ข้อมูลเกี่ยวกับวิตามินซี (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine)

ข้อมูลสำหรับคำถามของคุณเกี่ยวกับวิตามินซี (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine) มีดังนี้ค่ะ:

1. แหล่งกำเนิดหรือการสังเคราะห์: L-ascorbic acid โดยทั่วไปผลิตผ่านกระบวนการสังเคราะห์ แม้ว่าคำอธิบายสำหรับเกรด Ultra-Fine จะไม่ได้ระบุแหล่งกำเนิดหรือวิธีการสังเคราะห์ที่ชัดเจน แต่ L-ascorbic acid เกรด Standard มีการระบุว่าเป็นแหล่งที่มาจากประเทศจีนเพื่อเป็นทางเลือกด้านราคาค่ะ

2. ข้อห้ามในการใช้ร่วมกับสารอื่น: วิตามินซี (L-ascorbic acid) (Ultra-Fine) ไม่ควรผสมกับน้ำโดยตรง เนื่องจากจะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันและทำให้เสื่อมสภาพได้ ในการพัฒนาสูตรที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ จำเป็นต้องใส่สารคีเลต (chelating agent) เช่น Disodium EDTA เพื่อจับกับไอออนของโลหะ (เช่น เหล็ก ทองแดง และเกลือนิกเกิล) ซึ่งสามารถทำลาย L-ascorbic acid ได้ นอกจากนี้ เพื่อช่วยปกป้องวิตามินซีจากการเสื่อมสภาพ โดยเฉพาะจากปฏิกิริยาออกซิเดชันและแสง UV แนะนำให้ใช้สารกันเสีย เช่น Protec™ OX และ Protec™ UV ในสูตรค่ะ

3. อาการร้อนผ่าวที่ใบหน้าขณะใช้วิตามินซี: อาการร้อนผ่าวหรือแสบร้อนที่คุณรู้สึกขณะใช้วิตามินซี (L-ascorbic acid) มีแนวโน้มเกิดจากความเป็นกรดของวิตามินซีค่ะ L-ascorbic acid จะมีประสิทธิภาพสูงสุดที่ค่า pH ต่ำ โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 2.0 ถึง 4.0 (อย. กำหนดให้เครื่องสำอางที่ใช้กับผิวมีค่า pH ขั้นต่ำ 3.5) ค่า pH ที่ต่ำนี้อาจทำให้เกิดอาการยุบยิบหรือแสบร้อนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ในความเข้มข้นสูง (อัตราการใช้ทั่วไปคือ 3-15%) หากอาการไม่รุนแรงและเป็นเพียงชั่วคราว อาจถือเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในช่วงที่ผิวของคุณกำลังปรับตัว อย่างไรก็ตาม หากอาการแสบร้อนรุนแรง ต่อเนื่อง หรือมีอาการแดงหรือระคายเคืองร่วมด้วย คุณควรพิจารณาลดความเข้มข้นของวิตามินซีในสูตร หรือหยุดใช้ค่ะ สิ่งสำคัญคือการสังเกตปฏิกิริยาของผิวคุณเอง

4. การใช้ในคนตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร: คำอธิบายผลิตภัณฑ์ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้วิตามินซี (L-ascorbic acid) ในระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร สำหรับคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ส่วนผสมในเครื่องสำอางในช่วงเวลาดังกล่าว ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหรือแพทย์ของคุณค่ะ