โอเคครับ ผมได้ตรวจสอบส่วนผสมในสูตร "white and care serum" ของคุณ และได้ดึงข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสมเหล่านั้นมาแล้ว สูตรนี้มีส่วนผสมที่ดีหลายชนิดที่มุ่งเน้นเรื่องผิวขาวกระจ่างใส ให้ความชุ่มชื้น และสุขภาพผิวโดยรวม

นี่คือการวิเคราะห์ส่วนผสมหลักและข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงสูตรให้มีประสิทธิภาพสูงสุดก่อนการผลิต:

การวิเคราะห์สูตรและข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุง

สูตรเซรั่มของคุณประกอบด้วย:

• เบส: น้ำกลั่น
• สารออกฤทธิ์: Horse Placenta, Yeast Radiance™, Hyaluronic Acid (Standard Molecule), Hyaluronic Acid (Small Molecule), GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine), Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
• ส่วนผสมเสริมการทำงาน: Sodium Metabisulfite (สารต้านอนุมูลอิสระ), Disodium EDTA (สารคีเลต), Laurocapram (Water Soluble - สารนำพา), Xanthan Gum (สารเพิ่มความหนืด), Mild Preserved Eco™ (สารกันเสียทางเลือก)

นี่เป็นรายการส่วนผสมที่ครบถ้วนสำหรับเซรั่มที่ต้องการผลลัพธ์ด้านความกระจ่างใส ผิวขาว และความชุ่มชื้น

ส่วนผสมหลักและบทบาท:

• Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide): สารออกฤทธิ์อเนกประสงค์ที่ช่วยลดรอยดำ เสริมเกราะป้องกันผิว ลดริ้วรอย และควบคุมความมัน ทำงานเสริมฤทธิ์ได้ดีกับ Acetyl Glucosamine ชนิด Safe-B3™ ถูกพัฒนาให้ลดอาการแดง (Flushing)
• GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine): ทำงานร่วมกับ Niacinamide เพื่อลดจุดด่างดำและให้ผลลัพธ์ผิวขาวกระจ่างใส นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้าง Hyaluronic Acid ตามธรรมชาติของผิว ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น และช่วยลดริ้วรอย รวมถึงช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนและลดปัญหาสิว
• Yeast Radiance™: ช่วยให้ผิวแลดูเปล่งปลั่ง กระจ่างใส การทดสอบทางคลินิกแสดงผลลัพธ์ตั้งแต่ 14 วัน
• Hyaluronic Acid (Standard Molecule & Small Molecule): ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว การใช้ Hyaluronic Acid สองขนาดโมเลกุลช่วยให้ความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิวได้ทั้งชั้นนอก (Standard Molecule) และชั้นในที่ลึกกว่า (Small Molecule)
• Horse Placenta: มีโปรตีนที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพผิว
• Laurocapram (Water Soluble): สารนำพาที่ช่วยเพิ่มการซึมผ่านของสารออกฤทธิ์ที่ละลายน้ำได้ ซึ่งเหมาะสมกับสารออกฤทธิ์ส่วนใหญ่ในสูตรของคุณ
• Disodium EDTA & Sodium Metabisulfite: ช่วยให้สูตรคงตัวโดยการจับกับไอออนของโลหะและทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องส่วนผสมที่ไวต่อการเสื่อมสภาพ
• Xanthan Gum: ช่วยเพิ่มความหนืดเพื่อให้ได้เนื้อเซรั่มแบบเจล ชนิด "clear gel type, smooth texture" เป็นตัวเลือกที่ดีเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่น่าใช้
• Mild Preserved Eco™: สารกันเสียทางเลือกเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ในผลิตภัณฑ์

ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุง:

1. ปรับความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์ให้เหมาะสม: ตรวจสอบอัตราการใช้ที่แนะนำสำหรับสารออกฤทธิ์แต่ละชนิดตามข้อมูลซัพพลายเออร์และประสิทธิภาพที่ต้องการ

   • Safe-B3™ มีประสิทธิภาพสำหรับประโยชน์หลายด้านตั้งแต่ 2-5% แต่สามารถใช้ได้ถึง 10% เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะเรื่องรอยดำและการควบคุมความมัน โดยไม่มีปัญหา Flushing เหมือน Niacinamide ทั่วไป
   • GlucoBright™ แนะนำให้ใช้ 1-8% โดยทั่วไปใช้ที่ 4% เมื่อใช้ร่วมกับ Niacinamide (2-4%)
   • Yeast Radiance™ แนะนำให้ใช้ที่ 3% เพื่อผลลัพธ์ความกระจ่างใสที่ดีที่สุด
   • ความเข้มข้นรวมของ Hyaluronic Acid (Standard + Small Molecule) โดยทั่วไปควรอยู่ระหว่าง 0.05% ถึง 0.5% ขึ้นอยู่กับระดับความชุ่มชื้นและความหนืดที่ต้องการ
   • Horse Placenta แนะนำให้ใช้ 0.1-5% โดยทั่วไปใช้ที่ 1-3%
     ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเปอร์เซ็นต์ที่คุณเลือกสอดคล้องกับประสิทธิภาพที่ต้องการ ต้นทุน และโอกาสในการระคายเคือง การเพิ่มความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์หลัก เช่น Safe-B3™ (ไม่เกิน 10% สำหรับชนิด Safe-B3™) และ GlucoBright™ (ไม่เกิน 8% หรือ 4% เมื่อใช้กับ Niacinamide) สามารถเพิ่มประสิทธิภาพด้านความขาวกระจ่างใสและลดริ้วรอยได้ แต่ต้องพิจารณาเรื่องต้นทุนและการระคายเคือง (แม้ว่า Safe-B3™ จะช่วยลดปัญหานี้) Horse Placenta และ Yeast Radiance™ ก็มีช่วงการใช้ที่แนะนำเช่นกัน (1-3% และ 3% ตามลำดับ)

