สูตรโลชั่นทาหน้าสำหรับผิวผสมขาดน้ำ เป็นสิวง่าย (100 กรัม)

ถามโดย: zdirti เมื่อ: May 19, 2013 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

ตอนนี้มี สควาเลน วิตามินอี กับ โจโจบาออยล์ ที่ซื้อจากที่นี่อยู่ค่ะ

คิดว่าจะเอามาทำโลชั่นทาหน้า

สภาพผิวตอนนี้: ผิวผสมขาดน้ำ ตอนนี้ไม่ค่อยมีสิวแล้วค่ะ มีรอยดำเล็กน้อย แต่สิวขึ้นง่ายถ้าใช้ครีมกันแดด (ตอนนี้ยังหาครีมกันแดดที่ถูกกับหน้าไม่ได้) เครื่องสำอางที่ใช้ตอนนี้ทุกตัวเป็น Mineral Makeup และไม่แพ้ สิวไม่ขึ้นค่ะ

ตั้งใจว่าจะทำโลชั่นทาหน้าจาก สควาเรน หรือไม่ก็ โจโจ้บาออยล์ ค่ะ

และตั้งใจว่าจะซื้อโทนเนอร์ไปด้วย (ไม่ใส่อย่างอื่นเพิ่ม เนื่องจากต้องการกระชับรูขุมขน และต้องการผลของ allantoin ในนั้นเพราะไม่มั่นใจว่าจะละลายเองได้ค่ะ)

สารสกัดที่คาดว่าจะใส่เพิ่มค่ะ

  • emulsifier
  • Urea
  • Green Tea extract
  • Vit B3
  • Glucosamine
  • Vit E
  • Phenoxyethanol

คำถามค่ะ

  1. ต้องการโลชั่นน้ำหนักรวม 100 กรัมค่ะ ดังนั้นใช้สารแต่ละชนิดในอัตราส่วนเท่าไหร่ดีคะ
  2. ไม่ทราบว่า oil phase นี่ใช้ โจโจบาออยล์ หรือ สควาเรน หรือ ทั้งสองอย่างดีค่ะ สัดส่วนเท่าไหร่
  3. ใช้ Aristoflex หรือ Light Cream Maker เป็น emulsifier ดีคะ?
  4. วิธีการผสม ทำอย่างไรคะ

คำตอบ

สูตรโลชั่นทาหน้า (100 กรัม) สำหรับผิวผสมขาดน้ำ

จากส่วนผสมที่คุณมีและสภาพผิวของคุณ นี่คือสูตรและวิธีการทำโลชั่นทาหน้าปริมาณ 100 กรัมที่แนะนำค่ะ

อัตราส่วนส่วนผสม (สำหรับ 100 กรัม)

นี่คือปริมาณโดยประมาณสำหรับส่วนผสมแต่ละชนิด:

  • น้ำเปล่า: 73.5 กรัม
  • น้ำมันโจโจ้บา (Golden or Clear): 5 กรัม
  • สควาเลน (Olive): 5 กรัม
  • Light Cream Maker™: 1.5 กรัม
  • ยูเรีย (High Purity): 5 กรัม
  • Safe-B3™ (วิตามินบี 3): 5 กรัม
  • GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine): 4 กรัม
  • วิตามินอี (Tocopheryl Acetate): 0.5 กรัม
  • Phenoxyethanol SA (สารกันเสีย): 0.5 กรัม

รวม: 100 กรัม

  • หมายเหตุเกี่ยวกับส่วนผสม:*

  • ยูเรีย: ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน

  • วิตามินบี 3 และ กลูโคซามีน: ทำงานร่วมกันช่วยลดรอยดำ เพิ่มความกระจ่างใส และกระตุ้นการสร้าง Hyaluronic Acid
  • วิตามินอี: เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิว
  • น้ำมันโจโจ้บา และ สควาเลน: ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวโดยไม่เหนอะหนะและไม่อุดตัน
  • Light Cream Maker™: ช่วยประสานน้ำกับน้ำมันให้เข้ากันเป็นเนื้อโลชั่น
  • Phenoxyethanol SA: ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ในผลิตภัณฑ์

การเลือก Oil Phase

แนะนำให้ใช้ ทั้ง Squalane และ Jojoba Oil ใน Oil phase โดยอาจใช้ในอัตราส่วนใกล้เคียงกัน (เช่น อย่างละ 5% ตามที่แนะนำในสูตร) ทั้งสองตัวเป็นน้ำมันที่บางเบา ซึมง่าย และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน เหมาะกับผิวผสมและผิวแพ้ง่ายค่ะ Squalane ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ส่วน Jojoba Oil มีโครงสร้างคล้ายน้ำมันตามธรรมชาติของผิว ช่วยปรับสมดุลและไม่เหนอะหนะ

