สูตรลิปบาล์ม: เนื้อสัมผัส การกันเสีย และการป้องกันการหืน
คำถาม
ปรึกษาอยากทำลิปบาล์มขายหน่อยค่ะ อยากได้เนื้อเนียนนุ่มประมาณ Dior lip glow ถ้าเป็นไปได้ค่ะ
- สูตรนี้โอเคไหมคะ
- เก็บรักษาได้นานแค่ไหน ถ้าใส่ Mild Preserved Eco 1%
- โดยปกติเราควรใส่วิตามิน E กี่% เพื่อป้องกันกลิ่นหืนคะ
สูตรโดยประมาณ
wax and butter
- shea butter 22%
- Bee wax 15%
- Candelilla Wax 4.5%
- Carnuba Wax 5%
oil 37.5% (rice bran, olive, Rose Hip, Grape Seed)
Glycerine 5%
Additive
วิตามิน E 5%
Water Balm 5%
Mild Preserved Eco 1%
ขอบคุณค่ะ
คำตอบ
คำแนะนำสำหรับสูตรลิปบาล์ม
จากส่วนผสมและเปอร์เซ็นต์ที่คุณให้มา นี่คือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสูตรลิปบาล์มของคุณ:
การประเมินสูตรและเนื้อสัมผัส
สูตรของคุณใช้ส่วนผสมของแว็กซ์ (Beeswax, Candelilla Wax, Carnauba Wax) และบัตเตอร์ (Shea Butter) ร่วมกับน้ำมันหลายชนิด (Rice Bran, Olive, Rose Hip, Grape Seed) การผสมผสานนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับลิปบาล์ม
- แว็กซ์: Beeswax ให้โครงสร้างและความนุ่มนวล Candelilla Wax และ Carnauba Wax เป็นแว็กซ์ที่แข็งกว่าและมีจุดหลอมเหลวสูงกว่า ซึ่งช่วยให้บาล์มมีความคงตัว โดยเฉพาะในอุณหภูมิที่อุ่นขึ้น Carnauba Wax มีความแข็งเป็นพิเศษและมีจุดหลอมเหลวสูง (ประมาณ 80-87°C) ในขณะที่ Candelilla Wax หลอมเหลวที่ประมาณ 70-72.5°C ส่วน Beeswax หลอมเหลวที่ประมาณ 62-63°C ปริมาณแว็กซ์ทั้งหมด (Beeswax 15% + Candelilla Wax 4.5% + Carnauba Wax 5% = 24.5%) เมื่อรวมกับ Shea Butter (22%) คิดเป็นสัดส่วนที่สูง (46.5%) ของสูตร ปริมาณแว็กซ์และบัตเตอร์ที่สูงนี้มีแนวโน้มที่จะทำให้บาล์มค่อนข้างแข็ง
- บัตเตอร์: Shea Butter เป็นบัตเตอร์เนื้อนุ่มที่ละลายเมื่อสัมผัสกับผิว ช่วยให้รู้สึกเรียบเนียนและบำรุงผิว
- น้ำมัน: การผสมผสานของ Rice Bran Oil, Olive Oil, Rose Hip Oil และ Grape Seed Oil (รวม 37.5%) ช่วยให้ผิวรู้สึกนุ่มนวล เกลี่ยง่าย และมีคุณสมบัติบำรุงผิว
- Water Balm™: การใส่ Water Balm™ (5%) เป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับบาล์มที่เป็นเบสออยล์ ส่วนผสมนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยรวมและคงสภาพน้ำในปริมาณเล็กน้อย (สูงสุด 10%) ในสูตรน้ำมัน/แว็กซ์ ซึ่งอาจทำให้บาล์มรู้สึกไม่เหนอะหนะเท่า และช่วยให้สามารถใส่ส่วนผสมที่ละลายน้ำได้
- Glycerin: Glycerin (5%) เป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่ช่วยดึงน้ำ ในสูตรที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบหลักและใช้ Water Balm™ จะช่วยให้รู้สึกชุ่มชื้นโดยการกักเก็บน้ำที่รวมเข้าด้วย Water Balm™
การทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่เหมือน Dior Lip Glow ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความเรียบเนียนและละลายบนริมฝีปากได้ง่าย จะขึ้นอยู่กับอัตราส่วนที่แม่นยำและชนิด/เกรดของแว็กซ์และน้ำมันที่ใช้ ปริมาณแว็กซ์/บัตเตอร์ในปัจจุบันของคุณค่อนข้างสูง ซึ่งอาจทำให้บาล์มแข็งกว่า Dior Lip Glow คุณอาจต้องปรับอัตราส่วนของแว็กซ์ชนิดต่างๆ และอาจรวมถึงปริมาณแว็กซ์/บัตเตอร์ทั้งหมดเทียบกับน้ำมัน เพื่อให้ได้ความแข็งและการเกลี่ยที่ใกล้เคียงกับที่ต้องการ แนะนำให้ทดลองทำในปริมาณน้อยๆ
การเก็บรักษาด้วย Mild Preserved Eco™ 1%
คุณใช้ Mild Preserved Eco™ ที่ 1% ส่วนผสมนี้เป็นการผสมผสานระหว่าง Ethylhexylglycerin และ Propanediol ทำหน้าที่เป็นสารเสริมประสิทธิภาพสารกันเสียและมีคุณสมบัติต้านจุลชีพบางอย่าง ทำให้สามารถอ้างว่าสูตร "ปราศจากสารกันเสีย" ได้ภายใต้ข้อกำหนดบางอย่าง
อัตราการใช้ที่แนะนำสำหรับ Mild Preserved Eco™ สำหรับสูตรเครื่องสำอางทั่วไปเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพคือ 1.0-1.5% การใช้ 1% ของคุณอยู่ในช่วงนี้
