สูตรโลชั่นทาหน้าสำหรับผิวผสมขาดน้ำ เป็นสิวง่าย (100 กรัม)
คำถาม
ตอนนี้มี สควาเลน วิตามินอี กับ โจโจบาออยล์ ที่ซื้อจากที่นี่อยู่ค่ะ
คิดว่าจะเอามาทำโลชั่นทาหน้า
สภาพผิวตอนนี้: ผิวผสมขาดน้ำ ตอนนี้ไม่ค่อยมีสิวแล้วค่ะ มีรอยดำเล็กน้อย แต่สิวขึ้นง่ายถ้าใช้ครีมกันแดด (ตอนนี้ยังหาครีมกันแดดที่ถูกกับหน้าไม่ได้) เครื่องสำอางที่ใช้ตอนนี้ทุกตัวเป็น Mineral Makeup และไม่แพ้ สิวไม่ขึ้นค่ะ
ตั้งใจว่าจะทำโลชั่นทาหน้าจาก สควาเรน หรือไม่ก็ โจโจ้บาออยล์ ค่ะ
และตั้งใจว่าจะซื้อโทนเนอร์ไปด้วย (ไม่ใส่อย่างอื่นเพิ่ม เนื่องจากต้องการกระชับรูขุมขน และต้องการผลของ allantoin ในนั้นเพราะไม่มั่นใจว่าจะละลายเองได้ค่ะ)
สารสกัดที่คาดว่าจะใส่เพิ่มค่ะ
- emulsifier
- Urea
- Green Tea extract
- Vit B3
- Glucosamine
- Vit E
- Phenoxyethanol
คำถามค่ะ
- ต้องการโลชั่นน้ำหนักรวม 100 กรัมค่ะ ดังนั้นใช้สารแต่ละชนิดในอัตราส่วนเท่าไหร่ดีคะ
- ไม่ทราบว่า oil phase นี่ใช้ โจโจบาออยล์ หรือ สควาเรน หรือ ทั้งสองอย่างดีค่ะ สัดส่วนเท่าไหร่
- ใช้ Aristoflex หรือ Light Cream Maker เป็น emulsifier ดีคะ?
- วิธีการผสม ทำอย่างไรคะ
คำตอบ
สูตรโลชั่นทาหน้า (100 กรัม) สำหรับผิวผสมขาดน้ำ
จากส่วนผสมที่คุณมีและสภาพผิวของคุณ นี่คือสูตรและวิธีการทำโลชั่นทาหน้าปริมาณ 100 กรัมที่แนะนำค่ะ
อัตราส่วนส่วนผสม (สำหรับ 100 กรัม)
นี่คือปริมาณโดยประมาณสำหรับส่วนผสมแต่ละชนิด:
- น้ำเปล่า: 73.5 กรัม
- น้ำมันโจโจ้บา (Golden or Clear): 5 กรัม
- สควาเลน (Olive): 5 กรัม
- Light Cream Maker™: 1.5 กรัม
- ยูเรีย (High Purity): 5 กรัม
- Safe-B3™ (วิตามินบี 3): 5 กรัม
- GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine): 4 กรัม
- วิตามินอี (Tocopheryl Acetate): 0.5 กรัม
- Phenoxyethanol SA (สารกันเสีย): 0.5 กรัม
รวม: 100 กรัม
หมายเหตุเกี่ยวกับส่วนผสม:*
ยูเรีย: ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
- วิตามินบี 3 และ กลูโคซามีน: ทำงานร่วมกันช่วยลดรอยดำ เพิ่มความกระจ่างใส และกระตุ้นการสร้าง Hyaluronic Acid
- วิตามินอี: เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิว
- น้ำมันโจโจ้บา และ สควาเลน: ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวโดยไม่เหนอะหนะและไม่อุดตัน
- Light Cream Maker™: ช่วยประสานน้ำกับน้ำมันให้เข้ากันเป็นเนื้อโลชั่น
- Phenoxyethanol SA: ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ในผลิตภัณฑ์
การเลือก Oil Phase
แนะนำให้ใช้ ทั้ง Squalane และ Jojoba Oil ใน Oil phase โดยอาจใช้ในอัตราส่วนใกล้เคียงกัน (เช่น อย่างละ 5% ตามที่แนะนำในสูตร) ทั้งสองตัวเป็นน้ำมันที่บางเบา ซึมง่าย และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน เหมาะกับผิวผสมและผิวแพ้ง่ายค่ะ Squalane ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ส่วน Jojoba Oil มีโครงสร้างคล้ายน้ำมันตามธรรมชาติของผิว ช่วยปรับสมดุลและไม่เหนอะหนะ