การเลือก Emulsifier

ระหว่าง Aristoflex กับ Light Cream Maker™ แนะนำให้ใช้ Light Cream Maker™ ค่ะ เนื่องจาก Light Cream Maker™ เป็น Emulsifier ที่ออกแบบมาเพื่อทำเนื้อครีม/โลชั่นโดยเฉพาะ ใช้งานง่าย ไม่ต้องใช้ความร้อน และให้เนื้อสัมผัสที่บางเบา ซึมง่าย เหมาะกับการทำโลชั่นทาหน้าค่ะ Aristoflex AVC จะเน้นการขึ้นเนื้อเจลมากกว่า และอาจไม่เหมาะเท่า Light Cream Maker™ ในการทำโลชั่นที่มีส่วนผสมของน้ำมันและสารออกฤทธิ์หลายชนิดค่ะ

วิธีการผสม

นี่คือขั้นตอนการผสมโลชั่นของคุณ:

  1. ชั่งน้ำเปล่าใส่บีกเกอร์
  2. เติม Urea, Vitamin B3, และ Glucosamine ลงในน้ำเปล่า คนหรือใช้เครื่องคนจนส่วนผสมทั้งหมดละลายเข้ากันดี (Water Phase)
  3. ในบีกเกอร์อีกใบ ชั่ง Jojoba Oil, Squalane, และ Vitamin E ผสมให้เข้ากัน (Oil Phase)
  4. เติม Light Cream Maker™ ลงใน Oil Phase คนให้เข้ากัน
  5. ค่อยๆ เท Oil Phase (ที่มี Light Cream Maker™) ลงใน Water Phase อย่างช้าๆ พร้อมกับคนหรือใช้เครื่องคนตลอดเวลา คนต่อเนื่องจนส่วนผสมรวมตัวกันเป็นเนื้อโลชั่นเนียนเข้ากัน
  6. เติม Phenoxyethanol SA ลงไป คนให้เข้ากัน
  7. วัดค่า pH ของโลชั่น ควรอยู่ในช่วง 3-7 เพื่อประสิทธิภาพของ Vitamin B3 และ Glucosamine หากค่า pH สูงเกินไป (โดยเฉพาะเมื่อเวลาผ่านไปเนื่องจาก Urea อาจทำให้ pH สูงขึ้น) อาจพิจารณาปรับลด pH ด้วยกรดอ่อนๆ เช่น Lactic Acid หรือ Citric Acid เล็กน้อย

ข้อควรทราบเพิ่มเติม

  • สารสกัดชาเขียว (Green Tea Extract): คุณสมบัติของสารสกัดชาเขียวบางชนิดอาจไม่เสถียรเมื่อใช้ร่วมกับ Vitamin E ในสูตรเดียวกัน และอาจทำให้สีเปลี่ยนได้ เพื่อให้สูตรนี้ทำได้ง่ายและเสถียร จึงไม่ได้รวมสารสกัดชาเขียวไว้ในสูตรแนะนำนี้ค่ะ หากต้องการใช้สารสกัดชาเขียวจริงๆ อาจต้องพิจารณาเลือกชนิดที่เสถียร หรือปรับสูตรและวิธีการผสมเพิ่มเติมค่ะ
  • ความเสถียรของ Urea: Urea มีแนวโน้มที่จะทำให้ค่า pH ของสูตรสูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งอาจส่งผลต่อความเสถียรและประสิทธิภาพของสารออกฤทธิ์อื่นๆ เช่น Vitamin B3 และ Glucosamine หากต้องการความเสถียรระยะยาว ควรพิจารณาเพิ่มสารช่วยควบคุม pH เช่น Gluconolactone และ Triacetin ในปริมาณเล็กน้อยตามคำแนะนำของสารนั้นๆ หรือหมั่นวัดและปรับ pH ของโลชั่นเป็นระยะค่ะ
  • การชั่งส่วนผสมให้แม่นยำเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสและประสิทธิภาพตามที่ต้องการ
  • หากต้องการผลิตเพื่อจำหน่าย ควรทำการทดสอบความคงตัว (Stability Test) และการทดสอบประสิทธิภาพของสารกันเสีย (Challenge Test) เพื่อความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
Vitamin E (Tocopheryl Acetate)
เครื่องสำอาง
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
เครื่องสำอาง
Jojoba Oil (Golden - Deodorized)
Jojoba Oil (Golden - Deodorized)
เครื่องสำอาง
GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)
เครื่องสำอาง
Squalane (Olive)
Squalane (Olive)
เครื่องสำอาง
Light Cream Maker™
Light Cream Maker™
เครื่องสำอาง
Urea (High Purity, Cosmetics, Powder)
Urea (High Purity, Cosmetics, Powder)
เครื่องสำอาง
Phenoxyethanol SA (eq. Optiphen Plus)
Phenoxyethanol SA (eq. Optiphen Plus)
เครื่องสำอาง