ส่วนประกอบสำหรับเครื่องกระจายกลิ่น ก้านไม้หอม สเปรย์ปรับอากาศ และชนิดของน้ำหอม
คำถาม
ส่วนประกอบที่จำเป็นสำหรับเครื่องพ่นอโรมา (แบบใช้เครื่อง), ก้านไม้หอม, และสเปรย์ปรับอากาศมีอะไรบ้าง และน้ำมันแต่งกลิ่นรส (Flavor), น้ำหอม (Fragrance), และน้ำมันหอมระเหย (Essential Oil) แตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกใช้ชนิดใดสำหรับผลิตภัณฑ์เหล่านี้?
คำตอบ
ส่วนประกอบสำหรับเครื่องพ่นอโรมา ก้านไม้หอม และสเปรย์ปรับอากาศ
นี่คือส่วนประกอบหลักที่ใช้สำหรับผลิตภัณฑ์กระจายกลิ่นหอมแต่ละประเภท พร้อมความแตกต่างระหว่างชนิดของน้ำหอมที่คุณสอบถามมาครับ
1. เครื่องพ่นอโรมา (สำหรับเครื่อง)
สำหรับเครื่องพ่นอโรมาที่ใช้น้ำและระบบอัลตราโซนิก ส่วนประกอบหลักที่คุณต้องใช้คือ:
- น้ำ: เป็นตัวทำละลายหลัก
- น้ำมันหอมระเหย (Essential Oil) หรือ น้ำหอม (Fragrance Oil): เพื่อให้กลิ่นหอม
- สารช่วยละลาย (Solubilizer): เนื่องจากน้ำมันไม่ละลายในน้ำ จึงต้องใช้สารช่วยละลายเพื่อช่วยกระจายน้ำมันให้เข้ากับน้ำได้ดี ตัวอย่างเช่น Flora Solve™ Clear, Ultra Solve™ หรือ Free Solve™
วิธีใช้คือ ผสมน้ำมันหอมระเหยหรือน้ำหอมเข้ากับสารช่วยละลายตามอัตราส่วนที่แนะนำของสารช่วยละลายก่อน จากนั้นจึงนำส่วนผสมนี้ไปเติมในน้ำสำหรับเครื่องพ่นอโรมา
2. ก้านไม้หอม (Reed Diffuser)
ก้านไม้หอมจะใช้ก้านไม้ดูดของเหลวที่มีกลิ่นหอมขึ้นมาและกระจายกลิ่นในอากาศ ส่วนประกอบหลักคือ:
- เบสออยล์ (Base Oil) หรือ ตัวทำละลาย: ของเหลวที่สามารถละลายน้ำหอมและนำพากลิ่นขึ้นไปตามก้านไม้ได้ดี Dipropylene glycol (DPG) เป็นเบสที่นิยมใช้สำหรับก้านไม้หอม เนื่องจากช่วยละลายน้ำหอมและควบคุมอัตราการระเหยของกลิ่นได้
- น้ำมันหอมระเหย (Essential Oil) หรือ น้ำหอม (Fragrance Oil): เพื่อให้กลิ่นหอม
ผสมน้ำมันหอมระเหยหรือน้ำหอมเข้ากับเบสออยล์โดยตรง อัตราส่วนอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของกลิ่นที่ต้องการ โดยทั่วไปจะใช้น้ำหอมประมาณ 10% ถึง 30% ในเบส
3. สเปรย์ปรับอากาศห้อง (Room Spray)
สเปรย์ปรับอากาศสามารถทำได้ทั้งแบบใช้น้ำเป็นเบส หรือใช้แอลกอฮอล์เป็นเบส:
สเปรย์ปรับอากาศแบบแอลกอฮอล์:
- เบสแอลกอฮอล์: สารละลายแอลกอฮอล์ ซึ่งมักมีส่วนผสมที่ช่วยตรึงกลิ่นให้อยู่ได้นานขึ้น ตัวอย่างเช่น 8 Hours Fragrance Spray Base (Musk-Free)
- น้ำหอม (Fragrance Oil) หรือ น้ำมันหอมระเหย (Essential Oil): เพื่อให้กลิ่นหอม
ผสมน้ำหอมเข้ากับเบสแอลกอฮอล์โดยตรง
สเปรย์ปรับอากาศแบบน้ำ:
- น้ำ: เป็นตัวทำละลายหลัก
