สูตรครีมสำหรับผิวแพ้ระคายเคือง: ลดรอยแดง ฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว
คำถาม
ดิฉันได้พัฒนาสูตรครีมสำหรับผิวของตัวเอง ซึ่งมีอาการแพ้ ระคายเคือง แดง และแห้งลอกอย่างมาก (โดยเฉพาะบริเวณแก้ม) ในขณะที่ทีโซนมีความมัน หลังจากใช้ครีมที่มีสารปรอท สูตรของดิฉันประกอบด้วย:
- Aloe Vera Extract (สารสกัดว่านหางจระเข้)
- Vitamin B12 (3%)
- Licochalcone A
- Ceramide Complex
- Pro-Vitamin B5 (D-Panthenol)
- Shea Butter
- Jojoba Oil
- Double Hyaluron Liquid (ใช้ 4% ของผลิตภัณฑ์ที่มี HA 5% ทำให้ได้ HA ออกฤทธิ์ 0.2%)
- สารกันเสีย
ดิฉันมีคำถามเกี่ยวกับสูตรนี้ดังนี้ค่ะ:
- สูตรนี้จะช่วยให้หน้าหายแดงไหมคะ?
- หากใส่ Glycerin 3% เนื้อครีมจะมันมากไปไหมคะ เมื่อพิจารณาจากสภาพผิวผสมของดิฉัน?
- ควรเพิ่มสารอื่นใดอีกหรือไม่เพื่อช่วยลดอาการแดง หรือส่วนผสมที่มีอยู่เพียงพอแล้วคะ?
คำตอบ
การพิจารณาสูตรเพื่อลดรอยแดงและการระคายเคือง
ขอบคุณที่แบ่งปันสูตรและให้รายละเอียดเกี่ยวกับสภาพผิวของคุณหลังจากการใช้ครีมที่มีสารปรอทนะคะ เข้าใจว่าคุณกำลังประสบปัญหาการระคายเคือง รอยแดง และผิวแห้งลอกเล็กน้อย โดยเฉพาะบริเวณแก้ม ในขณะที่ทีโซนมีความมัน สูตรที่คุณพัฒนาขึ้นมา พร้อมกับการปรับเปลี่ยนตามคำแนะนำที่ได้รับ ดูเหมือนจะเหมาะสมอย่างยิ่งในการช่วยปลอบประโลมผิวและสนับสนุนการฟื้นฟูผิวของคุณค่ะ
มาตอบคำถามของคุณนะคะ:
สูตรนี้จะช่วยให้หน้าหายแดงไหมคะ?
ได้ค่ะ ส่วนประกอบหลักในสูตรของคุณมีคุณสมบัติในการปลอบประโลมและลดการอักเสบ ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งในการลดรอยแดงและการระคายเคือง:
- Aloe Vera Extract (สารสกัดว่านหางจระเข้): มีคุณสมบัติช่วยลดการระคายเคืองจากการแพ้ และปลอบประโลมผิว โดยเฉพาะผิวที่ถูกแดดเผา
- Vitamin B12: มีประสิทธิภาพในการลดการอักเสบและการระคายเคืองผิว กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และลดปฏิกิริยาการแพ้ของผิว
- Licochalcone A: สารสกัดจากชะเอมเทศ มีคุณสมบัติเด่นในการลดการอักเสบของผิว ลดรอยแดง และลดการระคายเคือง
- Ceramide Complex: จำเป็นอย่างยิ่งในการฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ เกราะป้องกันผิวที่เสียหายเป็นสาเหตุหลักของผิวแพ้ง่าย ผิวแห้ง และรอยแดง การเพิ่มความเข้มข้นของ Ceramide Complex ตามคำแนะนำ จะช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟูผิวและลดรอยแดงได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยการเสริมสร้างชั้นปกป้องผิวให้แข็งแรงขึ้น
- Pro-Vitamin B5 (D-Panthenol): ช่วยลดการอักเสบ รอยแดง อาการคัน และเร่งการสมานแผลและการสร้างเนื้อเยื่อผิวใหม่
ส่วนประกอบเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อลดการตอบสนองการอักเสบและซ่อมแซมเกราะป้องกันผิวที่เสียหาย ซึ่งจะช่วยลดรอยแดงที่รุนแรงที่คุณกำลังประสบอยู่ได้ค่ะ
เนื้อครีมจะมันมากไหมคะ ถ้าใส่กลีเซอลีน ในสูตรอีก 3 %?
