วิธีทำน้ำหอมจากหัวน้ำหอมและแอลกอฮอล์

การสร้างน้ำหอมของคุณเองเกี่ยวข้องกับการผสมหัวน้ำหอมเข้ากับเบสแอลกอฮอล์ที่เหมาะสม คุณภาพของทั้งหัวน้ำหอมและแอลกอฮอล์มีผลอย่างมากต่อผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย

ส่วนประกอบหลัก

1. หัวน้ำหอม: คือส่วนประกอบของกลิ่นที่มีความเข้มข้น
2. แอลกอฮอล์: ใช้เป็นตัวทำละลายเพื่อเจือจางหัวน้ำหอมและช่วยให้กลิ่นกระจายตัวได้ดี แนะนำให้ใช้แอลกอฮอล์สำหรับทำน้ำหอมคุณภาพสูง (ปกติคือเอทานอล 95% ขึ้นไป) เนื่องจากเป็นแอลกอฮอล์แปลงสภาพที่ออกแบบมาเพื่อการทำน้ำหอมโดยเฉพาะ และมักมีส่วนผสมของ Dipropylene Glycol (DPG) เล็กน้อยเพื่อช่วยในการละลายหัวน้ำหอมและมีสารตรึงกลิ่นเพื่อช่วยให้กลิ่นติดทนนานขึ้น
3. น้ำกลั่น (ไม่บังคับ): บางครั้งอาจเติมน้ำกลั่นเล็กน้อยได้ โดยเฉพาะสำหรับความเข้มข้นต่ำ เช่น Eau de Cologne แต่ส่วนใหญ่มักไม่ใช้ในความเข้มข้นสูง

อัตราส่วนผสม (ความเข้มข้น)

อัตราส่วนของหัวน้ำหอมต่อแอลกอฮอล์จะเป็นตัวกำหนดประเภทและความเข้มข้นของน้ำหอม อัตราส่วนทั่วไปมีดังนี้:

• Eau de Cologne (EDC): หัวน้ำหอม 2-4%
• Eau de Toilette (EDT): หัวน้ำหอม 5-15%
• Eau de Parfum (EDP): หัวน้ำหอม 15-20%
• Perfume (Parfum/Extrait): หัวน้ำหอม 20-40%

ตัวอย่างเช่น หากต้องการทำ Eau de Parfum ปริมาณ 100ml ที่ความเข้มข้น 20% คุณจะต้องผสมหัวน้ำหอม 20ml กับแอลกอฮอล์สำหรับทำน้ำหอม 80ml

ขั้นตอน

1. ตวงหัวน้ำหอมตามปริมาณที่ต้องการ
2. เติมแอลกอฮอล์สำหรับทำน้ำหอมลงในหัวน้ำหอม ผสมเบาๆ แต่ให้เข้ากันดี
3. (ไม่บังคับ) หากใช้น้ำ ให้เติมน้ำกลั่นปริมาณน้อยมาก (ปกติไม่เกิน 5-10% ของปริมาตรรวมทั้งหมด) หลังจากผสมหัวน้ำหอมกับแอลกอฮอล์แล้ว
4. เทส่วนผสมลงในขวดแก้วสีเข้ม
5. การบ่ม: นี่เป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับคุณภาพ เก็บน้ำหอมไว้ในที่เย็นและมืดเป็นเวลาอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ หรือนานกว่านั้น (หลายเดือน) เพื่อให้ส่วนผสมเข้ากันและกลิ่นพัฒนาเต็มที่ เขย่าเบาๆ ทุกสองสามวันในช่วงสัปดาห์แรก

ตัวอย่างหัวน้ำหอม

คุณสามารถใช้หัวน้ำหอมได้หลากหลาย เช่น Strawberry (Fragrance Oil), Jasmine Fragrance Oil, หรือ Neroli Fragrance Oil และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อสร้างสรรค์กลิ่นที่แตกต่างกันไป

ควรทดลองทำในปริมาณน้อยก่อนเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าได้กลิ่นและประสิทธิภาพตามที่ต้องการ