รีวิวสูตรเซรั่ม: ความเข้ากันได้, เนื้อสัมผัส และการปรับ pH

ถามโดย: belle_kanokorn เมื่อ: October 01, 2020 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

อยากสอบถามเกี่ยวกับสูตรเซรั่มที่กำลังพัฒนาอยู่ค่ะ ส่วนผสมและเปอร์เซ็นต์มีดังนี้:
5% perfect c
1% Silk Lotion Maker
17% Rose Water
2% Pitera Ex
20% Hyaluronic Acid Solution (ความเข้มข้น 1%)
1% MOIST72
2% water lock
0.5% Allantoin
3% Ume Extract
10% Repair Activator
10% Skin mimic
2% Ectoine
2% Quick Coll
5% Matrixyl 3000
10% Argireline
2% Rosa Hybrid Cell Extract
3% Glycosaminoglycans Complex (Lamer)
3% Dimethyl Isosorbide (DMI)
1% Xanthan Gum
0.5% Liquid Germall Plus

อยากทราบว่าส่วนผสมเข้ากันได้ไหมคะ
อยากได้เนื้อไม่หนักค่ะ ทำเป็น serum, Silk Lotion Maker สามารถใช้ได้ไหมคะ หรือใช้แค่ Xanthan Gum ก็พอแล้ว หรือมีตัวอี่นที่ดีกว่าแนะนำไหมคะ
ควรใส่ water lock ใน serum ไหมคะ เห็นว่ามันจะเคลือบผิว แล้วมันจะทำให้ครีมที่ทาหลัง serum ซึมได้ไหมคะ หรือควรใส่ water lock ในครีมแทนค่ะ
มีสารตัวอื่นที่ควรใส่เพิ่มอีกไหมคะเพื่อให้ serum มีประสิทธิภาพมากขึ้น
จำเป็นต้องใส่ Citric Acid ปรับ PH ให้สูตรให้เป็นประมาณ 6 ไหมคะ

คำตอบ

สวัสดีค่ะ เข้าใจว่ากำลังทดลองทำเซรั่มใช้เองนะคะ สูตรที่ให้มามีส่วนผสมที่น่าสนใจหลายตัวเลยค่ะ ขอตอบคำถามแต่ละข้อดังนี้นะคะ

1. ส่วนผสมเข้ากันได้ไหมคะ?

สูตรนี้มีส่วนผสมที่หลากหลายมาก ทั้งวิตามินซีที่ละลายในน้ำมัน (perfect c), สารสกัดต่างๆ, เปปไทด์, สารให้ความชุ่มชื้น และสารสร้างเนื้อ แม้ว่าส่วนผสมส่วนใหญ่จะเข้ากันได้ดีในภาพรวม แต่การรวมสารออกฤทธิ์จำนวนมากในความเข้มข้นสูงอาจมีความท้าทายในการทำให้สูตรมีความเสถียรในระยะยาวค่ะ อาจต้องมีการทดสอบความเข้ากันได้และความเสถียรของสูตรที่ทำขึ้นจริง เพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อไม่แยกชั้น สีไม่เปลี่ยน หรือประสิทธิภาพไม่ลดลงเมื่อเวลาผ่านไปค่ะ

2. อยากได้เนื้อไม่หนักค่ะ ทำเป็น serum, Silk Lotion Maker สามารถใช้ได้ไหมคะ หรือใช้แค่ Xanthan Gum ก็พอแล้ว หรือมีตัวอื่นที่ดีกว่าแนะนำไหมคะ?

Xanthan Gum เป็นสารเพิ่มความหนืดที่ใช้ในส่วนของน้ำค่ะ จะช่วยให้เนื้อเซรั่มมีความข้นขึ้นเป็นเนื้อเจลได้
Silk Lotion Maker เป็นอิมัลซิไฟเออร์ (Emulsifier) ชนิดหนึ่งที่ช่วยเชื่อมส่วนที่เป็นน้ำกับส่วนที่เป็นน้ำมันเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้เนื้อแบบอิมัลชั่น (เช่น โลชั่น หรือครีม)
ในสูตรของคุณมี perfect c ซึ่งเป็นวิตามินซีที่ละลายในน้ำมัน การจะทำให้ perfect c เข้ากับส่วนผสมส่วนใหญ่ที่เป็นน้ำได้ดีและไม่แยกชั้น อาจจำเป็นต้องใช้อิมัลซิไฟเออร์อย่าง Silk Lotion Maker เพื่อช่วยกระจาย perfect c ในเนื้อเซรั่ม ทำให้ได้เนื้อเซรั่มแบบอิมัลชั่นที่บางเบาค่ะ
หากใช้แค่ Xanthan Gum อย่างเดียว อาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ perfect c กระจายตัวได้ดีในสูตรน้ำ และอาจเกิดการแยกชั้นได้ค่ะ
ดังนั้น การใช้ Silk Lotion Maker ร่วมกับ Xanthan Gum หรือใช้ Silk Lotion Maker เพียงอย่างเดียวในปริมาณที่เหมาะสม อาจช่วยให้ได้เนื้อเซรั่มแบบอิมัลชั่นที่บางเบาและคงตัวได้ดีกว่าค่ะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของส่วนน้ำมันและน้ำในสูตรโดยรวมด้วยค่ะ

3. ควรใส่ water lock ใน serum ไหมคะ เห็นว่ามันจะเคลือบผิว แล้วมันจะทำให้ครีมที่ทาหลัง serum ซึมได้ไหมคะ หรือควรใส่ water lock ในครีมแทนค่ะ?