- น้ำหอม (Fragrance Oil) หรือ น้ำมันหอมระเหย (Essential Oil): เพื่อให้กลิ่นหอม
- สารช่วยละลาย (Solubilizer): เพื่อช่วยให้น้ำหอมเข้ากับน้ำได้ดี สามารถใช้ Flora Solve™ Clear, Ultra Solve™ หรือ Free Solve™ ได้ นอกจากนี้ยังมี Spray Maker™ ที่ใช้สำหรับทำสเปรย์แบบอิมัลชัน
ผสมน้ำหอมหรือน้ำมันหอมระเหยเข้ากับสารช่วยละลายก่อน จากนั้นจึงนำไปเติมในน้ำ
4. ชนิดของน้ำหอม: Flavor, Fragrance, และ Essential Oil แตกต่างกันอย่างไร
น้ำมันทั้งสามประเภทนี้มีความแตกต่างกันในด้านส่วนประกอบและการใช้งานที่ตั้งใจไว้:
น้ำมันหอมระเหย (Essential Oils): เป็นน้ำมันธรรมชาติที่สกัดได้โดยตรงจากพืช (ดอกไม้ ใบ เปลือกไม้ ราก ฯลฯ) มีกลิ่นและคุณสมบัติเฉพาะตัวของพืชนั้นๆ และอาจมีคุณสมบัติทางบำบัดด้วย ใช้ในการบำบัดด้วยกลิ่น (aromatherapy) และน้ำหอมธรรมชาติ องค์ประกอบอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแหล่งพืชและวิธีการสกัด
น้ำหอม (Fragrance Oils): เป็นสารสังเคราะห์ หรือเป็นการผสมผสานระหว่างสารธรรมชาติและสารสังเคราะห์ที่สร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการ ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อใช้ให้กลิ่นหอมในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เทียน สบู่ น้ำหอม และเครื่องกระจายกลิ่น น้ำหอมมีกลิ่นให้เลือกหลากหลายมาก รวมถึงกลิ่นที่ไม่มีในธรรมชาติ และมักจะมีความเสถียรและสม่ำเสมอมากกว่าน้ำมันหอมระเหย โดยทั่วไปเหมาะสำหรับใช้ในเครื่องกระจายกลิ่นและสเปรย์ปรับอากาศ
น้ำมันแต่งกลิ่นรส (Flavor Oils): ถูกออกแบบมาเพื่อให้ "รสชาติ" เป็นหลัก สำหรับใช้ในอาหาร เครื่องดื่ม หรือผลิตภัณฑ์สำหรับริมฝีปาก น้ำมันเหล่านี้ถูกปรุงแต่งมาเพื่อให้ปลอดภัยสำหรับการบริโภค และไม่นิยมนำมาใช้เพื่อให้กลิ่นหอมในห้องหรือเครื่องกระจายกลิ่น การใช้น้ำมันแต่งกลิ่นรสในเครื่องกระจายกลิ่นหรือสเปรย์โดยทั่วไปไม่แนะนำ เนื่องจากไม่ได้มีไว้สำหรับการสูดดม
สำหรับเครื่องพ่นอโรมา ก้านไม้หอม และสเปรย์ปรับอากาศ ควรใช้ น้ำมันหอมระเหย (Essential Oils) หรือ น้ำหอม (Fragrance Oils) เลือกใช้ตามความชอบว่าต้องการกลิ่นธรรมชาติ (Essential Oils) หรือต้องการกลิ่นที่หลากหลาย อาจจะเข้มข้นหรือซับซ้อนกว่า (Fragrance Oils) หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันแต่งกลิ่นรสสำหรับวัตถุประสงค์เหล่านี้ครับ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Dipropylene glycol

Ultra Solve™

Spray Maker™

8 Hours Fragrance Spray Base (Musk-Free)
