สูตรน้ำยาบ้วนปากเสริมสร้างผิวฟันและลดเสียวฟัน และการใช้เจลฟอกสีฟัน
คำถาม
ต้องการคำแนะนำสำหรับสูตรน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของ Calcium Lactate, Calcium Glycerophosphate, Zinc Lactate, Hydroxyapatite, และ Sodium Fluoride เพื่อเสริมสร้างผิวฟันและลดการเสียวฟัน มีส่วนผสมใดที่ซ้ำซ้อนกันหรือไม่? จำเป็นต้องใส่ Disodium EDTA เพื่อช่วยเรื่องความเสถียรหรือไม่ และควรใช้กี่เปอร์เซ็นต์? สามารถใช้ 20nm Nano Silver เป็นสารกันเสียหลักในสูตรได้หรือไม่? ในด้านการใช้งาน น้ำยาบ้วนปากนี้สามารถใช้ได้บ่อยแค่ไหน (เช้า/ก่อนนอน หลังแปรงฟัน) และจำเป็นต้องบ้วนน้ำสะอาดตามหรือไม่ หรือควรหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ชะล้างสารบำรุงออกไป? สูตรนี้มีข้อจำกัดด้านอายุหรือไม่? นอกจากนี้ สำหรับการใช้ Carbamide Peroxide 44% Gel เพื่อฟอกสีฟัน จำเป็นต้องใช้คู่กับที่ครอบฟันเพื่อป้องกันการระคายเคืองริมฝีปากด้านในและเนื้อเยื่ออ่อนหรือไม่? ควรใช้เจลความเข้มข้นนี้กี่ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ฟันขาว? ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกรดหรือการกัดผิวฟันหลังใช้หรือไม่? และหลังใช้เจลฟอกสีฟัน ควรแปรงฟันตามปกติ หรือควรแค่บ้วนน้ำสะอาด?
คำตอบ
ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสูตรน้ำยาบ้วนปาก
สำหรับสูตรน้ำยาบ้วนปากที่คุณเสนอเพื่อเสริมสร้างผิวฟันให้แข็งแรงและลดการเสียวฟัน มีข้อคิดเห็นดังนี้ครับ:
- Calcium Lactate (2%), Calcium Glycerophosphate (1%), Hydroxyapatite (7%), และ Sodium Fluoride (0.15%): ส่วนผสมเหล่านี้มีหน้าที่หลักในการคืนแร่ธาตุและเสริมสร้างความแข็งแรงของผิวฟัน รวมถึงช่วยลดการเสียวฟัน แม้ว่าทั้งหมดจะช่วยเรื่องสุขภาพฟัน แต่ก็มีกลไกการทำงานที่แตกต่างกันเล็กน้อย การใช้ร่วมกันจึงอาจเสริมฤทธิ์กันได้และไม่ถือว่าซ้ำซ้อนกันโดยตรง ปริมาณที่คุณเสนอมาอยู่ในช่วงที่เหมาะสมหรือเป็นปริมาณแนะนำสำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก
- Zinc Lactate (0.5%): ส่วนผสมนี้มีหน้าที่หลักในการลดคราบพลัค ลดแบคทีเรีย และลดกลิ่นปาก ซึ่งเป็นบทบาทที่แตกต่างจากสารที่ช่วยคืนแร่ธาตุ ปริมาณ 0.5% อยู่ในเกณฑ์ที่แนะนำสำหรับน้ำยาบ้วนปาก
- Disodium EDTA: โดยทั่วไปแนะนำให้ใส่ Disodium EDTA ในสูตรที่เป็นเบสด้วยน้ำ โดยเฉพาะหากไม่ได้ใช้น้ำกลั่น มีหน้าที่เป็นสารคีเลต (chelating agent) ช่วยจับไอออนของโลหะในน้ำ ซึ่งช่วยเพิ่มความเสถียรของสูตรและป้องกันไม่ให้ไอออนเหล่านี้รบกวนการทำงานของส่วนผสมอื่นๆ ปริมาณที่แนะนำคือ 0.1-0.2% ดังนั้น การใส่ Disodium EDTA จึงมีความจำเป็นเพื่อช่วยเรื่องความเสถียร และปริมาณ 0.1-0.2% ก็เหมาะสมครับ
- 20nm Silver Pure™ (นาโนซิลเวอร์): แม้ว่าซิลเวอร์จะมีคุณสมบัติในการยับยั้งแบคทีเรีย แต่ประสิทธิภาพและการยอมรับตามข้อกำหนดในการใช้เป็นสารกันเสียหลักในผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากอาจแตกต่างกันไป ควรพิจารณาใช้ระบบสารกันเสียที่เป็นที่ยอมรับและเหมาะสมสำหรับน้ำยาบ้วนปาก เพื่อให้มั่นใจในความคงตัวทางจุลินทรีย์และความปลอดภัยตลอดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์
วิธีการใช้น้ำยาบ้วนปาก:
