คำถาม

กำลังพัฒนาสูตรเซรั่มที่มีส่วนผสมดังนี้ค่ะ:

10% Glycolic Acid (AHA) 100% Powder
10% DMAE (SkinTight MD™) Liquid
2% Wrinkle-Fill™ (L-Tyrosine)
2.5% WhiteCumin™ 2x
2.5% Panthenol (Pro Vitamin B5)
3% 1,2-Hexanediol
ส่วนที่เหลือ: Distilled Water
0.2% Disodium EDTA

วิธีการผสมคือใส่ Disodium EDTA ลงในน้ำกลั่น จากนั้นใส่ 1,2-Hexanediol แล้วจึงใส่ส่วนผสมอื่นๆ ทีละตัวและคนให้เข้ากันก่อนใส่ตัวถัดไป สูตรนี้มีจุดประสงค์เพื่อดูแลปัญหาผิวมัน ริ้วรอยเล็กๆ และร่องแก้มค่ะ

มีคำถามเกี่ยวกับสูตรนี้ดังนี้ค่ะ:

ส่วนผสมและวิธีการผสมมีส่วนไหนต้องปรับปรุงมั๊ยคะ
ถ้าใช้ Distilled Water ที่สั่งกับทางบริษัท ยังต้องเติม 2Na EDTA ลงไปอีกรึป่าว?
ถ้าระยะการเก็บผลิตภัณฑ์ไม่เกิน 6 เดือน ไม่ทราบว่าสามารถใช้ 1,2-Hexanediol เป็นสารกันเสียได้รึป่าวคะ
WhiteCumin™ 2x ทำงานได้ดีในสูตรที่มีค่า pH ช่วงไหนคะ (ถ้าคุม pH ของสูตรนี้ให้อยู่ที่ 3.5 ไม่ทราบว่า WhiteCumin™ 2x จะเสื่อมประสิทธิภาพหรือไม่)

คำตอบ

การทบทวนสูตรและคำแนะนำ

สูตรของคุณประกอบด้วยส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพหลายชนิดสำหรับการผลัดเซลล์ผิว ต่อต้านริ้วรอย และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมุ่งเป้าไปที่ปัญหาผิวของคุณเรื่องความมัน ริ้วรอยเล็กๆ และร่องแก้ม

จากการพิจารณาความเข้มข้นและคุณสมบัติของส่วนผสม:

Glycolic Acid (10%): เป็นความเข้มข้นที่สูงสำหรับผลิตภัณฑ์แบบ Leave-on ที่ใช้โดยผู้บริโภคทั่วไป (อย. แนะนำสูงสุดไม่เกิน 5%) แม้ว่าคุณจะเคยใช้ AHA 8% มาก่อน การเพิ่มเป็น Glycolic Acid 10% (ซึ่งมีโมเลกุลเล็กที่สุดและซึมเข้าสู่ผิวได้ดี) อาจทำให้เกิดการระคายเคืองอย่างมีนัยสำคัญได้ แม้ว่าผิวของคุณจะไม่ระคายเคืองง่ายก็ตาม ตามที่ทีมงานแนะนำ การเริ่มต้นที่ 5% เป็นสิ่งที่แนะนำอย่างยิ่ง เพื่อดูว่าผิวของคุณทนได้หรือไม่ ก่อนที่จะค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้นหากจำเป็น
DMAE (SkinTight MD™) Liquid (10%): อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงของช่วงการใช้งานที่แนะนำ (1-10%) เช่นเดียวกับ Glycolic Acid การเริ่มต้นที่ความเข้มข้นต่ำกว่า เช่น 5% ตามที่ทีมงานแนะนำ เป็นสิ่งที่ควรทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณไม่เคยใช้ DMAE มาก่อน ความเข้มข้นที่สูงขึ้นสามารถเพิ่มความเสี่ยงของการระคายเคืองและทำให้ผลิตภัณฑ์เหนอะหนะอย่างมาก
Wrinkle-Fill™ (L-Tyrosine) (2%): อยู่ในอัตราการใช้งานที่แนะนำ (1-2%) ทำงานได้ดีร่วมกับ DMAE เพื่อประโยชน์ในการต่อต้านริ้วรอย
WhiteCumin™ 2x (2.5%): อยู่ในอัตราการใช้งานที่แนะนำ (1-4%) และให้ประโยชน์ในการต้านอนุมูลอิสระ
Panthenol (Pro Vitamin B5) (2.5%): อยู่ในอัตราการใช้งานที่แนะนำ (0.5-10%) และดีเยี่ยมสำหรับการให้ความชุ่มชื้น ปลอบประโลมผิว และสามารถเสริมประสิทธิภาพของ DMAE ได้ อย่างไรก็ตาม Panthenol ก็สามารถทำให้ผลิตภัณฑ์เหนอะหนะได้เช่นกันที่ระดับสูง (>5%)
1,2-Hexanediol (3%): ความเข้มข้นนี้มีประสิทธิภาพในการเป็น Preservative Booster, Penetration Enhancer และ Humectant
Disodium EDTA (0.2%): เป็นอัตราการใช้งานที่แนะนำสำหรับการจับประจุในน้ำ

