สูตรวิตามินซีแบบปราศจากน้ำและการวัดค่า pH

สำหรับสูตรวิตามินซีแบบปราศจากน้ำของคุณที่ใช้ Silicone Gel 50%, Isododecane 30%, L-Ascorbic Acid Ultra-Fine 15% และ Ascorbyl Palmitate 5%:

1. ความเข้มข้นของ Isododecane: การใช้ Isododecane 30% เป็นสิ่งที่ยอมรับได้โดยทั่วไปในสูตรที่ปราศจากน้ำ (anhydrous) เช่นนี้ ส่วนประกอบของเบส (Silicone Gel และ Isododecane) ทำหน้าที่หลักเป็นตัวทำละลายและระบบนำส่งสำหรับผงวิตามินซี

2. การวัดค่า pH: ตามที่ได้มีการพูดคุยกัน คุณ ไม่สามารถ วัดค่า pH ของสูตรที่ปราศจากน้ำได้อย่างแม่นยำด้วยกระดาษลิตมัสหรือเครื่องวัด pH ทั่วไป ค่า pH คือการวัดความเป็นกรดหรือด่างของสารละลายที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ เนื่องจากสูตรของคุณไม่มีน้ำ แนวคิดเรื่องค่า pH ที่วัดกันโดยทั่วไปจึงไม่สามารถนำมาใช้ได้

3. ความเสถียร: ข้อได้เปรียบหลักของสูตรวิตามินซีแบบปราศจากน้ำ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ L-Ascorbic Acid) คือความเสถียรโดยธรรมชาติ L-Ascorbic Acid จะเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วเมื่อมีน้ำ การทำสูตรโดยไม่มีน้ำจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดออกซิเดชันและการเสื่อมสภาพลงอย่างมาก ทำให้ไม่จำเป็นต้องปรับค่า pH เพื่อความเสถียร

4. การเติม AHA: ไม่แนะนำอย่างยิ่ง ให้เติม AHA 8% ลงในสูตรนี้ การรวม L-Ascorbic Acid 15% กับ AHA 8% จะทำให้ผลิตภัณฑ์มีความเข้มข้นของกรดโดยรวมสูงมาก ระดับความเป็นกรดที่สูงเช่นนี้ (แม้ว่าจะไม่สามารถวัดค่า pH ได้ตามปกติ) มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดการระคายเคืองผิวอย่างรุนแรง รอยแดง แสบร้อน ลอก และอาจทำลายเกราะป้องกันผิวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผลิตภัณฑ์แบบไม่ต้องล้างออก กรดที่มีความเข้มข้นสูงเช่นนี้มักใช้เฉพาะในการทำทรีตเมนต์ผลัดเซลล์ผิวแบบสัมผัสสั้นๆ ภายใต้การควบคุมเท่านั้น

5. หากได้เติม AHA ไปแล้ว: หากคุณได้เติม AHA 8% ไปแล้ว สูตรดังกล่าวจะมีความเป็นกรดสูงเกินไปและอาจเป็นอันตรายสำหรับการใช้เป็นเซรั่มทาปกติ แนะนำว่าไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ในล็อตนี้กับผิวของคุณ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการไม่พึงประสงค์

สรุปคือ สูตรที่ปราศจากน้ำของคุณมีความเสถียรเนื่องจากไม่มีน้ำ และการวัดค่า pH ไม่สามารถทำได้ อย่าเติม AHA เพราะจะทำให้ผลิตภัณฑ์มีความเป็นกรดสูงเกินไปและระคายเคืองต่อผิว