สูตร Copper Peptide Serum สารนำพา และการใช้ร่วมกับวิตามินซี

สวัสดีค่ะ ขอบคุณสำหรับคำถามนะคะ เข้าใจเลยค่ะว่าเป็นมือใหม่แล้วอยากดูแลผิวอย่างจริงจัง ยินดีให้คำแนะนำค่ะ

จากสูตร Copper Peptide serum ที่แจ้งมาและคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ สามารถสรุปและให้คำแนะนำเพิ่มเติมได้ดังนี้ค่ะ

1. สูตร Copper Peptide Serum ที่เสนอมาใช้ได้หรือไม่ และจำเป็นต้องใช้สารนำพาไหม?

• สูตร: สูตรที่คุณแจ้งมาสามารถผสมได้ค่ะ
• สารกันเสีย: เจ้าหน้าที่แนะนำให้เปลี่ยนจาก Phenoxyethanol 0.5% เป็น Phenoxyethanol SA (Optiphen Plus) 1% แทน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกันเสียและลดโอกาสการระคายเคืองผิวค่ะ
• สารนำพา: จำเป็นต้องใช้สารนำพาค่ะ เพื่อช่วยให้ Copper Peptide และส่วนผสมอื่นๆ ซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะหลังทำ Dermaroller ที่ผิวอาจมีการซึมผ่านได้ดีขึ้นอยู่แล้ว การใช้สารนำพาที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากส่วนผสมค่ะ

2. แนะนำสารนำพาตัวไหนและกี่เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด?

• เจ้าหน้าที่แนะนำให้ใช้ Laurocapram (Azone) ในอัตราส่วน 2% เป็นสารนำพาในสูตร Copper Peptide serum ค่ะ

ดังนั้น สูตร Copper Peptide serum ที่ปรับปรุงตามคำแนะนำจะเป็นประมาณนี้ค่ะ (ปรับสัดส่วนน้ำกลั่นลงตามส่วนผสมที่เพิ่มเข้ามา)

• น้ำกลั่น: 92.5%
• Hyaluronic Standard: 0.5%
• Hyaluronic Nano: 0.5%
• Copper Peptide (GHK-Cu): 3%
• Phenoxyethanol SA (Optiphen Plus): 1%
• Laurocapram (Azone): 2%
• (รวมทั้งหมด 100%)*

3. หากใช้ Copper Peptide ร่วมกับวิตามินซี โดยทาห่างกัน 1 ชั่วโมง จะโอเคไหม?

• ได้ค่ะ การทา Copper Peptide และ Vitamin C แยกกันคนละช่วงเวลา โดยเว้นระยะห่างกันประมาณ 1 ชั่วโมง เป็นวิธีที่ถูกต้องและสามารถทำได้ ไม่มีปัญหาค่ะ การแยกใช้จะช่วยให้ส่วนผสมแต่ละตัวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยไม่รบกวนกันค่ะ

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์นะคะ หากมีคำถามเพิ่มเติม ถามได้เลยค่ะ