สูตรครีมเจลวิตามินซีเพื่อผิวกระจ่างใสและลดเลือนริ้วรอย
คำถาม
สวัสดีคะ พอดีอยากได้สูตรการผลิตครีมเจลที่มีส่วนประกอบของ[url=http://www.myskinrecipes.com/shop/whitening-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7/134-vitamin-c-l-ascorbic-acid-%E0%B8%9C%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B5.html:1h053nmp]วิตามินซี[/url:1h053nmp] เป็นสารประกอบหลัก ช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย และจุดด่างดำ
คำตอบ
สูตรครีมเจลวิตามินซี
การสร้างครีมเจลที่มีส่วนประกอบของวิตามินซีเป็นส่วนประกอบหลักนั้น จำเป็นต้องพิจารณาถึงชนิดของวิตามินซีที่ใช้ เนื่องจากความเสถียรและประสิทธิภาพจะแตกต่างกันไป คุณกล่าวถึง L-Ascorbic Acid ซึ่งเป็นรูปแบบที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ก็มีความท้าทายในการผสมเนื่องจากไม่เสถียรในน้ำและต้องการค่า pH ที่ต่ำ
นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับวิตามินซีที่เหมาะสมสำหรับครีมเจลและคำแนะนำทั่วไปในการผสม:
ตัวเลือกวิตามินซีสำหรับครีมเจล
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine) (ตามที่คุณลิงก์มา):
- ข้อดี: มีประสิทธิภาพสูงในการทำให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน มีประสิทธิภาพมากที่ค่า pH ต่ำ
- ข้อเสีย: ไม่เสถียรอย่างยิ่งในน้ำ ออกซิไดซ์ได้ง่าย ต้องการค่า pH ต่ำ (เหมาะสำหรับทาผิวที่ 3.5-4.0 แต่สามารถใช้ในการผสมได้ระหว่าง 2.0-4.0) ซึ่งอาจทำให้ระคายเคืองได้ ต้องใช้ความระมัดระวังในการผสม รวมถึงการใช้สารคีเลต เช่น Disodium EDTA
- อัตราการใช้: 3-15% (3% สำหรับลดเลือนริ้วรอยทั่วไป, สูงสุด 15% สำหรับผิวขาวกระจ่างใส)
Ethyl Ascorbic Acid (3-O-ethyl ascorbic acid, Vitamin C Ethyl Ether):
- ข้อดี: ละลายน้ำได้ มีความเสถียรสูง และผสมได้ง่ายกว่า L-Ascorbic Acid มีประสิทธิภาพที่ดีในการทำให้ผิวกระจ่างใสและลดเลือนจุดด่างดำ พร้อมคุณสมบัติในการต่อต้านริ้วรอย สามารถใช้ได้ในช่วง pH ที่กว้างขึ้น (3.5-6.0)
- ข้อเสีย: อาจมีประสิทธิภาพน้อยกว่า L-Ascorbic Acid เล็กน้อยที่ความเข้มข้นเท่ากัน
- อัตราการใช้: 1-10% (แนะนำ 3%)
Magnesium Ascorbyl Phosphate (MAP) และ Sodium Ascorbyl Phosphate (SAP):
- ข้อดี: ละลายน้ำได้ มีความเสถียรสูง และผสมได้ง่ายมาก เหมาะสำหรับทำให้ผิวกระจ่างใส
- ข้อเสีย: ต้องการค่า pH ที่สูงกว่า (7-9) ซึ่งมีความเป็นกรดน้อยกว่าที่แนะนำโดยทั่วไปสำหรับการดูดซึมวิตามินซีเข้าสู่ผิวอย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพในการต่อต้านริ้วรอยน้อยกว่า L-Ascorbic Acid หรือ Ethyl Ascorbic Acid
- อัตราการใช้: 0.5-10% (แนะนำ 3%)
สำหรับการผสมครีมเจลที่เน้นความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและความง่ายในการใช้งาน Ethyl Ascorbic Acid มักเป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจากมีความเสถียรและละลายน้ำได้ในช่วง pH ที่เหมาะสมกับผิว
คำแนะนำทั่วไปในการผสมครีมเจลวิตามินซี
- เลือกสารก่อเจล: เลือกสารก่อเจลที่เข้ากันได้กับช่วง pH ที่ต้องการของวิตามินซีที่คุณเลือกใช้
- ส่วนน้ำ (Water Phase): ละลายส่วนผสมที่ละลายน้ำได้ รวมถึงอนุพันธ์วิตามินซีของคุณ (เช่น Ethyl Ascorbic Acid, MAP, หรือ SAP) และสารคีเลต (เช่น Disodium EDTA ที่ 0.05-0.2%) ในส่วนน้ำ สำหรับ L-Ascorbic Acid ให้ละลายในน้ำปริมาณเล็กน้อยที่มี Disodium EDTA ก่อนนำไปผสมกับเบสที่เย็นแล้วในขั้นตอนสุดท้าย
- ส่วนน้ำมัน (Oil Phase - ถ้ามี): หากครีมเจลของคุณมีส่วนน้ำมัน ให้เตรียมแยกต่างหาก
- รวมส่วนผสม: รวมส่วนน้ำและส่วนน้ำมัน (ถ้ามี) และสร้างเบสเจล/อิมัลชันตามสูตรของคุณ
- เติมวิตามินซี: สำหรับ L-Ascorbic Acid ให้เติมสารละลายที่เพิ่งละลายลงในเบสที่เย็นแล้ว (อุณหภูมิต่ำกว่า 30°C) สำหรับอนุพันธ์ที่เสถียร เช่น Ethyl Ascorbic Acid, MAP, หรือ SAP สามารถเติมลงในส่วนน้ำหรือผลิตภัณฑ์สุดท้ายที่เย็นแล้วได้ ขึ้นอยู่กับสารก่อเจลและสูตรเฉพาะ
- ปรับค่า pH: สำคัญมาก ปรับค่า pH สุดท้ายของครีมเจลของคุณให้อยู่ในช่วงที่แนะนำสำหรับวิตามินซีที่คุณเลือกใช้ (เช่น 3.5-4.0 สำหรับ L-Ascorbic Acid, 3.5-6.0 สำหรับ Ethyl Ascorbic Acid, 7-9 สำหรับ MAP/SAP) ใช้เครื่องวัด pH และปรับด้วยกรดที่เหมาะสม (เช่น สารละลาย Lactic Acid หรือ Citric Acid) หรือเบส (เช่น สารละลาย Sodium Hydroxide) ตามความจำเป็น
- เติมสารกันเสีย: ใส่ระบบสารกันเสียแบบ Broad-spectrum ที่มีประสิทธิภาพในช่วง pH สุดท้ายของคุณ
- การเก็บรักษา: เก็บผลิตภัณฑ์ที่เสร็จแล้วอย่างเหมาะสม โดยมักจะอยู่ในภาชนะทึบแสงที่ปิดสนิท หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน แนะนำให้เก็บสูตร L-Ascorbic Acid ในตู้เย็นเพื่อช่วยรักษาความเสถียร
การใช้อนุพันธ์ที่เสถียร เช่น Ethyl Ascorbic Acid จะช่วยให้การผสมครีมเจลวิตามินซีง่ายขึ้นมาก ในขณะที่ยังคงให้ประโยชน์ที่ดีเยี่ยมในการทำให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ และฟื้นฟูสภาพผิว
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง
Vitamin C (L-ascorbic acid) (Fine)
