การพิจารณาสูตรเซรั่ม

สำหรับสูตรเซรั่ม AOX + Whitening ที่คุณเสนอมา มีการประเมินดังนี้ โดยตอบคำถามของคุณและพิจารณาสูตรโดยรวม:

1. จำเป็นต้องเพิ่มสารกันเสียหรือไม่?

สูตรของคุณมีส่วนประกอบของ 1,2-Hexanediol (3%) และ 1,3-Propanediol (20%) ซึ่งทั้งสองชนิดสามารถทำหน้าที่เป็นสารเสริมประสิทธิภาพของสารกันเสีย (preservative booster) และมีคุณสมบัติในการยับยั้งจุลินทรีย์ได้เองในระดับหนึ่ง คำอธิบายสำหรับ 1,2-Hexanediol ที่ความเข้มข้น 3% ระบุว่าสามารถช่วยควบคุมแบคทีเรียได้ตามการทดสอบมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม การพึ่งพาส่วนประกอบเหล่านี้เพียงอย่างเดียวสำหรับการกันเสียแบบครอบคลุม (broad-spectrum preservation) ในสูตรที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบและมีส่วนผสมที่หลากหลายจำนวนมาก อาจมีความเสี่ยงสูง แนะนำอย่างยิ่งให้ทำการทดสอบ Challenge Test อย่างเป็นทางการ เพื่อยืนยันความสามารถของสูตรในการป้องกันการปนเปื้อนของจุลินทรีย์เมื่อเวลาผ่านไป เพื่อให้แน่ใจว่ามีการกันเสียที่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาปริมาณน้ำ (30.67%) และส่วนผสมที่ซับซ้อน ควรพิจารณาเพิ่มระบบสารกันเสียแบบครอบคลุมที่เป็นที่ยอมรับและเข้ากันได้กับส่วนประกอบทั้งหมด รวมถึงค่า pH สุดท้ายของเซรั่มของคุณ

2. เนื้อสัมผัสและความเหนียวเหนอะหนะ

ด้วยปริมาณน้ำ 30.67% สูตรนี้ไม่ได้มีปริมาณน้ำน้อยมาก แต่มีส่วนประกอบของสารให้ความชุ่มชื้น (humectants) ในปริมาณสูง ได้แก่ 1,3-Propanediol (20%), 1,2-Hexanediol (3%) และ Natural Betaine (3%) แม้ว่า 1,3-Propanediol และ Natural Betaine โดยทั่วไปจะถือว่าเหนียวน้อยกว่า Glycerin แต่ความเข้มข้นรวมของสารให้ความชุ่มชื้นที่ 26% ถือว่าค่อนข้างสูง ปริมาณสารให้ความชุ่มชื้นที่สูงนี้มีแนวโน้มที่จะทำให้เนื้อสัมผัสรู้สึกได้ชัดเจน อาจมีความหนืดหรือเหนียวเหนอะหนะเล็กน้อยบนผิว เนื้อสัมผัสสุดท้ายจะได้รับอิทธิพลจาก LipidSoft™ Solve, น้ำมันต่างๆ (Sea Buckthorn Oil, Pomegranate Seed Oil), S-Proteoglycan™ และ PEG-40 Hydrogenated Castor Oil ด้วย เป็นการยากที่จะคาดการณ์เนื้อสัมผัสที่แน่นอนโดยไม่ได้ทำการทดสอบ แต่สูตรอาจให้ความรู้สึกหนักหรือเหนียวกว่าเซรั่มเนื้อบางเบาทั่วไป

ความซับซ้อนของสูตรโดยรวม

สูตรของคุณมีความซับซ้อนสูงมาก โดยรวมส่วนประกอบออกฤทธิ์จำนวนมากที่มีคุณสมบัติหลากหลาย (สารต้านอนุมูลอิสระ, สารให้ความขาว, สารเสริมเกราะป้องกันผิว ฯลฯ) แม้ว่าการรวมสารออกฤทธิ์หลายชนิดเข้าด้วยกันจะให้ประโยชน์ที่ครอบคลุม แต่ก็มีความท้าทายอย่างมากเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของส่วนผสม ความคงตัว และโอกาสในการระคายเคือง ส่วนผสมหลายชนิดมีข้อกำหนดเฉพาะสำหรับความสามารถในการละลาย ช่วง pH ที่เหมาะสม และความไวต่ออุณหภูมิระหว่างการผลิตและการเก็บรักษา ตัวอย่างเช่น Cholesterol ต้องใช้ความร้อนสูงในการละลาย ในขณะที่สารออกฤทธิ์อื่นๆ หลายชนิด เช่น EGT-Max™, S-Proteoglycan™, Fullerene C60, Lactobacillus Ferment Lysate, Licorice Extract และ Tranexamic Acid มีความไวต่อความร้อนและ/หรือแสง Ferulic Acid ก็ต้องการตัวทำละลายเฉพาะที่ไม่ได้ระบุในสูตรของคุณ การพยายามรวมส่วนผสมทั้งหมดนี้เข้าด้วยกันในขณะที่ยังคงรักษาความคงตัวและประสิทธิภาพของส่วนผสมเหล่านั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก และมักนำไปสู่การประนีประนอมหรือการเสื่อมสภาพของส่วนประกอบบางอย่าง

โดยทั่วไป แนะนำให้ทำให้สูตรง่ายขึ้นและเน้นที่ส่วนประกอบออกฤทธิ์หลักจำนวนน้อยลง (โดยทั่วไป 2-4 ชนิด) ที่ทราบว่าเข้ากันได้และมีความคงตัวร่วมกัน แนวทางนี้ช่วยให้มั่นใจในประสิทธิภาพและความคงตัวของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป และลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้