สูตรครีมบำรุงผิวหน้า: ประโยชน์, สภาพผิวที่เหมาะสม, การใช้งาน & ขั้นตอนการผสม

สำหรับสูตรครีมบำรุงหน้าที่สอบถาม พร้อมคำถามเกี่ยวกับการปรับสูตร การใช้งาน สภาพผิวที่เหมาะสม และขั้นตอนการผสม:

ทีมงานได้ให้คำแนะนำไปก่อนหน้านี้แล้วว่า สูตรนี้เน้นผลด้าน Whitening เป็นหลัก รองลงมาคือ Moisturizer และ Anti-aging ตามลำดับประสิทธิภาพที่คาดว่าจะได้รับ สูตรนี้เหมาะสำหรับ ผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง มากกว่าผิวมันหรือผิวผสม เนื่องจากมีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นสูง รวมถึง Rose Hip Oil 5% สามารถใช้ได้ ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่สำหรับผิวมันอาจรู้สึกเหนอะหนะได้เมื่อใช้กลางวัน

ทีมงานยังได้แจ้งว่า Activated Resorcinol มีการใส่ซ้ำ ควรใช้เพียง 1% เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง และหากต้องการตัด Rose Hip Oil ออกเพื่อลดความมัน ทีมงานแนะนำให้เพิ่ม Light Cream Maker เป็น 2% และใช้ละลาย Activated Resorcinol ก่อน

ขั้นตอนทั่วไปในการผสมครีมสูตรนี้มีดังนี้ครับ/ค่ะ:

1. ส่วนน้ำ (Water Phase): ในภาชนะที่สะอาด ผสมน้ำกลั่นและ Disodium EDTA เข้าด้วยกัน จากนั้นเติม Alpha Arbutin, สารสกัดมะหาด (Oxyresveratrol), Vitamin B3 (Niacinamide), และ N-Acetyl-D-glucosamine คนให้เข้ากันจนส่วนผสมที่เป็นผงละลายหมด อาจใช้วิธีอุ่นเล็กน้อย (เช่น ไม่เกิน 40-50°C) เพื่อช่วยให้ละลายเร็วขึ้น แต่ควรหลีกเลี่ยงความร้อนสูง
2. ส่วนน้ำมัน (Oil Phase): ในภาชนะอีกใบ ผสม Light Cream Maker และ Rose Hip Oil (หากต้องการใส่ 5%) เข้าด้วยกัน เติม Activated Resorcinol (1%) และคนจนละลายเข้ากันดีในส่วนผสมน้ำมัน/สารสร้างเนื้อครีม หากเลือกที่จะไม่ใส่น้ำมัน Rose Hip Oil ให้ใช้ Light Cream Maker 2% และละลาย Activated Resorcinol 1% ลงใน Light Cream Maker โดยตรง อาจต้องอุ่นเล็กน้อยเพื่อช่วยในการละลาย
3. การรวมส่วน (Emulsification): ค่อยๆ เทส่วนน้ำมันลงในส่วนน้ำ พร้อมกับคนอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ใช้ไม้พาย เครื่องผสมมือ หรือเครื่อง Homogenizer เพื่อช่วยสร้างเนื้อครีมที่คงตัว คนต่อไปจนได้เนื้อครีมที่เนียนสม่ำเสมอ
4. ช่วงทำเย็น (Cooling Phase): คนครีมต่อไปขณะที่ครีมเย็นลง เมื่ออุณหภูมิลดลงต่ำกว่า 40°C ให้เติม Galactomyces Ferment Filtrate (Pitera), Repair Activator, และ Phenonip คนให้เข้ากันดีเพื่อให้ส่วนผสมเหล่านี้กระจายตัวอย่างทั่วถึง
5. ตรวจสอบขั้นสุดท้าย (Final Check): เมื่อครีมเย็นสนิทแล้ว ให้ตรวจสอบความข้นหนืดและลักษณะของเนื้อครีม อาจวัดค่า pH หากมีเครื่องวัด แต่โดยทั่วไปแล้วสูตรลักษณะนี้ไม่จำเป็นต้องปรับ pH อย่างเคร่งครัด เว้นแต่จะมีข้อกำหนดเฉพาะสำหรับส่วนผสมบางตัว