การรวม Glycolic Acid 10%, DMAE 10% และ Panthenol 2.5% มีแนวโน้มที่จะทำให้สูตรมีความเหนอะหนะค่อนข้างมาก ตามที่ทีมงานได้กล่าวไว้ การลดความเข้มข้นของ Glycolic Acid และ DMAE ลงเหลือ 5% ในเบื้องต้น จะช่วยลดปัญหานี้และลดความเสี่ยงของการระคายเคืองและความเหนอะหนะได้

วิธีการผสมของคุณโดยการใส่ Disodium EDTA ลงในน้ำกลั่น ตามด้วย 1,2-Hexanediol แล้วจึงใส่ส่วนผสมอื่นๆ ทีละตัวและคนให้เข้ากันก่อนใส่ตัวถัดไป โดยทั่วไปถือว่าถูกต้องสำหรับส่วนผสมที่ละลายน้ำได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องใส่ DMAE ในขั้นตอนสุดท้าย และตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุณหภูมิของส่วนผสม ต่ำกว่า 40°C เมื่อใส่ เนื่องจากความร้อนสูงอาจส่งผลต่อความเสถียรของ DMAE นอกจากนี้ Glycolic Acid ควรหลีกเลี่ยงความร้อนสูงกว่า 60°C

คำตอบสำหรับคำถามของคุณ

ส่วนผสมและวิธีการผสมมีส่วนไหนต้องปรับปรุงมั๊ยคะ
- ส่วนผสม: ใช่ค่ะ แนะนำอย่างยิ่งให้ลดความเข้มข้นของ Glycolic Acid และ DMAE ลง เริ่มต้นที่ Glycolic Acid 5% และ DMAE 5% เพื่อประเมินการยอมรับของผิว และลดการระคายเคืองและความเหนอะหนะที่อาจเกิดขึ้น คุณสามารถค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้นในภายหลังได้ หากผิวของคุณตอบสนองได้ดีและคุณต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ส่วนผสมอื่นๆ อยู่ในอัตราส่วนที่แนะนำโดยทั่วไป
- วิธีการผสม: วิธีการของคุณส่วนใหญ่ถูกต้องค่ะ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ใส่ DMAE เป็นส่วนผสมสุดท้ายหลังจากที่ส่วนผสมเย็นลงจนมีอุณหภูมิต่ำกว่า 40°C แล้ว หลีกเลี่ยงการให้ความร้อนกับส่วนผสมสูงกว่า 60°C หลังจากใส่ Glycolic Acid
ถ้าใช้ Distilled Water ที่สั่งกับทางบริษัท ยังต้องเติม 2Na EDTA ลงไปอีกรึป่าว?
- ใช่ค่ะ ยังคงเป็นประโยชน์ที่จะใส่ Disodium EDTA แม้จะใช้น้ำกลั่นจากบริษัทก็ตาม แม้น้ำกลั่นจะบริสุทธิ์ แต่ EDTA ช่วยจับประจุโลหะที่อาจมีอยู่เล็กน้อย หรืออาจปนเปื้อนเข้ามาในระหว่างกระบวนการผสมหรือจากบรรจุภัณฑ์ ซึ่งช่วยรักษาความเสถียรของสูตร และป้องกันการเปลี่ยนสีหรือการเสื่อมสภาพของส่วนผสมบางชนิดที่ไวต่อประจุเมื่อเวลาผ่านไป ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ได้