ลิปบาล์มโดยทั่วไปมีปริมาณน้ำต่ำ (เว้นแต่จะใช้ Water Balm™ เพื่อเพิ่มน้ำ) ซึ่งโดยทั่วไปจะทำให้เสี่ยงต่อการปนเปื้อนของจุลชีพน้อยกว่าผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์สำหรับริมฝีปากมักสัมผัสกับจุลชีพระหว่างการใช้งาน
แม้ว่า Mild Preserved Eco™ ที่ 1% จะช่วยปกป้องสูตรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก Water Balm™ สามารถรวมน้ำเข้าไปได้จริง ประสิทธิภาพของมันขึ้นอยู่กับส่วนประกอบโดยรวมของสูตร (โดยเฉพาะ Water Activity หาก Water Balm™ รวมน้ำได้สำเร็จ) บรรจุภัณฑ์ และวิธีการใช้งานผลิตภัณฑ์
สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือ ผู้จำหน่าย Mild Preserved Eco™ แนะนำอย่างยิ่งให้ทำการทดสอบ Challenge Test กับสูตรสุดท้ายของคุณก่อนนำไปจำหน่าย การทดสอบนี้เป็นวิธีเดียวที่จะยืนยันได้อย่างแน่นอนว่าระบบสารกันเสียมีประสิทธิภาพในการต่อต้านจุลชีพหลากหลายชนิด และให้การปกป้องที่เพียงพอสำหรับผลิตภัณฑ์เฉพาะของคุณภายใต้สภาวะการใช้งานจริง
เปอร์เซ็นต์วิตามินอีเพื่อป้องกันการหืน
คุณใช้วิตามินอี (Tocopheryl Acetate) ที่ 5% เพื่อป้องกันการหืน วิตามินอี โดยเฉพาะ Tocopheryl Acetate ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องน้ำมันในสูตรของคุณจากการเกิดออกซิเดชัน ซึ่งเป็นสาเหตุของการหืน (กลิ่นไม่พึงประสงค์)
อัตราการใช้ทั่วไปสำหรับวิตามินอี (Tocopheryl Acetate) เมื่อใช้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อปกป้องน้ำมันในสูตรโดยเฉพาะ จะต่ำกว่ามาก โดยปกติจะอยู่ที่ประมาณ 0.01% ถึง 0.5%
การใช้วิตามินอีในความเข้มข้นสูงถึง 5% ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประโยชน์ด้านสารต้านอนุมูลอิสระต่อผิวหนังเอง อย่างไรก็ตาม ผู้จำหน่ายระบุว่าการใช้มากกว่า 0.5% อาจทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะบนผิวได้
แม้ว่าวิตามินอี 5% จะให้การปกป้องน้ำมันจากอนุมูลอิสระได้อย่างแน่นอน แต่ก็เป็นความเข้มข้นที่สูงมากสำหรับวัตถุประสงค์นี้ และมีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อเนื้อสัมผัสและอาจทำให้เกิดความเหนียว ซึ่งอาจขัดกับเป้าหมายของคุณที่ต้องการเนื้อสัมผัสที่เรียบเนียน ไม่เหนียวเหนอะหนะเหมือน Dior Lip Glow
เพื่อป้องกันการหืนในน้ำมันของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะน้ำมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง เช่น Rose Hip Oil และ Grape Seed Oil การใช้วิตามินอีในเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำกว่า (0.1-0.5%) ก็เพียงพอแล้วเมื่อรวมกับการจัดเก็บที่เหมาะสม (เก็บบาล์มในภาชนะที่ปิดสนิท ห่างจากความร้อนและแสง) คุณยังสามารถพิจารณาใช้สารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ที่ทราบกันดีว่าช่วยปกป้องน้ำมันได้ เช่น Rosemary Oleoresin Extract หรือ Protec™ OX ซึ่งผู้จำหน่ายกล่าวถึงว่ามีประสิทธิภาพสูง
โดยสรุป สูตรของคุณเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่การทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่ต้องการและมั่นใจในการเก็บรักษาที่เพียงพอต้องพิจารณาอัตราส่วนของส่วนผสมอย่างรอบคอบและทำการทดสอบ ลดเปอร์เซ็นต์วิตามินอีเพื่อหลีกเลี่ยงความเหนียว และใช้วิตามินอีในความเข้มข้นที่ต่ำลงแต่มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระ ควบคู่ไปกับการจัดเก็บที่ดีและการทดสอบ Challenge Test สำหรับการเก็บรักษา
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)

Olive Oil (Extra Virgin)

Shea Butter (Refined , Deodorised)

NaturalProfile™ Grape Seed Oil (Cold-Pressed)

Glycerin (USP/Food Grade)

Natural White Beeswax (USA, Melting 62C, Deodorized)

Carnauba Wax (Flake, Melting 80C)

Candelilla Wax (Refined, Melting 70C)

Water Balm™

Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)

Rose Hip Oil (Virgin, Fresh)
