คำถาม

ต้องการทำให้น้ำหอมในบอดี้โลชั่นติดทนนานขึ้น ปัจจุบันใช้ Dipropylene Glycol เป็นตัวทำละลายและช่วยตรึงกลิ่นอยู่แล้ว มีส่วนผสมอื่นใดบ้างที่สามารถใช้เป็นสารตรึงกลิ่นน้ำหอมเพื่อเพิ่มความติดทนนานได้อีก และความแตกต่างระหว่างสารตรึงกลิ่นกลุ่ม Resinoids (เช่น benzoin, labdanum, myrrh, olibanum, storax, tolu balsam) กับกลุ่มที่มาจากสัตว์ (เช่น ambergris, castoreum, musk, civet) หรือสารสังเคราะห์ที่เลียนแบบ (เช่น Cosmone, Celestolide, Zenolide, Paradisamide, Traseolide) ในแง่ของคุณสมบัติการตรึงกลิ่นและลักษณะกลิ่นเป็นอย่างไร

คำตอบ

โอเค เข้าใจว่าคุณกำลังมองหาวิธีทำให้กลิ่นหอมในบอดี้โลชั่นติดทนนานขึ้น นอกเหนือจาก Dipropylene Glycol และต้องการทราบความแตกต่างระหว่างสารตรึงกลิ่นบางกลุ่ม

นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับสารตรึงกลิ่นในบอดี้โลชั่น:

สารตรึงกลิ่นในบอดี้โลชั่น

การทำให้กลิ่นหอมติดทนนานขึ้นในบอดี้โลชั่นเกี่ยวข้องกับการใช้ส่วนผสมที่เรียกว่า สารตรึงกลิ่น (fixatives) ส่วนผสมเหล่านี้ช่วยชะลออัตราการระเหยของส่วนประกอบน้ำหอมที่ระเหยง่าย ทำให้กลิ่นติดอยู่บนผิวได้นานขึ้น Dipropylene Glycol เป็นตัวทำละลายน้ำหอมที่นิยมใช้และช่วยในการตรึงกลิ่นได้ แต่ส่วนผสมอื่นๆ ก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันและสามารถเพิ่มความติดทนได้

ทางเลือกอื่นนอกเหนือจาก Dipropylene Glycol สำหรับการตรึงกลิ่น

แม้ว่า Dipropylene Glycol จะเป็นตัวทำละลายที่ดีและมีคุณสมบัติในการตรึงกลิ่นอยู่บ้าง แต่ส่วนผสมอื่นๆ สามารถใช้เพื่อเพิ่มความติดทนของน้ำหอมได้ โดยมักจะทำหน้าที่เป็นตัวพาที่ระเหยช้าลง หรือมีคุณสมบัติในการตรึงกลิ่นโดยธรรมชาติ ซึ่งมักจะเป็นส่วนผสมที่เป็น Base Note ในน้ำหอมอยู่แล้ว ตัวอย่างบางส่วนได้แก่:

เรซินอยด์ (Resinoids): สารสกัดจากธรรมชาติจากพืช เช่น Styrax Resinoid หรือ Labdanum Absolute เป็นสารตรึงกลิ่นแบบคลาสสิก มีความหนืดสูงและระเหยช้ามาก ทำให้สามารถยึดเกาะกลิ่นหอมได้ดีเยี่ยมและให้ Base Note ที่ลึกและเข้มข้น ช่วยยึด Top Note และ Middle Note ที่ระเหยง่ายกว่า
มัสก์สังเคราะห์ (Synthetic Musks): ส่วนผสมเช่น Cosmone, Celestolide, Zenolide, Paradisamide, และ Traseolide เป็นสารสังเคราะห์ที่มักใช้เพื่อเลียนแบบมัสก์ธรรมชาติ มีคุณสมบัติในการตรึงกลิ่นที่ดีเยี่ยม ให้ Base Note ที่ติดทนนาน และมักมีกลิ่นที่สะอาด นุ่มนวล หรือเป็นแป้ง ซึ่งเข้ากันได้ดีกับน้ำหอมหลายชนิด
ส่วนผสม Base Note อื่นๆ: สารเคมีอะโรมาเดี่ยวๆ หรือสารสกัดจากธรรมชาติบางชนิดที่นิยมใช้เป็น Base Note ในน้ำหอม เช่น Coumarin หรือ Ambergris (Fragrance Oil) ก็มีคุณสมบัติในการตรึงกลิ่นเช่นกัน เนื่องจากมีความผันผวนต่ำ

การเลือกสารตรึงกลิ่นที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับกลิ่นที่ต้องการ ประเภทของน้ำหอมที่ใช้ และสูตรโดยรวมของบอดี้โลชั่น บ่อยครั้งที่ใช้สารตรึงกลิ่นหลายชนิดร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ความแตกต่างระหว่างสารตรึงกลิ่นกลุ่มเรซินอยด์และกลุ่มที่มาจากสัตว์/มัสก์

คุณได้สอบถามเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างสารตรึงกลิ่นสองกลุ่ม:

เรซินอยด์ (Resinoids) (เช่น benzoin, labdanum, myrrh, olibanum, storax, tolu balsam): เป็นยางไม้ธรรมชาติจากพืช มีลักษณะเป็นของแข็งหรือกึ่งของแข็ง ได้จากการสกัดยางไม้ มีความหนืดสูงมากและระเหยช้ามาก ทำให้สามารถยึดเกาะกลิ่นหอมได้ดีเยี่ยมและให้ Base Note ที่ติดทนนาน กลิ่นมักจะเข้มข้น หอมหวานคล้ายยางไม้ ไม้ หรือดิน ตัวอย่างเช่น Styrax Resinoid และ Labdanum Absolute
กลุ่มที่มาจากสัตว์ (เช่น ambergris, castoreum, musk, civet) และสารสังเคราะห์ที่เลียนแบบ: ในอดีตได้มาจากสัตว์และมีคุณสมบัติในการตรึงกลิ่นที่ทรงพลังและมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ มักจะเป็นกลิ่นสัตว์หรือกลิ่นมัสก์ เนื่องจากข้อกังวลด้านจริยธรรมและความยั่งยืน ปัจจุบันส่วนใหญ่ถูกแทนที่ด้วยสารสังเคราะห์ (เช่น มัสก์สังเคราะห์ที่กล่าวมาข้างต้น: Cosmone, Celestolide, Zenolide, Paradisamide, Traseolide) หรือส่วนผสมจากพืชที่เลียนแบบกลิ่นและคุณสมบัติของสารเหล่านี้ สารตรึงกลิ่นกลุ่มนี้ให้ Base Note ที่แตกต่างออกไป มักอธิบายว่าอบอุ่น เย้ายวน เป็นแป้ง หรือสะอาด และมีประสิทธิภาพสูงในการยืดอายุของกลิ่นหอม Ambergris (Fragrance Oil) เป็นตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่พยายามเลียนแบบผลของอำพันขี้ปลาวาฬแบบดั้งเดิม

โดยสรุป ความแตกต่างหลักอยู่ที่แหล่งกำเนิด (พืช vs. สัตว์/สังเคราะห์) ลักษณะกลิ่นเฉพาะ และความแตกต่างที่เพิ่มเข้ามาในองค์ประกอบกลิ่นโดยรวม แม้ว่าทั้งสองกลุ่มจะทำหน้าที่หลักในการเพิ่มความติดทนของกลิ่นหอม