2. ตรวจสอบความเข้ากันได้ของค่า pH: ประสิทธิภาพและความคงตัวของส่วนผสมหลายชนิดขึ้นอยู่กับค่า pH

   • Yeast Radiance™ ทำงานได้ดีที่สุดที่ pH 4.0-6.5
   • GlucoBright™ คงตัวที่ pH 3-7
   • Safe-B3™ คงตัวที่ pH 3-8 (ดีที่สุดที่ 4.0-7.0)
   • Hyaluronic Acid คงตัวที่ pH 3.0-9.0
   • Mild Preserved Eco™ ทำงานได้ใน pH 4-9
   • Sodium Metabisulfite และ Disodium EDTA ทำงานได้ใน pH 3.0-9.0
     ตั้งเป้าหมายค่า pH สุดท้ายของเซรั่มให้อยู่ในช่วง 4.0 ถึง 6.5 ช่วงนี้จะช่วยให้ Yeast Radiance™, GlucoBright™, Safe-B3™, Hyaluronic Acid และ Mild Preserved Eco™ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคงตัว

3. ระบบการกันเสียที่มีประสิทธิภาพ: Mild Preserved Eco™ เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ Yeast Radiance™ มี Sodium Benzoate อยู่ด้วย แม้ว่า Mild Preserved Eco™ จะเป็นสารกันเสียหลัก แต่ควรพิจารณาถึง Sodium Benzoate ที่มีอยู่ด้วย การ ทดสอบ Challenge Test กับสูตรสำเร็จรูปของคุณเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งก่อนการผลิตจำนวนมาก เพื่อยืนยันว่าระบบการกันเสียมีประสิทธิภาพในการป้องกันจุลินทรีย์ในวงกว้างภายใต้สภาวะการใช้งานจริง ใช้ Mild Preserved Eco™ ในความเข้มข้นที่เพียงพอ (1.0-1.5% เป็นมาตรฐาน อาจใช้ถึง 2% หากสูตรมีความซับซ้อน)

4. ลำดับการผสมและอุณหภูมิ: ให้ความสำคัญกับคำแนะนำการผสมสำหรับส่วนผสมแต่ละชนิด

   • Disodium EDTA และ Sodium Metabisulfite มักจะเติมในส่วนของน้ำในขั้นตอนต้นๆ
   • ผง Hyaluronic Acid ต้องการวิธีการกระจายตัวที่เฉพาะเจาะจง (การเขย่า/แช่เย็น หรือการปั่นด้วยความเร็วสูง) เพื่อให้ละลายน้ำได้เต็มที่
   • Xanthan Gum ก็ต้องการการกระจายตัวที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้จับตัวเป็นก้อน
   • Laurocapram ควรผสมในส่วนของน้ำและหลีกเลี่ยงความร้อนเกิน 60°C
   • Yeast Radiance™ ควรผสมในน้ำและหลีกเลี่ยงความร้อน
   • Mild Preserved Eco™ มักจะเติมในขั้นตอนสุดท้าย
     หลีกเลี่ยงการให้ความร้อนเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อุณหภูมิสูงกว่า 60°C เพื่อป้องกันส่วนผสมที่ไวต่อความร้อน เช่น Yeast Radiance™ และ Laurocapram

5. การปรับเนื้อสัมผัส: ปรับความเข้มข้นของ Xanthan Gum (0.1-2%) เพื่อให้ได้ความหนืดและเนื้อสัมผัสของเซรั่มที่คุณต้องการ

ด้วยการพิจารณาความเข้มข้นและความเข้ากันได้ของส่วนผสมเหล่านี้อย่างรอบคอบ โดยเฉพาะสารออกฤทธิ์และค่า pH ของผลิตภัณฑ์สุดท้าย คุณจะสามารถสร้าง "white and care serum" ที่มีประสิทธิภาพสูงได้ โปรดจำไว้ว่าการทดสอบ Challenge Test เป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่งก่อนที่จะขยายขนาดการผลิต