สูตรแป้งฝุ่น: การปรับสูตร สารกันเสีย การผสมของเหลวและผงสี
คำถาม
เกี่ยวกับสูตรแป้งฝุ่น ผมมีคำถามดังนี้ครับ:
1. จากสูตรของผม มีอะไรที่ต้องปรับอีกหรือเปล่าครับ?
2. ผมอยากทราบว่า Preservative (เช่น Phenonip® P4) ใส่ตัวเดียวได้รึเปล่าครับ ทำไมบางแบรนด์ที่ทำ Loose powder ถึงใส่หลายตัวมาก เช่น Laura Mercier ใส่ Sodium Dehydroacetate, Methylparaben, Propylparaben และ Butylparaben มีการคิดสัดส่วนอย่างไรถึงจะเหมาะสม ถ้ามากเกินไปจะ Toxic หรือเปล่า หรือ น้อยเกินไปจะไม่สามารถให้ประสิทธิภาพได้เต็มที่
3. การผสม Ingredient จำพวกของเหลว เช่น Fractionated Coconut Oil, LipidSoft™ Palm, Vitamin E สามารถเติมลงไปได้เลยใช่มั้ยครับ แล้วสัดส่วนคิดยังไงให้เป็น w/w ครับ มันมาเป็น ml?
4. ผมใช้ Mortar ในการบดส่วนผสมให้เข้ากัน การใช้สี Iron Oxides (Iron Oxides Red, Iron Oxides Yellow, Iron Oxides Black) สามารถทำได้หรือเปล่าครับ
คำตอบ
คำตอบสำหรับคำถามเกี่ยวกับสูตรแป้งฝุ่น
จากสูตรที่คุณให้มาและคำตอบจากเจ้าหน้าที่ นี่คือการวิเคราะห์และคำตอบสำหรับคำถามของคุณ:
1. สูตรของผมมีอะไรที่ต้องปรับอีกหรือเปล่าครับ
เจ้าหน้าที่ได้ให้ข้อคิดเห็นที่ถูกต้องว่าปริมาณน้ำมันที่เป็นของเหลว (Fractionated Coconut Oil, LipidSoft™ Palm, และ Vitamin E) ในสูตรของคุณค่อนข้างสูง (รวม 7%) การผสมของเหลวปริมาณมากขนาดนี้ลงในสูตรที่เป็นผง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้ครกบดผสมด้วยมือ จะทำได้ยากมาก อาจทำให้เกิดการจับตัวเป็นก้อนและการกระจายตัวที่ไม่สม่ำเสมอ ทำให้ได้เนื้อแป้งที่ไม่เนียน
- คำแนะนำ: หากคุณมีเครื่องปั่นความเร็วสูงที่ออกแบบมาสำหรับผสมผง คุณอาจลดปริมาณน้ำมันรวมลงเหลือไม่เกิน 3% ตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ เพื่อช่วยเรื่องการเกาะตัวและสัมผัส แต่หากคุณใช้ครกบดผสม ขอแนะนำอย่างยิ่งให้ตัดส่วนผสมที่เป็นน้ำมันของเหลวทั้งหมดออก จากสูตร เนื่องจากสูตรแป้งโดยธรรมชาติไม่มีน้ำ และการเติมของเหลวโดยไม่มีอุปกรณ์ผสมที่ใช้แรงเฉือนสูงจะทำให้เนื้อสัมผัสและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ลดลง
2. Preservative ใส่ตัวเดียวได้รึเปล่าครับ ทำไมบางแบรนด์ที่ทำ Loose powder ถึงใส่หลายตัวมาก มีการคิดสัดส่วนอย่างไรถึงจะเหมาะสม ถ้ามากเกินไปจะ Toxic หรือเปล่า หรือ น้อยเกินไปจะไม่สามารถให้ประสิทธิภาพได้เต็มที่
คุณถามว่าสามารถใช้สารกันเสียเพียงชนิดเดียวได้หรือไม่ และทำไมบางแบรนด์ถึงใช้หลายชนิด
- การใช้สารกันเสียหลายชนิดร่วมกัน เช่น พาราเบนและ Sodium Dehydroacetate ที่พบในผลิตภัณฑ์บางยี่ห้อ (เช่น Laura Mercier) จะช่วยให้ครอบคลุมการป้องกันเชื้อจุลินทรีย์ได้กว้างขึ้น (แบคทีเรีย ยีสต์ และรา) เนื่องจากสารกันเสียแต่ละชนิดมีประสิทธิภาพต่อเชื้อแต่ละประเภทแตกต่างกัน
- อย่างไรก็ตาม ตามที่เจ้าหน้าที่อธิบาย โดยทั่วไปแล้วไม่จำเป็นต้องใส่สารกันเสียในสูตรที่เป็นผงล้วนๆ เนื่องจากเชื้อจุลินทรีย์จะเจริญเติบโตได้ต้องอาศัยความชื้นหรือน้ำ
- แบรนด์ใหญ่ๆ มักใส่สารกันเสียเพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากผู้ใช้ (เช่น ความชื้นจากผิวหรือพัฟที่เปียก)
- สำหรับผลิตภัณฑ์ทำใช้เอง หากคุณมั่นใจว่าแป้งจะแห้งอยู่เสมอและเก็บรักษาอย่างเหมาะสม คุณอาจไม่จำเป็นต้องใส่สารกันเสียอย่าง Phenonip® P4 การใช้สารกันเสียต้องอยู่ในปริมาณที่แนะนำและตามข้อกำหนดของ อย. เสมอ เพราะหากใช้ปริมาณมากเกินไปอาจเป็นพิษหรือก่อให้เกิดการระคายเคืองได้