การเลือก Emulsifier
ระหว่าง Aristoflex กับ Light Cream Maker™ แนะนำให้ใช้ Light Cream Maker™ ค่ะ เนื่องจาก Light Cream Maker™ เป็น Emulsifier ที่ออกแบบมาเพื่อทำเนื้อครีม/โลชั่นโดยเฉพาะ ใช้งานง่าย ไม่ต้องใช้ความร้อน และให้เนื้อสัมผัสที่บางเบา ซึมง่าย เหมาะกับการทำโลชั่นทาหน้าค่ะ Aristoflex AVC จะเน้นการขึ้นเนื้อเจลมากกว่า และอาจไม่เหมาะเท่า Light Cream Maker™ ในการทำโลชั่นที่มีส่วนผสมของน้ำมันและสารออกฤทธิ์หลายชนิดค่ะ
วิธีการผสม
นี่คือขั้นตอนการผสมโลชั่นของคุณ:
- ชั่งน้ำเปล่าใส่บีกเกอร์
- เติม Urea, Vitamin B3, และ Glucosamine ลงในน้ำเปล่า คนหรือใช้เครื่องคนจนส่วนผสมทั้งหมดละลายเข้ากันดี (Water Phase)
- ในบีกเกอร์อีกใบ ชั่ง Jojoba Oil, Squalane, และ Vitamin E ผสมให้เข้ากัน (Oil Phase)
- เติม Light Cream Maker™ ลงใน Oil Phase คนให้เข้ากัน
- ค่อยๆ เท Oil Phase (ที่มี Light Cream Maker™) ลงใน Water Phase อย่างช้าๆ พร้อมกับคนหรือใช้เครื่องคนตลอดเวลา คนต่อเนื่องจนส่วนผสมรวมตัวกันเป็นเนื้อโลชั่นเนียนเข้ากัน
- เติม Phenoxyethanol SA ลงไป คนให้เข้ากัน
- วัดค่า pH ของโลชั่น ควรอยู่ในช่วง 3-7 เพื่อประสิทธิภาพของ Vitamin B3 และ Glucosamine หากค่า pH สูงเกินไป (โดยเฉพาะเมื่อเวลาผ่านไปเนื่องจาก Urea อาจทำให้ pH สูงขึ้น) อาจพิจารณาปรับลด pH ด้วยกรดอ่อนๆ เช่น Lactic Acid หรือ Citric Acid เล็กน้อย
ข้อควรทราบเพิ่มเติม
- สารสกัดชาเขียว (Green Tea Extract): คุณสมบัติของสารสกัดชาเขียวบางชนิดอาจไม่เสถียรเมื่อใช้ร่วมกับ Vitamin E ในสูตรเดียวกัน และอาจทำให้สีเปลี่ยนได้ เพื่อให้สูตรนี้ทำได้ง่ายและเสถียร จึงไม่ได้รวมสารสกัดชาเขียวไว้ในสูตรแนะนำนี้ค่ะ หากต้องการใช้สารสกัดชาเขียวจริงๆ อาจต้องพิจารณาเลือกชนิดที่เสถียร หรือปรับสูตรและวิธีการผสมเพิ่มเติมค่ะ
- ความเสถียรของ Urea: Urea มีแนวโน้มที่จะทำให้ค่า pH ของสูตรสูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งอาจส่งผลต่อความเสถียรและประสิทธิภาพของสารออกฤทธิ์อื่นๆ เช่น Vitamin B3 และ Glucosamine หากต้องการความเสถียรระยะยาว ควรพิจารณาเพิ่มสารช่วยควบคุม pH เช่น Gluconolactone และ Triacetin ในปริมาณเล็กน้อยตามคำแนะนำของสารนั้นๆ หรือหมั่นวัดและปรับ pH ของโลชั่นเป็นระยะค่ะ
- การชั่งส่วนผสมให้แม่นยำเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสและประสิทธิภาพตามที่ต้องการ
- หากต้องการผลิตเพื่อจำหน่าย ควรทำการทดสอบความคงตัว (Stability Test) และการทดสอบประสิทธิภาพของสารกันเสีย (Challenge Test) เพื่อความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Vitamin E (Tocopheryl Acetate)

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Jojoba Oil (Golden - Deodorized)

GlucoBright™ (Acetyl Glucosamine)

Squalane (Olive)

Light Cream Maker™

Urea (High Purity, Cosmetics, Powder)