Water Lock (Polyquaternium-51) เป็นสารที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นและสร้างฟิล์มบางๆ เคลือบผิวเพื่อลดการสูญเสียน้ำค่ะ
สามารถใส่ Water Lock ในเซรั่มได้ค่ะ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและทำให้ผิวรู้สึกเรียบลื่นขึ้น
โดยทั่วไปแล้ว Water Lock ในความเข้มข้นที่ใช้ในสูตรเครื่องสำอาง (2% ในสูตรของคุณ) ไม่น่าจะสร้างฟิล์มที่หนาจนขัดขวางการซึมของครีมที่ทาตามหลังอย่างมีนัยสำคัญค่ะ ส่วนใหญ่จะให้ความรู้สึกสบายผิวและช่วยให้ผลิตภัณฑ์อื่นเกลี่ยง่ายขึ้นด้วยซ้ำค่ะ
การจะใส่ Water Lock ในเซรั่มหรือครีม ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณค่ะ หากต้องการให้เซรั่มเป็นตัวหลักในการให้ความชุ่มชื้นและปรับสภาพผิวให้พร้อมรับครีม ก็สามารถใส่ในเซรั่มได้เลยค่ะ

4. มีสารตัวอื่นที่ควรใส่เพิ่มอีกไหมคะเพื่อให้ serum มีประสิทธิภาพมากขึ้น?

สูตรของคุณมีสารออกฤทธิ์ที่หลากหลายและครอบคลุมหลายด้านมากอยู่แล้วค่ะ ทั้งเรื่องความกระจ่างใส (perfect c), ลดเลือนริ้วรอย/กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (เปปไทด์ต่างๆ เช่น Matrixyl 3000, Argireline, Quick Coll), ให้ความชุ่มชื้น/เสริมเกราะป้องกันผิว (Hyaluronic Acid, MOIST72, Water Lock, Skin mimic, Ectoine, Glycosaminoglycans Complex) และสารสกัดจากธรรมชาติอื่นๆ การเพิ่มสารออกฤทธิ์เข้าไปอีก อาจไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่อาจเพิ่มความซับซ้อนในการทำสูตรและเพิ่มโอกาสในการเกิดการระคายเคืองได้ค่ะ

คำแนะนำคือ ลองทำสูตรนี้ดูก่อนค่ะ แล้วสังเกตผลลัพธ์และความรู้สึกบนผิว หากต้องการปรับปรุงค่อยพิจารณาเพิ่มหรือลดส่วนผสมบางตัวค่ะ

5. จำเป็นต้องใส่ Citric Acid ปรับ PH ให้สูตรให้เป็นประมาณ 6 ไหมคะ?

การปรับค่า pH ของสูตรเครื่องสำอางเป็นสิ่งสำคัญค่ะ เพื่อให้สารออกฤทธิ์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด มีความเสถียร และมีความอ่อนโยนต่อผิว
สารออกฤทธิ์หลายตัวในสูตรของคุณ เช่น เปปไทด์ต่างๆ จะมีความเสถียรและทำงานได้ดีในช่วง pH ประมาณ 4-7 ค่ะ
ค่า pH ประมาณ 5-6 เป็นช่วงที่ใกล้เคียงกับค่า pH ตามธรรมชาติของผิว (ประมาณ 4.5-5.5) ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการระคายเคืองได้ค่ะ
Citric Acid เป็นสารปรับค่า pH ที่นิยมใช้ค่ะ
ดังนั้น แนะนำให้วัดค่า pH ของสูตรที่ทำเสร็จแล้ว และปรับให้อยู่ในช่วงประมาณ 5-6 โดยค่อยๆ เติม Citric Acid ทีละน้อยจนได้ค่าที่ต้องการค่ะ

ข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้เริ่มต้น:

การทำสูตรที่มีส่วนผสมซับซ้อนแบบนี้อาจต้องใช้ความแม่นยำในการชั่งตวงและขั้นตอนการผสมที่ถูกต้องค่ะ
เริ่มต้นจากการทำในปริมาณน้อยๆ ก่อน เพื่อทดลองเนื้อสัมผัสและความเข้ากันได้
รักษาความสะอาดของอุปกรณ์และพื้นที่ทำงาน เพื่อป้องกันการปนเปื้อน
สังเกตการเปลี่ยนแปลงของเนื้อ สี และกลิ่นของผลิตภัณฑ์ที่ทำขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เพื่อประเมินความเสถียรค่ะ

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการทำเซรั่มของคุณนะคะ หากมีคำถามเพิ่มเติม ถามได้เลยค่ะ