วิธีละลาย Methacrylic Acid - Methyl Methacrylate Copolymer (Eudragit L100) สำหรับการเคลือบยาเม็ดแบบออกฤทธิ์ในลำไส้
คำถาม
ควรใช้วิธีใดในการละลายผง Methacrylic Acid - Methyl Methacrylate Copolymer (1:1) (เช่น Eudragit L100) สำหรับการใช้งานในการเคลือบยาเม็ดแบบออกฤทธิ์ในลำไส้?
โปรดระบุวิธีการละลายมาตรฐาน รวมถึงตัวทำละลายที่เหมาะสม ความเข้มข้นที่ต้องการ และสารเติมแต่งที่จำเป็น เช่น สารเพิ่มความยืดหยุ่น (Plasticizer) เนื่องจากโพลิเมอร์นี้ไม่ละลายในน้ำและกรดเจือจาง
คำตอบ
Eudragit L100 (Methacrylic Acid - Methyl Methacrylate Copolymer (1:1)) เป็นโพลิเมอร์ประจุลบที่ใช้สำหรับการเคลือบยาเม็ดแบบออกฤทธิ์ในลำไส้ (Enteric Coating) ซึ่งหมายความว่าโพลิเมอร์นี้ถูกออกแบบมาให้ละลายในสภาวะที่มีค่า pH สูงของลำไส้เล็กเท่านั้น (สูงกว่า pH 5.5)
เนื่องจากผงโพลิเมอร์ไม่ละลายในน้ำและกรดเจือจาง จึงต้องละลายในระบบตัวทำละลายอินทรีย์สำหรับการใช้งานในการเคลือบยาเม็ด
วิธีมาตรฐาน: การเตรียมสารละลายในตัวทำละลายอินทรีย์
วิธีการมาตรฐานในการละลายผง Eudragit L100 คือการใช้ระบบตัวทำละลายอินทรีย์ที่เหมาะสม:
ตัวทำละลายที่เหมาะสม:
- เอทานอล (96%)
- ไอโซโพรพานอล
- อะซิโตน
- สารผสมของตัวทำละลายเหล่านี้ (เช่น ไอโซโพรพานอล/อะซิโตน หรือ เอทานอล/อะซิโตน)
ความเข้มข้น: โดยทั่วไปจะเตรียมสารละลายโพลิเมอร์ที่ความเข้มข้น 5% ถึง 15% โดยน้ำหนัก ขึ้นอยู่กับความหนืดที่ต้องการและอุปกรณ์การเคลือบ
ขั้นตอนการเตรียม:
- ค่อยๆ เติมผง Eudragit L100 ลงในระบบตัวทำละลายที่กำลังคนอย่างช้าๆ
- คนต่อไปจนกว่าจะได้สารละลายที่ใสและเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งอาจใช้เวลาหลายชั่วโมง
สารเติมแต่งที่สำคัญ: สารเพิ่มความยืดหยุ่น (Plasticizer)
- จำเป็นต้องเติมสารเพิ่มความยืดหยุ่นเพื่อช่วยให้ฟิล์มที่ได้มีความยืดหยุ่น ยึดเกาะได้ดี และไม่แตกหรือกะเทาะเมื่อแห้ง
- สารเพิ่มความยืดหยุ่นที่ใช้กันทั่วไป: Triethyl Citrate (TEC), Dibutyl Phthalate (DBP) หรือ Polyethylene Glycol (PEG)
- อัตราส่วนการใช้: โดยปกติจะเติมในปริมาณ 10-20% ของน้ำหนักแห้งของโพลิเมอร์
สารเติมแต่งทางเลือก:
- สารป้องกันการเกาะติด/สารทึบแสง: อาจเติม Talc หรือ Titanium Dioxide เพื่อป้องกันไม่ให้ยาเม็ดเกาะติดกันในระหว่างกระบวนการเคลือบ และเพื่อให้ฟิล์มมีความทึบแสง