สอบถามสูตรโทนเนอร์ BHA ผสมส่วนผสมอื่นๆ และวิตามินซี
คำถาม
สอบถามเกี่ยวกับสูตรโทนเนอร์ BHA อยากเพิ่มส่วนผสมอื่น แนะนำเปอร์เซ็นต์ให้ทีค่ะ ผสมใช้เองค่ะ
สูตรที่เสนอคือ:
1. Salicylic Acid 6%
2. PiteraEx 1%
3. Panthenol b5 3%
4. Plankton 2%
5. Palmaria 5%
6. Water 87%
1. ได้ไหมคะ? ผสมใช้เอง ไม่ต้องใส่สารกันเสีย เอาอยู่ไหมคะ?
2. ใส่ Vitamin C ด้วยได้ไหมคะ?
ขอบคุณค่ะ
คำตอบ
คำแนะนำสำหรับการทำโทนเนอร์ใช้เอง
ขอบคุณที่สนใจสร้างสูตรโทนเนอร์ใช้เองค่ะ นี่คือคำแนะนำเกี่ยวกับสูตรที่คุณเสนอและคำถามของคุณค่ะ
สูตรที่คุณเสนอคือ:
- Salicylic Acid (BHA) 6%
- PiteraEx 1%
- Panthenol b5 3%
- Plankton 2%
- Palmaria 5%
- น้ำ 87%
ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสูตร
ความเข้มข้นของ Salicylic Acid: แม้ว่า Salicylic Acid (BHA) จะมีประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิวและทำความสะอาดรูขุมขน แต่ความเข้มข้น 6% ถือว่าสูงเกินไปสำหรับการใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบบไม่ต้องล้างออก (leave-on) เช่น โทนเนอร์ โดยทั่วไป ข้อกำหนดของ อย. สำหรับ Salicylic Acid ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบบไม่ต้องล้างออกคือไม่เกิน 2% เพื่อความปลอดภัยและลดการระคายเคือง การใช้ที่ความเข้มข้น 6% อาจทำให้ผิวแห้ง ลอก แดง และระคายเคืองอย่างมาก แนะนำอย่างยิ่งให้ลดความเข้มข้นของ Salicylic Acid ลงเหลือ 2% หรือน้อยกว่าสำหรับโทนเนอร์ค่ะ
ความจำเป็นของสารกันเสีย: สูตรของคุณมีส่วนประกอบของน้ำสูง (87%) และมีส่วนผสมหลายชนิด เช่น PiteraEx และ Plankton ซึ่งเสี่ยงต่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ สูตรที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก จำเป็นต้อง มีระบบสารกันเสียที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากแบคทีเรีย เชื้อรา และยีสต์ หากไม่มีสารกันเสีย โทนเนอร์ของคุณอาจเสียได้อย่างรวดเร็วและอาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนังได้ คุณไม่สามารถพึ่งพาส่วนผสมอื่น ๆ ในการป้องกันจุลินทรีย์ได้เพียงพอ คุณควรเพิ่มสารกันเสียแบบ Broad-spectrum ในอัตราส่วนที่ผู้ผลิตแนะนำ ตัวเลือกอย่าง Mild Preserved Eco™ มักถูกใช้ในผลิตภัณฑ์ที่เคลมว่า "ไม่มีสารกันเสีย" เนื่องจากไม่ได้ถูกจัดว่าเป็นสารกันเสียแบบดั้งเดิมตามข้อกำหนดบางอย่าง แต่ก็ยังคงให้การปกป้องจากจุลินทรีย์ค่ะ
ส่วนผสม Palmaria: เราไม่พบข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ชื่อ "Palmaria" ที่มีอัตราการใช้ 5% ในฐานข้อมูลของเรา กรุณาตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณใช้ส่วนผสมเกรดเครื่องสำอาง และตรวจสอบอัตราการใช้ที่แนะนำและความเข้ากันได้ของส่วนผสมนั้น ๆ ค่ะ
การเพิ่มวิตามินซี
คุณสอบถามเกี่ยวกับการเพิ่มวิตามินซี การเพิ่ม L-ascorbic acid (เช่น Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine)) ลงในสูตรนี้เป็นเรื่องที่ท้าทาย L-ascorbic acid ไม่เสถียรอย่างมากในน้ำและต้องการค่า pH ที่ต่ำ (โดยทั่วไปควรต่ำกว่า 3.5 เพื่อความเสถียร แม้ว่า อย. จะกำหนดให้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบบไม่ต้องล้างออกมีค่า pH 3.5 ขึ้นไป) เพื่อคงประสิทธิภาพ การใช้ร่วมกับ Salicylic Acid ซึ่งก็ต้องการค่า pH ต่ำเพื่อให้มีประสิทธิภาพ อาจทำให้ผลิตภัณฑ์มีความเป็นกรดสูงมากและอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ นอกจากนี้ยังทำให้กระบวนการทำสูตรและความเสถียรซับซ้อนขึ้นด้วยค่ะ
หากคุณต้องการเพิ่มวิตามินซี คุณอาจพิจารณาอนุพันธ์ของวิตามินซีที่มีความเสถียรมากกว่า เช่น Ethyl Ascorbic Acid หรือ Sodium Ascorbyl Phosphate อย่างไรก็ตาม อนุพันธ์เหล่านี้ก็มีช่วง pH ที่เหมาะสมของตัวเอง ซึ่งอาจขัดแย้งกับช่วง pH ที่เหมาะสมสำหรับ Salicylic Acid ทำให้ยากที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่เสถียรและมีประสิทธิภาพโดยมีทั้ง L-ascorbic acid/อนุพันธ์ และ Salicylic Acid อยู่ในสูตรเดียวกันที่ช่วง pH การทำงานที่เหมาะสมของแต่ละตัวค่ะ
ข้อแนะนำ
เพื่อให้ได้โทนเนอร์ทำเองที่ปลอดภัยและเสถียร:
- ลดความเข้มข้นของ Salicylic Acid ลงเหลือสูงสุด 2%
- เพิ่มสารกันเสียแบบ Broad-spectrum ที่เหมาะสมในความเข้มข้นที่แนะนำ
- พิจารณาอย่างรอบคอบถึงความซับซ้อนและโอกาสในการระคายเคืองก่อนเพิ่มวิตามินซี โดยเฉพาะ L-ascorbic acid หากต้องการเพิ่ม ควรศึกษาข้อกำหนด pH ของอนุพันธ์วิตามินซีที่คุณเลือกใช้ และตรวจสอบความเข้ากันได้กับ Salicylic Acid และส่วนผสมอื่น ๆ
- ยืนยันตัวตนและอัตราการใช้ที่แนะนำของส่วนผสม "Palmaria" ค่ะ
ควรทดสอบผลิตภัณฑ์กับผิวบริเวณเล็ก ๆ ก่อนใช้เสมอ ก่อนนำไปใช้กับผิวหน้าทั้งหมดค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)

Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine)

Salicylic Acid (BHA) กรดซาลิไซลิค

Galactomyces Ferment Filtrate (aka Pitera)

Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)