ถ้าระยะการเก็บผลิตภัณฑ์ไม่เกิน 6 เดือน ไม่ทราบว่าสามารถใช้ 1,2-Hexanediol เป็นสารกันเสียได้รึป่าวคะ
- 1,2-Hexanediol ที่ความเข้มข้น 3% ทำหน้าที่เป็น Preservative Booster และมีคุณสมบัติในการควบคุมเชื้อจุลินทรีย์ได้เองในระดับหนึ่ง ตามผลการทดสอบ Challenge Test สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ทำใช้เองโดยมีเป้าหมายอายุการเก็บรักษาไม่เกิน 6 เดือน 1,2-Hexanediol 3% อาจจะ เพียงพอในการป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ แต่ไม่สามารถรับประกันได้ 100% หากไม่ได้ทำการทดสอบ Challenge Test กับสูตรของคุณโดยเฉพาะ เพื่อความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยที่มากขึ้นตลอด 6 เดือน แนะนำอย่างยิ่งให้เพิ่มสารกันเสียชนิดอ่อนโยนและครอบคลุม (broad-spectrum) ในปริมาณเล็กน้อยควบคู่ไปกับ 1,2-Hexanediol ซึ่ง 1,2-Hexanediol จะช่วยเสริมประสิทธิภาพของสารกันเสียหลัก ทำให้คุณสามารถใช้สารกันเสียหลักในความเข้มข้นที่ต่ำลงได้
WhiteCumin™ 2x ทำงานได้ดีในสูตรที่มีค่า pH ช่วงไหนคะ (ถ้าคุม pH ของสูตรนี้ให้อยู่ที่ 3.5 ไม่ทราบว่า WhiteCumin™ 2x จะเสื่อมประสิทธิภาพหรือไม่)
- ตามที่ทีมงานได้ยืนยันและข้อมูลผลิตภัณฑ์ระบุไว้ WhiteCumin™ 2x ทำงานได้ดีในช่วงค่า pH 3.5 ถึง 6.5 การควบคุมค่า pH ของสูตรของคุณให้อยู่ที่ 3.5 ยังคงอยู่ในช่วงที่เหมาะสม ดังนั้น WhiteCumin™ 2x จะไม่เสื่อมประสิทธิภาพ ที่ค่า pH นี้ค่ะ

โดยสรุป พิจารณาการลดความเข้มข้นของ Glycolic Acid และ DMAE ลงเหลือ 5% ในเบื้องต้น เพื่อการยอมรับของผิวที่ดีขึ้นและความเหนอะหนะที่น้อยลง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าใส่ DMAE เป็นส่วนผสมสุดท้ายที่อุณหภูมิต่ำกว่า 40°C ยังคงใส่ Disodium EDTA เพื่อความเสถียร สำหรับอายุการเก็บรักษา 6 เดือน ควรพิจารณาเพิ่มสารกันเสียหลักในปริมาณเล็กน้อยนอกเหนือจาก 1,2-Hexanediol เพื่อการป้องกันเชื้อจุลินทรีย์ที่น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น ค่า pH 3.5 เหมาะสมสำหรับ WhiteCumin™ 2x ค่ะ