สูตร Glycolic Acid สำหรับรักษาฝ้า: ค่า pH เนื้อสัมผัส และส่วนผสม
คำถาม
กำลังพัฒนาสูตรสำหรับรักษาฝ้า โดยใช้ส่วนผสมดังนี้:
- Glycolic Acid
- Aloe Vera Extract (10:1) 3%
- น้ำผึ้ง
- น้ำ
- สารสกัดใบบัวบก (Centella Asiatica Extract) (ประมาณ 3%)
มีคำถามเกี่ยวกับสูตรนี้ดังนี้:
- ส่วนผสมเหล่านี้เหมาะสมสำหรับการรักษาฝ้า โดยเน้นการผลัดเซลล์ผิวและการปลอบประโลมผิวหรือไม่?
- การใช้น้ำผึ้งเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงผิวเหมาะสมหรือไม่? ควรผสมอย่างไร?
- Aloe Vera Extract (10:1) 3% เพียงพอที่จะสร้างเนื้อเจลได้หรือไม่? ถ้าไม่ ควรใช้สารก่อเจลชนิดใดและในปริมาณเท่าใด?
- ค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับ Glycolic Acid เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิวพร้อมทั้งลดการระคายเคืองคือเท่าใด?
- การเพิ่มสารสกัดใบบัวบก (Centella Asiatica Extract) มีประโยชน์สำหรับสูตรประเภทนี้หรือไม่?
คำตอบ
การผสมสูตรเพื่อรักษาฝ้าด้วย Glycolic Acid
จากคำถามของคุณและการพูดคุยที่ผ่านมา นี่คือรายละเอียดเกี่ยวกับสูตรและส่วนผสมสำหรับการรักษาฝ้า โดยเน้นการผลัดเซลล์ผิวและการปลอบประโลมผิว:
1. ความเหมาะสมของสูตรที่เสนอ
การผสมผสานระหว่าง Glycolic Acid สำหรับการผลัดเซลล์ผิว ร่วมกับ Aloe Vera Extract, น้ำผึ้ง และน้ำ เป็นพื้นฐานที่เหมาะสมสำหรับสูตรรักษาฝ้าที่เน้นการผลัดเซลล์ผิว การเพิ่มสารสกัดใบบัวบก (Centella Asiatica Extract) ตามที่คุณได้สอบถามเพิ่มเติม จะช่วยเสริมประสิทธิภาพของสูตรโดยให้คุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งเป็นประโยชน์เมื่อใช้สารผลัดเซลล์ผิวอย่าง Glycolic Acid
2. การใช้น้ำผึ้งเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงผิว
ใช่ การใส่น้ำผึ้งมีความเหมาะสม น้ำผึ้งมีคุณสมบัติเป็น Humectant ช่วยดึงและกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว และยังให้ประโยชน์ในการบำรุงผิวด้วย ตามคำแนะนำ ควรละลายน้ำผึ้งในน้ำอุ่นเล็กน้อยก่อนนำไปผสมกับส่วนผสมอื่น ๆ เพื่อรักษาสารสำคัญที่เป็นประโยชน์
สำหรับการทำเครื่องสำอาง การใช้ส่วนผสมเกรดเครื่องสำอาง เช่น Honey Extract (Water-Dispersible) จะมีความเหมาะสม
3. เปอร์เซ็นต์ของ Aloe Vera และการทำเนื้อเจล
การใช้ Aloe Vera Extract อัตราส่วน 10:1 ที่ 3% เป็นความเข้มข้นที่ดีเพื่อให้ประโยชน์ในการปรับสภาพผิวและปลอบประโลมผิว อย่างไรก็ตาม ปริมาณ Aloe Vera Extract เพียงอย่างเดียวมักจะไม่เพียงพอที่จะสร้างเนื้อเจลได้ Aloe Vera Extract บางครั้งอาจทำให้ความหนืดของสูตรลดลงด้วยซ้ำ เนื่องจากมีอิเล็กโทรไลต์
เพื่อให้ได้เนื้อเจลตามต้องการ คุณจำเป็นต้องเพิ่มสารก่อเจล (Gelling Agent) โดยทั่วไป Pro Polymer (Gel Maker) เป็นส่วนผสมที่นิยมใช้เพื่อจุดประสงค์นี้ การเติม Pro Polymer ประมาณ 1% มักจะเพียงพอในการสร้างเนื้อเจล แต่ปริมาณที่แน่นอนอาจต้องปรับตามส่วนผสมอื่น ๆ ในสูตรของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีส่วนผสมที่มีอิเล็กโทรไลต์
4. ค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับการผลัดเซลล์ผิว
เพื่อให้ Glycolic Acid มีประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิว ค่า pH ของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปจะต้องเป็นกรด แม้ว่าค่า pH ที่ต่ำกว่าจะช่วยให้การผลัดเซลล์ผิวมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็เพิ่มโอกาสในการระคายเคืองด้วย โดยทั่วไป ค่า pH ที่ต่ำกว่า 3.0 ถือว่ามีความเป็นกรดสูงเกินไปสำหรับการใช้เองที่บ้าน และอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือแสบร้อนอย่างรุนแรงได้
เพื่อให้การผลัดเซลล์ผิวมีประสิทธิภาพพร้อมทั้งลดการระคายเคือง ค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับผลิตภัณฑ์ Glycolic Acid โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 3.0 ถึง 4.0 ประสิทธิภาพของ Glycolic Acid จะลดลงอย่างมากเมื่อค่า pH สูงกว่า 4.0 คุณจะต้องวัดค่า pH ของสูตรสำเร็จรูปและปรับหากจำเป็นโดยใช้สารปรับค่า pH ที่เหมาะสม
การเพิ่มสารสกัดใบบัวบก (Centella Asiatica Extract)
การเพิ่มสารสกัดใบบัวบกประมาณ 3% เป็นประโยชน์ สารสกัดอย่าง Centella Asiatica Extract (Madecassoside 90%) หรือ Pure-TECA™ Centella Asiatica Extract (TECA 95%, CICA) มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบและช่วยสมานผิว ซึ่งสามารถช่วยลดการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นจาก Glycolic Acid และสนับสนุนการฟื้นฟูผิว ทำให้เป็นส่วนผสมที่ดีที่จะเพิ่มในสูตรผลัดเซลล์ผิว
โดยสรุป สูตรที่คุณเสนอเป็นพื้นฐานที่ดี ควรให้ความสำคัญกับการควบคุมค่า pH สุดท้ายอย่างระมัดระวัง และพิจารณาเพิ่มสารก่อเจลอย่าง Pro Polymer (Gel Maker) เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่คุณต้องการ การใส่สารสกัดใบบัวบกก็เป็นกลยุทธ์ที่ดีในการจัดการกับการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้น
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Aloe Vera Extract (อัตราสกัด 10:1 FullAssay™)

Pro Polymer™ (Gel Maker)

Glycopure™ (Glycolic Acid (AHA) 100% Powder)

Centella Asiatica Extract (Madecassoside 90%)
