สูตรโทนเนอร์และลำดับการผสมที่แนะนำ

สวัสดีค่ะ

เข้าใจว่าคุณต้องการทำโทนเนอร์สำหรับเช็ดผิวหลังล้างหน้า ซึ่งเป็นโทนเนอร์แบบไม่ต้องล้างออก (Leave-on) เพื่อช่วยทำความสะอาดเพิ่มเติม เตรียมผิวก่อนลงสกินแคร์ และมีคุณสมบัติบำรุงสำหรับผิวผสมถึงผิวมันนะคะ

สำหรับสูตรที่คุณเสนอมานั้น ส่วนผสมส่วนใหญ่มีความเหมาะสมที่จะใช้ในโทนเนอร์แบบ Leave-on และมีคุณสมบัติตรงตามที่คุณต้องการ ทั้งในด้านการควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน (จาก Witch Hazel, Vitamin B6, Safe-B3) การบำรุงให้ความชุ่มชื้น (จาก 1,3-Propanediol, Glycerin, Pentylene Glycol, Safe-B3) การเสริมสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิว (จาก Safe-B3, Wakame Extract, Centella Asiatica Extract) และช่วยลดการอักเสบ/รอยแดง (จาก Safe-B3, Vitamin B6, Centella Asiatica Extract) ค่ะ

อย่างไรก็ตาม มีข้อควรพิจารณาสำหรับส่วนผสม Protease Enzyme และ Papaya extract (Papain) ค่ะ

• Protease Enzyme (ID 1017) และ Papaya Enzyme (Papain) (ID 1036): เอนไซม์ทั้งสองชนิดนี้มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ดี แต่มีข้อจำกัดด้านความเสถียรในสูตรที่เป็นของเหลวที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบค่ะ ข้อมูลผลิตภัณฑ์ระบุว่าเอนไซม์เหล่านี้จะค่อยๆ เสื่อมสภาพลงเมื่อละลายในน้ำ ทำให้ประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิวลดลงเมื่อเวลาผ่านไป จึงนิยมใช้ในผลิตภัณฑ์รูปแบบผงที่ผสมน้ำก่อนใช้ทันที เช่น ผงมาส์กหน้า หรือผงล้างหน้า เพื่อให้เอนไซม์ทำงานได้อย่างเต็มที่ค่ะ หากต้องการโทนเนอร์แบบน้ำที่เก็บได้นาน การใช้เอนไซม์เหล่านี้อาจไม่ให้ผลการผลัดเซลล์ผิวตามที่คาดหวังตลอดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ค่ะ

เนื่องจากคุณแจ้งว่าไม่เน้นการผลัดเซลล์ผิวมากนัก และต้องการโทนเนอร์แบบเช็ดผิวหลังล้างหน้า ซึ่งโดยทั่วไปคือโทนเนอร์แบบน้ำที่ไม่ได้ล้างออก ดิฉันแนะนำให้พิจารณาตัดส่วนผสม Protease Enzyme และ Papaya extract ออกจากสูตร เพื่อให้ได้โทนเนอร์ที่มีความเสถียรและเก็บรักษาได้ง่ายขึ้นค่ะ ส่วนผสมอื่นๆ ในสูตรก็มีคุณสมบัติช่วยดูแลปัญหาสิวและรอยต่างๆ ได้อยู่แล้วค่ะ

หากปรับสูตรโดยไม่มี Protease Enzyme และ Papaya extract ปริมาณส่วนผสมที่เหลือรวมกันจะเป็น 98.5% (50+5+11+3+5+3+1+10+5+5+0.5) ซึ่งสามารถเติมน้ำบริสุทธิ์ (Water) เพื่อให้ครบ 100% ได้ค่ะ

สูตรโทนเนอร์ (แนะนำ ปรับปรุงโดยไม่มีเอนไซม์):

• Witch Hazel (Distillate - Alcohol Free, Paraben Free) 50%
• Coco Wash™ (PEG-7 Glyceryl Cocoate) 5%
• Rose Water (Rosa Damascena) 11%
• Vitamin B6 (Pyridoxine Hydrochloride) 3%
• Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide) 5%
• Wakame Extract (Brown Sea Weed) 3%
• Centella Asiatica Extract (Madecassoside 90%) 1%
• 1,3-Propanediol 10%
• Glycerin (USP/Food Grade) 5%
• Pentylene Glycol (Low-Odor) 5%
• Phenoxyethanol (Extra Pure) 0.5%
• Water ปริมาณที่เหลือ (ประมาณ 1.5%)

ลำดับการผสม (สำหรับสูตรที่ปรับปรุงแล้ว):

1. ในบีกเกอร์หรือภาชนะที่สะอาด ให้ใส่น้ำ (Water) ตามปริมาณที่คำนวณไว้
2. เติม 1,3-Propanediol, Glycerin, Pentylene Glycol, Safe-B3™ และ Vitamin B6 ลงในน้ำ คนหรือใช้เครื่องกวนจนส่วนผสมทั้งหมดละลายเข้ากันดี (Vitamin B6 ไม่ควรโดนความร้อนเกิน 40°C และควรหลีกเลี่ยงแสง)
3. เติม Coco Wash™ และ Phenoxyethanol ลงไป คนเบาๆ ให้เข้ากัน ระวังอย่าให้เกิดฟองมากเกินไป
4. เติม Witch Hazel, Rose Water, Wakame Extract, และ Centella Asiatica Extract ลงในส่วนผสม คนให้เข้ากันดี (ส่วนผสมเหล่านี้ไม่ควรโดนความร้อนเกิน 40°C)
5. ตรวจสอบและปรับค่า pH ของสูตรให้อยู่ในช่วง 4-6.5 ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะสมสำหรับความเสถียรและประสิทธิภาพของ Vitamin B6, Safe-B3™ และ Centella Asiatica Extract
6. บรรจุลงในภาชนะที่สะอาดและทึบแสง

ข้อควรทราบเพิ่มเติม:

• เนื่องจากส่วนผสมบางชนิด เช่น Centella Asiatica Extract, Wakame Extract และ Rose Water แนะนำให้เก็บในตู้เย็น เพื่อรักษาคุณภาพและประสิทธิภาพของสารสกัด ควรเก็บโทนเนอร์ที่ทำเสร็จแล้วไว้ในตู้เย็นค่ะ
• สูตรนี้มีส่วนผสมของ Coco Wash™ ซึ่งเป็นสารทำความสะอาดแบบอ่อนโยนในปริมาณเล็กน้อย ซึ่งอาจช่วยเก็บกวาดสิ่งสกปรกที่ตกค้างได้บ้าง แต่ไม่ได้เน้นการทำความสะอาดเป็นหลักเหมือนคลีนเซอร์ที่ต้องล้างออกค่ะ

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการทำโทนเนอร์ของคุณนะคะ