ข้อเสนอแนะสำหรับสูตรบำรุงผม

นี่คือการประเมินสูตรบำรุงผมที่คุณเสนอสำหรับผมแห้ง ขาดน้ำหนัก และแตกปลาย พร้อมคำตอบสำหรับคำถามเฉพาะของคุณ:

1. ความเหมาะสมของสูตรเดิม

ส่วนผสมที่คุณเลือกโดยทั่วไปมีประโยชน์สำหรับผมแห้งและเสีย ส่วนผสมเช่น Vitamin B5 ExtraLite, Pure Keratin, Hydrolyzed Silk Protein, TreMoisture (Trehalose) และ Natural Moisturizing Amino Acids เป็นที่รู้จักในด้านคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้น เสริมสร้าง และปรับสภาพผม ซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาผมแห้ง ขาดน้ำหนัก และแตกปลายได้

อย่างไรก็ตาม ตามที่เจ้าหน้าที่ฟอรั่มได้กล่าวไว้ เปอร์เซ็นต์ของส่วนผสมบางชนิด โดยเฉพาะ Vitamin B5 ExtraLite (3%), Pure Keratin (2%), SiliWater (3%), Hydrolyzed Silk Protein (2.5%) และ TreMoisture (2%) ค่อนข้างสูงสำหรับผลิตภัณฑ์สเปรย์หรือแบบไม่ต้องล้างออก ความเข้มข้นสูงของส่วนผสมเหล่านี้อาจทำให้ผมรู้สึกเหนอะหนะหรือหนัก ทำให้ฉีดหรือทาได้ยากโดยไม่ทำให้ผมเปียกชุ่มมากเกินไป ขอแนะนำให้เริ่มต้นด้วยเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำกว่า (เช่น 0.5-1% สำหรับส่วนผสมส่วนใหญ่) และปรับตามการทดสอบเพื่อหาสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและเนื้อสัมผัสที่ต้องการ

2. การเพิ่ม SiliSolve Plus และ Argan Oil

การเพิ่ม Argan Oil สามารถเป็นประโยชน์ต่อผมแห้งได้อย่างแน่นอน เนื่องจากมีกรดไขมันบำรุงผม อย่างไรก็ตาม SiliSolve Plus ถูกออกแบบมาเพื่อประสานซิลิโคนและน้ำมันในสูตรแบบ Water-in-Oil หรือ Water-in-Silicone ซึ่งโดยทั่วไปไม่เหมาะสำหรับการผสมน้ำมันเข้ากับสูตรที่เป็นเบสน้ำเช่นนี้ ในการผสม Argan Oil (ซึ่งเป็นน้ำมัน) เข้ากับสูตรที่เป็นเบสน้ำของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะต้องใช้ Solubilizer หรือ Emulsifier ที่เหมาะสมสำหรับน้ำมันในน้ำ

Flora Solve Clear เป็น Solubilizer ที่แนะนำสำหรับการผสมน้ำมันและน้ำหอมเข้ากับสูตรที่เป็นเบสน้ำโดยไม่ต้องใช้แอลกอฮอล์ ซึ่งอาจระคายเคืองต่อผิว คุณสามารถลองใช้ Flora Solve Clear เพื่อละลาย Argan Oil ก่อนที่จะเติมลงในส่วนของน้ำ

เกี่ยวกับเปอร์เซ็นต์ การเพิ่ม Argan Oil 3-5% แม้จะใช้ Solubilizer ก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มความเหนอะหนะของสูตรได้ ตามที่เจ้าหน้าที่ได้กล่าวไว้ การเริ่มต้นด้วยเปอร์เซ็นต์ Argan Oil ที่ต่ำกว่า อาจจะ 0.5-1% พร้อมกับปริมาณ Flora Solve Clear ที่เหมาะสม (โดยทั่วไปคือ 2-5 ส่วนของ Flora Solve Clear ต่อ 1 ส่วนของน้ำมัน ขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำมัน) จะเป็นแนวทางที่ดีกว่าในการลดความเหนอะหนะให้น้อยที่สุด ในขณะที่ยังคงให้ประโยชน์บางอย่างของน้ำมัน คุณจะต้องทดลองเพื่อหาสมดุลที่เหมาะสม

3. การเปลี่ยน Vitamin B5 ExtraLite เป็น Vitamin B5 ชนิดผง

ใช่ คุณสามารถเปลี่ยน Vitamin B5 ExtraLite (Ethyl Panthenol) เป็น Vitamin B5 ชนิดผง (DL-Panthenol) ได้ ทั้งสองเป็นรูปแบบของ Vitamin B5 ที่มีประโยชน์ต่อเส้นผม อย่างไรก็ตาม Vitamin B5 ExtraLite ได้รับการแปรรูปเป็นพิเศษเพื่อให้เหนอะหนะน้อยลงและซึมซาบเข้าสู่เส้นผมได้ง่ายกว่า Vitamin B5 ชนิดผงทั่วไป

Vitamin B5 ชนิดผงมาตรฐาน (DL-Panthenol) สามารถละลายน้ำได้และมีประโยชน์ต่อสุขภาพเส้นผม ให้ความชุ่มชื้นและเสริมสร้างความแข็งแรง อัตราการใช้ที่แนะนำสำหรับ Vitamin B5 ชนิดผงในผลิตภัณฑ์บำรุงผมแบบไม่ต้องล้างออกโดยทั่วไปจะต่ำกว่า อยู่ที่ประมาณ 0.5-1% แม้ว่าการใช้ 0.5% ของชนิดผงจะทำได้ แต่โปรดจำไว้ว่านี่คือความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์ที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ 3% ของชนิดน้ำ ExtraLite ที่คุณเสนอในตอนแรก การใช้เปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้นของชนิดผง (มากกว่า 1%) อาจทำให้เกิดความเหนอะหนะได้ เช่นเดียวกับการใช้ Humectants หรือ Conditioning Agents อื่นๆ ในเปอร์เซ็นต์ที่สูง

โดยสรุป แม้ว่าจะสามารถใช้ชนิดผงได้ แต่ Vitamin B5 ExtraLite โดยทั่วไปเป็นที่นิยมมากกว่าในสูตรสเปรย์หรือแบบไม่ต้องล้างออกในความเข้มข้นที่สูงขึ้น เนื่องจากมีคุณสมบัติไม่เหนอะหนะ หากคุณใช้ชนิดผง การเริ่มต้นที่ 0.5% เป็นวิธีที่ดีในการประเมินเนื้อสัมผัส แต่คุณอาจพบว่าต้องการเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้นเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ต้องการ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเหนอะหนะได้

ขอแนะนำให้ทำสูตรทดลองในปริมาณน้อยและปรับเปอร์เซ็นต์ของส่วนผสมออกฤทธิ์ทั้งหมดตามความรู้สึกและประสิทธิภาพที่ต้องการบนเส้นผม