เมื่อพิจารณาจากสภาพผิวผสมของคุณ (ทีโซนมัน แก้มแห้ง) และการมีน้ำมันบำรุงผิวอย่าง Shea Butter และ Jojoba Oil ในสูตร การเพิ่ม Glycerin อีก 3% อาจทำให้เนื้อครีมรู้สึกหนักขึ้นและอาจมันเกินไป โดยเฉพาะบริเวณทีโซน Glycerin เป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่ช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิว ทำให้รู้สึกชุ่มชื้น แต่เมื่อใช้ร่วมกับสารให้ความนุ่มลื่นและน้ำมันอื่นๆ อาจเพิ่มความเข้มข้นโดยรวมและอาจทำให้รู้สึกมันมากขึ้นได้ เมื่อคำนึงถึงสภาพผิวปัจจุบันของคุณและความกังวลเรื่องความมัน อาจจะดีที่สุดที่จะงด Glycerin หรือลองใช้ในปริมาณที่น้อยมากๆ หากจำเป็น โดยเน้นไปที่ส่วนประกอบที่ช่วยซ่อมแซมเกราะป้องกันผิวอย่าง Ceramide Complex และน้ำมันที่มีอยู่เพื่อความชุ่มชื้นแทนค่ะ
หรือจะให้เพิ่มสารอื่นที่ช่วยลดอาการแดง บอกเพิ่มได้เลยค่ะ
สูตรปัจจุบันของคุณมีส่วนประกอบที่ดีหลายอย่างในการลดรอยแดงและการระคายเคืองอยู่แล้ว ตามคำแนะนำที่ได้รับ การเพิ่มความเข้มข้นของ Ceramide Complex เป็น 10% เป็นขั้นตอนที่แนะนำอย่างยิ่งค่ะ เซราไมด์มีความสำคัญอย่างยิ่งในการซ่อมแซมเกราะป้องกันผิวที่เสียหาย ซึ่งมักเป็นสาเหตุหลักของรอยแดงและผิวแพ้ง่ายที่คงอยู่หลังจากการระคายเคือง การเน้นที่ความเข้มข้นที่สูงขึ้นของส่วนประกอบหลักนี้มีแนวโน้มที่จะมีประสิทธิภาพมากกว่าการเพิ่มส่วนประกอบใหม่ๆ หลายตัว ซึ่งอาจทำให้ผิวที่บอบบางของคุณทำงานหนักเกินไปหรือระคายเคืองเพิ่มเติมได้ การผสมผสานระหว่าง Ceramide Complex ที่เพิ่มขึ้น กับคุณสมบัติการปลอบประโลมของ Aloe Vera, Vitamin B12, Licochalcone A และ Pro-Vitamin B5 ถือเป็นแนวทางที่แข็งแกร่งในการจัดการกับรอยแดงและสนับสนุนการฟื้นฟูผิวค่ะ
สำหรับคำถามของคุณเกี่ยวกับ Double Hyaluron Liquid 4% เท่ากับ 0.2% ใช่หรือไม่ หากผลิตภัณฑ์ Double Hyaluron Liquid ที่คุณใช้มี Hyaluronic Acid เข้มข้น 5% การใช้ 4% ของของเหลวนี้ในสูตรของคุณจะได้ Hyaluronic Acid ที่ออกฤทธิ์ 0.2% (4% ของ 5% = 0.2%) แม้ว่า Hyaluronic Acid จะให้ความชุ่มชื้น แต่คำแนะนำก่อนหน้านี้แนะนำให้งดใช้เนื่องจากอาจทำให้ทีโซนของคุณมันเกินไป คุณสามารถพิจารณาตามความชอบในเนื้อสัมผัสและการตอบสนองของผิวคุณได้ค่ะ
นอกจากนี้ ตามที่ระบุไว้ในคำตอบก่อนหน้านี้ Vitamin B12 ที่ความเข้มข้น 3% มีแนวโน้มที่จะทำให้ครีมของคุณมีสีชมพูอ่อนๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติค่ะ
สุดท้าย แม้ว่าสูตรของคุณจะมีสารกันเสีย แต่คำแนะนำในการพิจารณาหลีกเลี่ยงสารกันเสียในช่วงที่ผิวบอบบางอย่างยิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณา หากคุณทำครีมเพื่อใช้ในระยะสั้นและสามารถรักษาความสะอาดอย่างเข้มงวดในระหว่างการเตรียมเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ค่ะ
โดยรวมแล้ว สูตรของคุณเป็นพื้นฐานที่ดีในการดูแลผิวที่ระคายเคือง การเน้นที่การเพิ่ม Ceramide Complex และการพิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับการใส่ Glycerin และ Hyaluron ตามการตอบสนองของผิวและเนื้อสัมผัสที่ต้องการ ดูเหมือนจะเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)

Licorice Extract (Licochalcone A 1%, Water-Soluble)

Aloe Vera Extract (อัตราสกัด 10:1 FullAssay™)

Light Cream Maker™

Glycerin (USP/Food Grade)

Jojoba Oil (Clear - Deodorized)

Shea Butter (Ultra Soft)

Double Hyaluron Liquid

Hi-LiconeA™ Licorice Extract (Licochalcone A 20%)

Vitamin B12 (Cyanocobalamin 1%) วิตามิน B12

D-Panthenol Care (Pro-Vitamin B5, 100% Liquid)