- ความถี่ในการใช้: การใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมช่วยคืนแร่ธาตุวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอนหลังแปรงฟัน เป็นวิธีที่แนะนำเพื่อให้ส่วนผสมมีเวลาสัมผัสกับผิวฟันและทำงานได้อย่างเต็มที่
- การบ้วนน้ำสะอาดตามหลัง: โดยทั่วไป ไม่แนะนำ ให้บ้วนปากด้วยน้ำสะอาดทันทีหลังจากใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์หรือสารช่วยคืนแร่ธาตุ เพราะจะชะล้างส่วนผสมที่เป็นประโยชน์ (เช่น ฟลูออไรด์ แคลเซียม และอนุภาคไฮดรอกซีอะพาไทต์) ที่ต้องการเวลาในการทำปฏิกิริยากับผิวฟัน ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ หรือบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าอย่างน้อย 30 นาทีหลังใช้
- ข้อจำกัดด้านอายุ: สูตรที่มี Sodium Fluoride 0.15% มักมีข้อจำกัดด้านอายุ โดยทั่วไปไม่แนะนำสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี เว้นแต่จะอยู่ภายใต้การดูแล เนื่องจากความเสี่ยงในการกลืนและอาจทำให้เกิดภาวะฟันตกกระ (fluorosis) ได้
Carbamide Peroxide (44% Gel) สำหรับฟอกสีฟัน
สำหรับคำถามเกี่ยวกับการใช้ Carbamide Peroxide 44% Gel:
- การใช้ร่วมกับถาดฟอกสีฟัน: ใช่ครับ Carbamide Peroxide ความเข้มข้นสูงถึง 44% จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องใช้ร่วมกับถาดฟอกสีฟันแบบเฉพาะบุคคล (custom-fitted tray) เพื่อช่วยให้เจลสัมผัสกับผิวฟันได้อย่างทั่วถึง และที่สำคัญกว่าคือเพื่อป้องกันเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปาก (เหงือก ริมฝีปาก กระพุ้งแก้ม) จากการระคายเคืองและอันตรายจากสารเคมี
- การระคายเคืองหากไม่ใช้ถาด: การใช้ Carbamide Peroxide 44% โดยไม่มีถาดรอง จะทำให้เกิดการระคายเคือง แสบร้อน และอาจเกิดแผลไหม้จากสารเคมีต่อเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปากได้อย่างรุนแรง ไม่ปลอดภัยหากไม่ใช้อุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม
- ความถี่ในการใช้: Carbamide Peroxide 44% เป็นความเข้มข้นที่สูงมาก โดยทั่วไปจะใช้ในระยะเวลาสั้นๆ (เช่น 15-30 นาที) และใช้ไม่บ่อยเท่าความเข้มข้นที่ต่ำกว่า ความถี่ที่แน่นอนควรปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยพิจารณาจากความต้องการเฉพาะบุคคลและคำแนะนำของผลิตภัณฑ์นั้นๆ โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ใช้ความเข้มข้นสูงขนาดนี้ทุกวัน เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการเสียวฟันและระคายเคือง
- ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกรด/กัดกร่อน: ใช่ครับ แนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีความเป็นกรดสูงหรือมีสีเข้มในช่วงระยะเวลาหนึ่งหลังการฟอกสีฟัน เนื่องจากผิวฟันอาจมีความพรุนชั่วคราวและไวต่อการติดสีมากขึ้น
- หลังการใช้: หลังจากใช้เจลฟอกสีฟันแล้ว ควรบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดให้ทั่วถึงเพื่อล้างคราบเจลที่ตกค้างออก หลีกเลี่ยงการแปรงฟันทันทีหากรู้สึกเสียวเหงือกหรือเนื้อเยื่ออ่อน การบ้วนน้ำสะอาดมักจะเพียงพอครับ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Disodium EDTA

Nano Silver 20nm Powder

Zinc Lactate

Sodium Fluoride (anti-caries, oral care)

Calcium Glycerophosphate (anti-caries, oral care)

Calcium Lactate

Carbamide Peroxide (Gel, 25% Carbamide Peroxide)