3. การผสม Ingredient จำพวกของเหลว สามารถเติมลงไปได้เลยใช่มั้ยครับ แล้วสัดส่วนคิดยังไงให้เป็น w/w ครับ มันมาเป็น ml TT
คุณถามเกี่ยวกับการเติมส่วนผสมที่เป็นของเหลว เช่น Fractionated Coconut Oil และวิธีแปลงหน่วยจาก ml เป็น w/w
- การผสมของเหลว: ดังที่กล่าวไปในข้อ 1 และที่เจ้าหน้าที่เน้นย้ำ การเติมของเหลวลงในสูตรผงเป็นเรื่องท้าทายหากไม่มีอุปกรณ์ผสมความเร็วสูง การใช้ครกบดจะไม่สามารถกระจายน้ำมันได้อย่างทั่วถึง ทำให้เกิดการจับตัวเป็นก้อน
- การแปลงหน่วย ml เป็น w/w: ในการแปลงปริมาตร (ml) ของของเหลวให้เป็นน้ำหนัก (g) สำหรับสูตรที่คิดเป็นน้ำหนักต่อ น้ำหนัก (w/w) คุณจำเป็นต้องทราบความหนาแน่น (density หรือ specific gravity) ของของเหลวนั้น สูตรคำนวณคือ:
น้ำหนัก (กรัม) = ปริมาตร (มล.) × ความหนาแน่น (กรัม/มล.)
คุณจะต้องหาค่าความหนาแน่นของส่วนผสมของเหลวแต่ละชนิด อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงความยากในการผสมของเหลวด้วยวิธีที่คุณใช้ การเน้นที่เทคนิคการผสมและการพิจารณาตัดส่วนผสมของเหลวออก อาจมีความสำคัญมากกว่าการคำนวณการแปลงหน่วยในกรณีนี้
4. ผมใช้ Mortar ในการบดส่วนผสมให้เข้ากัน การใช้สี Iron Oxides สามารถทำได้หรือเปล่าครับ
คุณถามว่าสามารถใช้ครกบดผสมสี Iron Oxides ได้หรือไม่
- ใช่ คุณสามารถใช้ครกบดผสมสี Iron Oxides, Ultramarine Pink และสีอื่นๆ ได้
- อย่างไรก็ตาม ตามที่เจ้าหน้าที่กล่าวไว้ วิธีนี้ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากเพื่อให้แน่ใจว่าสีมีการกระจายตัวอย่างสมบูรณ์และสม่ำเสมอทั่วทั้งเนื้อแป้ง สี Iron Oxides โดยเฉพาะชนิด Ultra-fine, Methicone-Coated ที่คุณระบุ (Iron Oxides Red, Iron Oxides Yellow, Iron Oxides Black) มีแนวโน้มที่จะจับตัวเป็นก้อน การทำให้สีเนียนและสม่ำเสมอโดยไม่มีรอยด่างจะเป็นเรื่องที่ท้าทายและใช้เวลานาน เมื่อเทียบกับการใช้สีที่ออกแบบมาให้กระจายตัวง่ายกว่า (เช่น กลุ่ม "EasyMix™") หรือการใช้เครื่องผสมแบบกลไก
โดยสรุป การปรับปรุงหลักที่แนะนำสำหรับสูตรของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้ครกบดผสม คือการลดหรือตัดส่วนผสมที่เป็นน้ำมันของเหลวออกอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อให้ได้เนื้อแป้งที่เนียนและผสมเข้ากันได้ดี สารกันเสียโดยทั่วไปไม่จำเป็นในแป้งที่ไม่มีน้ำ แต่แบรนด์ต่างๆ มักใส่เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากผู้ใช้ การผสมสีด้วยครกบดสามารถทำได้แต่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้สีกระจายตัวสม่ำเสมอ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)

Vitamin E (dl-alpha tocopherol)

Fractionated Coconut Oil

Vitamin C Ester (Ascorbyl Palmitate, Enzymatic)

Talc Powder (5 Micron, Methicone Coated)

Magnesium Stearate

Iron Oxides Red (Ultra-fine, Methicone-Coated)

Iron Oxides Yellow (Ultra-fine, Methicone-Coated)

Iron Oxides Black (Ultra-fine, Methicone-Coated)

AminoSilk™ (Lauroyl lysine)

PowderCream™ (Water Absorbing PMMA)

LipidSoft™ Palm (Ethylhexyl palmitate)

RiceSorb™ (Rice Starch ข้าวญี่ปุ่น ซับความมัน)

Para-Preserve (eq. Phenonip P4)

Ultramarine Pink
