สิวในวัยผู้ใหญ่ตอนอายุ 40: สาเหตุ ประสิทธิภาพการรักษา และระยะเวลาเห็นผล
คำถาม
ตอนนี้อายุ 40 ปี และเริ่มมีสิวขึ้นมากเป็นครั้งแรกในชีวิต สงสัยว่าอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ทำเองอยู่ด้วยค่ะ ขณะนี้กำลังรักษาโดยแพทย์ผิวหนัง ซึ่งมีการใช้ยา Benzoyl Peroxide, Clindamycin, Acne Compound (มี Sulfur, Salicylic Acid), และ Topical Isotretinoin ร่วมกับการทำหัตถการ เช่น กด ฉีด เลเซอร์ คำถามคือ:
- ทำไมถึงเพิ่งมามีสิวขึ้นตอนนี้ ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน?
- แนวทางการรักษาที่คุณหมอให้มาถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่?
- ทำไมผ่านมา 2 เดือนแล้ว อาการสิวยังไม่ดีขึ้นอย่างชัดเจน?
คำตอบ
ทำความเข้าใจและรักษาสิวในวัยผู้ใหญ่ตอนอายุ 40
เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ที่คุณกังวลกับการเกิดสิวตอนอายุ 40 ทั้งที่ไม่เคยมีปัญหาสิวมาก่อนในชีวิต ปัญหานี้เรียกว่า สิวในวัยผู้ใหญ่ (Adult-onset acne) ซึ่งพบได้บ่อยกว่าที่หลายคนคิดค่ะ
ทำไมถึงเกิดสิวขึ้นตอนนี้?
มีหลายปัจจัยที่สามารถกระตุ้นให้เกิดสิวในวัยผู้ใหญ่ได้ แม้ว่าตอนวัยรุ่นผิวจะใสก็ตามค่ะ:
- การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน: นี่คือสาเหตุหลักที่พบได้บ่อย การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนตามวัย รอบเดือน หรือช่วงใกล้หมดประจำเดือน (Perimenopause) สามารถกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันมากขึ้นและนำไปสู่การเกิดสิวได้ ซึ่งสอดคล้องกับที่คุณตั้งข้อสงสัยเรื่องฮอร์โมนค่ะ
- ความเครียด: ความเครียดสูงส่งผลต่อระดับฮอร์โมนและทำให้อาการสิวแย่ลงได้
- ปัจจัยอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน: เช่น อาหาร การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือยา/อาหารเสริมบางชนิด
- ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง: การใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน (Comedogenic) หรือก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว สามารถเป็นสาเหตุหรือทำให้อาการสิวแย่ลงได้ คุณกล่าวถึงการลองใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปรุงเองใหม่ๆ จาก myskinrecipe เป็นไปได้ว่าส่วนผสมบางอย่างในสูตรใหม่ๆ อาจไม่เหมาะกับผิวของคุณในตอนนี้ และอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดสิวค่ะ
เมื่อพิจารณาจากอายุของคุณ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเป็นปัจจัยที่มีความเป็นไปได้สูง แต่ก็ควรพิจารณาด้วยว่าการเปลี่ยนแปลงในขั้นตอนการดูแลผิวล่าสุดมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ค่ะ
วิธีรักษาถูกต้องหรือไม่ และทำไมยังไม่หายสักที?
แนวทางการรักษาที่คุณหมอให้มา ดูเหมือนจะเป็นแนวทางที่ครอบคลุมและใช้ยา/ส่วนผสมที่ใช้รักษาสิวทั่วไปและมีประสิทธิภาพค่ะ:
- Benzoyl Peroxide (BP): ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวและช่วยละลายหัวสิว
- Clindamycin (CM): ยาปฏิชีวนะแบบทา ช่วยลดแบคทีเรียและการอักเสบ
- Acne Compound (มี Sulfur, Salicylic Acid): Sulfur ช่วยลดความมันและการอักเสบ ส่วน Salicylic Acid (BHA) เป็นกรดที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวในรูขุมขน ทำให้รูขุมขนไม่อุดตัน
- Topical Isotretinoin: ยาในกลุ่มเรตินอยด์ ช่วยปรับการผลัดเซลล์ผิวและป้องกันการอุดตันของรูขุมขน
การใช้ยารักษาสิวหลายชนิดร่วมกันแบบนี้ เป็นการจัดการกับกลไกการเกิดสิวหลายด้าน และถือเป็นแนวทางการรักษาที่ถูกต้องตามหลักการแพทย์ค่ะ
ทำไมผ่านมา 2 เดือนแล้วยังไม่หาย?
การรักษาสิว โดยเฉพาะสิวในวัยผู้ใหญ่ มักต้องใช้เวลาจึงจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนค่ะ
- ระยะเวลาที่ยาออกฤทธิ์เต็มที่: ยารักษาสิวหลายชนิดต้องใช้เวลา 8-12 สัปดาห์ (2-3 เดือน) หรือนานกว่านั้น จึงจะเห็นผลการรักษาเต็มที่ เป็นเรื่องปกติที่อาจยังมีสิวใหม่ขึ้นมาบ้างในช่วง 2-3 เดือนแรกของการรักษา ในขณะที่ยาออกฤทธิ์จัดการกับสิวเก่าและสิวที่กำลังจะเกิด ความอดทนและความสม่ำเสมอในการใช้ยาเป็นสิ่งสำคัญค่ะ
- ความต่อเนื่องของปัญหา: การที่คุณยังคงมีสิวใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ ในขณะที่สิวเก่ากำลังหาย แสดงว่าปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิวยังคงทำงานอยู่ การรักษาที่ได้รับกำลังช่วยควบคุมกระบวนการนี้ แต่ต้องใช้เวลาเพื่อให้การรักษานำหน้าการเกิดสิวใหม่ค่ะ
- ความรุนแรง: การที่คุณต้องทำหัตถการ เช่น กด ฉีด เลเซอร์ แสดงว่าสิวที่เป็นอยู่ค่อนข้างมีการอักเสบและฝังแน่น ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะหายสนิทด้วยการทายาเพียงอย่างเดียว หัตถการเหล่านี้ช่วยให้สิวที่เป็นอยู่ดีขึ้นเร็วขึ้น แต่การทายา/กินยาตามที่หมอสั่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการควบคุมระยะยาวและป้องกันการเกิดสิวใหม่ค่ะ
ข้อแนะนำ:
แนะนำให้ใช้ยาตามที่คุณหมอสั่งอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง หากยังไม่เห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนหลังจากใช้ยาไปอีก 1-2 เดือน (รวมเป็น 3-4 เดือน) หรือหากมีผลข้างเคียงที่รบกวนมาก ควรกลับไปพบคุณหมอผิวหนังเพื่อปรึกษาและพิจารณาปรับแผนการรักษาค่ะ
ส่วนเรื่องผลิตภัณฑ์ที่ปรุงเอง อาจลองหยุดใช้ชั่วคราว หรือปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับส่วนผสมที่คุณใช้ เพื่อตัดปัจจัยเรื่องสิวที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ออกไปค่ะ
ขอให้คุณอดทนและสม่ำเสมอในการรักษา และสื่อสารกับคุณหมออย่างต่อเนื่องนะคะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Salicylic Acid (BHA) กรดซาลิไซลิค
