นี่คือการวิเคราะห์สูตรของคุณ:
ความเข้ากันได้ของส่วนผสม
ส่วนผสมส่วนใหญ่ในสูตรของคุณสามารถละลายน้ำได้และโดยทั่วไปเข้ากันได้ดีในสูตรน้ำตบ เพื่อให้มั่นใจถึงความเสถียรและประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับส่วนผสมอย่างเปปไทด์และสารสกัดจากการหมัก ควรควบคุมค่า pH สุดท้ายของสูตรให้อยู่ในช่วง 4.0 ถึง 6.5
ส่วนผสมที่ไวต่อความร้อน เช่น Repair Activator, Argireline, Matrixyl 3000, Yeast Radiance และ Pitera ควรเติมในขั้นตอนสุดท้ายหลังจากที่เบสหลักเย็นลงต่ำกว่า 40°C Mild Preserved Eco สามารถทนความร้อนได้บ้าง (ถึง 80°C เป็นเวลา 5 นาที) แต่ก็ควรเติมในขั้นตอนที่เย็นลงเช่นกัน DMI เป็นตัวทำละลายและสามารถเติมในขั้นตอนก่อนหน้านี้ได้
โปรดทราบว่าไม่พบข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับ Ume Extract, Yeast Resurface และ Quick Coll จากฐานข้อมูลที่มีอยู่ จึงไม่สามารถประเมินความเข้ากันได้ได้อย่างสมบูรณ์ การวิเคราะห์นี้จึงเน้นที่ส่วนผสมที่มีข้อมูลผลิตภัณฑ์
ความซ้ำซ้อนของสารออกฤทธิ์
สูตรของคุณมีสารออกฤทธิ์หลายชนิดที่มุ่งเป้าไปที่ปัญหาผิวที่แตกต่างกัน:
- Argireline และ Matrixyl 3000 เป็นเปปไทด์ลดริ้วรอยทั้งคู่ แต่ทำงานต่างกัน Argireline ช่วยคลายกล้ามเนื้อใบหน้าเพื่อลดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า ในขณะที่ Matrixyl 3000 กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน การใช้ร่วมกันสามารถให้ประโยชน์ในการต่อต้านริ้วรอยที่ครอบคลุม
- Repair Activator (Bifida Ferment Lysate) และ Pitera (Galactomyces Ferment Filtrate) เป็นส่วนผสมจากการหมัก Repair Activator มีคุณสมบัติช่วยซ่อมแซม DNA ในขณะที่ Pitera ให้ผลลัพธ์ในการฟื้นฟู บำรุงผิวให้เรียบเนียน และให้ความชุ่มชื้นในวงกว้าง ทั้งสองให้ประโยชน์เสริมกัน
- Yeast Radiance มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวกระจ่างใสโดยเฉพาะ ซึ่งแตกต่างจากส่วนผสมอื่นๆ ที่เน้นเรื่องริ้วรอยและความชุ่มชื้น
- Hyaluronic Acid ให้ความชุ่มชื้นที่จำเป็นต่อผิว
- DMI ทำหน้าที่เป็นสารช่วยนำพา (penetration enhancer) ช่วยให้สารออกฤทธิ์อื่นๆ ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น
- Mild Preserved Eco เป็นสารกันเสีย
แม้ว่าส่วนผสมบางชนิดจะให้ประโยชน์ทั่วไปในการต่อต้านริ้วรอยหรือฟื้นฟูผิว แต่กลไกการทำงานเฉพาะของพวกมันแตกต่างกัน ดังนั้นจึงไม่มีความซ้ำซ้อนอย่างมีนัยสำคัญในหน้าที่หลักของส่วนผสมที่มีข้อมูลอยู่
การผสมด้วยมือ
สำหรับการผสมด้วยมือ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าส่วนผสมแต่ละชนิดละลายหรือกระจายตัวอย่างทั่วถึงก่อนเติมส่วนผสมถัดไป
- เริ่มต้นด้วยส่วนของน้ำ
- หากใช้ Hyaluronic Acid ชนิดผง ต้องใช้เวลาในการดูดซับน้ำและขึ้นเจล คุณสามารถแช่ผงในส่วนของน้ำเป็นเวลาหลายชั่วโมง (เช่น ข้ามคืนในตู้เย็น) และคนเป็นครั้งคราว จนกว่าจะกลายเป็นเจลใสที่ไม่มีก้อน การใช้ตะกร้อหรือเครื่องปั่นมือสามารถช่วยเร่งกระบวนการนี้ได้อย่างมาก หากใช้ Hyaluronic Acid ชนิดน้ำ จะละลายได้ง่ายกว่า
- เติม DMI และส่วนผสมอื่นๆ ที่สามารถทนความร้อนได้เล็กน้อยหากจำเป็น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผสมเข้ากันดีแล้ว
- เมื่อเบสเย็นลงต่ำกว่า 40°C ให้เติมส่วนผสมที่ไวต่อความร้อน ได้แก่ Repair Activator, Argireline, Matrixyl 3000, Yeast Radiance, Pitera และ Mild Preserved Eco
- คนเบาๆ แต่ทั่วถึงหลังจากเติมส่วนผสมแต่ละชนิด จนกว่าส่วนผสมจะกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ คนต่อไปจนกว่าสูตรทั้งหมดจะเป็นเนื้อเดียวกัน
เวลาที่ใช้ในการผสมด้วยมือขึ้นอยู่กับปริมาณที่ผสมและประสิทธิภาพในการคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการละลายผง เน้นที่การทำให้ส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียวมากกว่าการกำหนดเวลาที่แน่นอน
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Acetyl Hexapeptide-8 (eq Argireline)

Pal-GHK, Pal-GQPR (eq Matrixyl 3000)

Hyaluronic Acid (Standard Molecule)

Galactomyces Ferment Filtrate (aka Pitera)

Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)

Yeast Radiance™
