ส่วนผสมสบู่เหลวและเครื่องมือผสมสำหรับผู้เริ่มต้น (Homogenizer vs Overhead Stirrer)

จากส่วนผสมที่ให้มาและข้อมูลที่มี สูตรนี้เป็นสบู่เหลวที่มีค่า pH สูง ซึ่งสร้างขึ้นจากการทำปฏิกิริยาสะปอนนิฟิเคชันของกรดไขมัน (Lauric Acid และ Myristic Acid) กับ Potassium Hydroxide ตามที่ระบุในการตอบกลับในฟอรัม สูตรที่มีค่า pH สูง (โดยทั่วไปสูงกว่า 7 มักจะประมาณ 8-10) อาจมีความรุนแรงต่อผิวมากกว่าสบู่เหลวที่มีค่า pH ต่ำกว่า

สูตรและวิธีการทำที่แน่นอนสำหรับสูตรนี้ไม่ได้ระบุไว้ในข้อความที่คุณให้มา

นี่คือการอธิบายหน้าที่ของส่วนผสมแต่ละตัวในสูตรประเภทนี้:

• Water (น้ำกลั่นบริสุทธิ์): ทำหน้าที่เป็นตัวทำละลายหลัก ช่วยละลายส่วนผสมอื่นๆ และเป็นฐานของสบู่เหลว
• Propylene Glycol (โพไพลีน ไกลคอล): ทำหน้าที่เป็นสารให้ความชุ่มชื้น (humectant) ช่วยรักษาความชุ่มชื้น เป็นตัวทำละลายช่วยละลายส่วนผสมและเพิ่มความคงตัว และช่วยลดความหนืดทำให้เนื้อครีมหรือเจลเรียบเนียนน่าใช้
• Lauric Acid: กรดไขมันอิ่มตัว เมื่อทำปฏิกิริยากับ Potassium Hydroxide จะเกิดเป็น Potassium Laurate ซึ่งเป็นสบู่ (สารลดแรงตึงผิว) ที่ช่วยทำความสะอาดและสร้างฟอง นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติต้านจุลชีพบางอย่าง
• Myristic Acid: กรดไขมันอิ่มตัวอีกชนิดหนึ่ง ทำปฏิกิริยากับ Potassium Hydroxide เพื่อสร้าง Potassium Myristate ซึ่งเป็นสบู่ที่ช่วยในการทำความสะอาดและช่วยสร้างฟองที่เข้มข้นและเนื้อสัมผัสที่เป็นครีม
• Potassium Hydroxide: สารเคมีที่เป็นด่างแก่ มีความสำคัญในกระบวนการสะปอนนิฟิเคชัน โดยทำปฏิกิริยากับกรดไขมัน (Lauric Acid และ Myristic Acid) เพื่อเปลี่ยนให้เป็นโมเลกุลสบู่ (Potassium Laurate และ Potassium Myristate) ปฏิกิริยานี้คือสิ่งที่สร้างฐานสบู่สำหรับโฟมล้างมือ
• Steareth-11: น่าจะเป็นสารลดแรงตึงผิวชนิดไม่มีประจุ (non-ionic surfactant) หรืออิมัลซิไฟเออร์ ช่วยในการผสมส่วนผสมที่ไม่เข้ากันตามธรรมชาติ (เช่น น้ำมันกับน้ำ) และอาจช่วยในการสร้างฟองหรือปรับสภาพผิว
• Fragrance: เพิ่มกลิ่นหอมให้กับโฟมล้างมือ
• o-Cymen-5-ol: ส่วนผสมนี้มักใช้เป็นสารต้านจุลชีพหรือสารกันเสีย เพื่อช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ยีสต์ และเชื้อราในผลิตภัณฑ์ ทำให้ผลิตภัณฑ์ปลอดภัยและมีอายุการเก็บรักษาที่ยาวนานขึ้น
• Tetrasodium EDTA: สารคีเลต (chelating agent) ช่วยจับกับไอออนของโลหะในน้ำ (เช่น แคลเซียมและแมกนีเซียม) ป้องกันไม่ให้รบกวนสารลดแรงตึงผิวและส่วนผสมอื่นๆ ช่วยรักษาความใส ความคงตัว และความสามารถในการสร้างฟองของสบู่ โดยเฉพาะในน้ำกระด้าง
• Polystyrene: ในสูตรเครื่องสำอาง Polystyrene สามารถใช้เป็นสารให้ความขุ่น (opacifying agent) เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ดูทึบแสงหรือเป็นน้ำนม หรือเป็นสารสร้างฟิล์มหรือปรับเนื้อสัมผัส
• Cl 45190: เป็นหมายเลขดัชนีสี (Color Index number) ซึ่งระบุถึงสีย้อมสังเคราะห์เฉพาะตัว ใช้เพื่อให้สีแก่โฟมล้างมือ โดยทั่วไป CI 45190 เป็นสีแดง

สำหรับคำถามเรื่องเครื่องมือผสม:

• เครื่องโฮโมจีไนเซอร์ (Homogenizer): ใช้แรงเฉือนสูงเพื่อสร้างส่วนผสมที่ละเอียดและสม่ำเสมอมาก มักใช้สำหรับอิมัลชัน (เช่น ครีมและโลชั่น) เพื่อให้มั่นใจในความคงตัวและเนื้อสัมผัสที่เรียบเนียน โดยทั่วไปทำงานด้วยความเร็วรอบที่สูงมาก
• เครื่องปั่น overhead stirrer: ให้การกวนเชิงกลด้วยความเร็วรอบที่หลากหลาย เหมาะสำหรับการผสมของเหลว การละลายผง และการสร้างสารแขวนลอยหรืออิมัลชันแบบง่าย

สำหรับการทำผลิตภัณฑ์อย่างเจล ครีม และสบู่ เครื่องปั่น overhead stirrer โดยทั่วไปก็เพียงพอแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเพิ่งเริ่มต้น ตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ คุณสามารถเริ่มต้นด้วยอุปกรณ์ที่ง่ายกว่า เช่น เครื่องปั่นอาหาร เพื่อฝึกฝนก่อนได้ เครื่องโฮโมจีไนเซอร์เป็นอุปกรณ์ที่เฉพาะทางและมีกำลังสูงกว่า ซึ่งจะเป็นประโยชน์สูงสุดเมื่อคุณต้องการอิมัลชันหรือสารแขวนลอยที่ละเอียดและคงตัวมากเป็นพิเศษ ซึ่งอาจจำเป็นสำหรับสูตรครีมขั้นสูงบางชนิด แต่โดยทั่วไปไม่จำเป็นสำหรับเจลหรือสบู่พื้นฐาน

เนื่องจากคุณเพิ่งเริ่มต้นทำผลิตภัณฑ์เพื่อขาย เครื่องปั่น overhead stirrer จะเป็นการลงทุนเริ่มต้นที่หลากหลายและคุ้มค่ากว่าเมื่อเทียบกับเครื่องโฮโมจีไนเซอร์ และเหมาะสำหรับประเภทผลิตภัณฑ์ที่คุณกล่าวถึง (เจล ครีม สบู่)