เซรั่มเปลี่ยนสี (Retinal) และการปรับปรุงสูตรสำหรับผิวแห้ง
คำถาม
หลังจากผสมเซรั่มเสร็จ ได้เนื้อเซรั่มข้นหนืดกำลังดี มีสีขาวแต่ไม่สนิท (เหลืองนิดๆ) เป็นที่น่าพอใจ ผ่านไปประมาณ 4 วันเริ่มสังเกตเห็นเซรั่มมีสีเหลืองเข้มขึ้น จนตอนนี้ผ่านไป 10 วันสีเหลืองเข้มขึ้นชัดเจนกลบสีขาวไปเกือบหมด อยากทราบว่าเป็นเพราะอะไรคะ ลักษณะขวดที่ใช้เป็นพลาสติกใส แต่เก็บไว้ในมุมอับแสง
ส่วนผสมในสูตรมีดังนี้:
- น้ำ: 72.8%
- B5: 2%
- B3: 2%
- Retinal: 0.1%
- Vitamin E: 0.3%
- Shea Butter Light Oil: 8%
- Cyclomethicone: 4%
- Silky Serum Base Plus: 10%
- Phenoxyethanol SA: 0.8%
คำถามค่ะ:
- จากสีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วมีสาเหตุอื่นนอกจากถูกแสงไหมคะ? จากสูตรมีอะไรที่เป็นสาเหตุได้ไหมคะ?
- จำเป็นต้องเปลี่ยนสารสร้างเนื้อเซรั่มจาก Silky Serum Base Plus ไปเป็น Satin Cream Maker ไหมคะ? เห็นว่า Satin Cream Maker เป็นที่นิยมกว่า Silky Serum
- มีน้ำมัน Shea Butter Light Oil ช่วยละลาย Retinal อยู่แล้ว จำเป็นต้องมี Flora Solve ไหมคะ?
- เซรั่มที่ได้มีกลิ่นแรงพอสมควร ถ้าไม่ต้องการใส่น้ำหอม มีสารดับกลิ่นที่ได้ผลดีไหมคะ? แนะนำด้วยค่ะ
- ช่วยแนะนำปรับเปลี่ยนสูตรให้เหมาะสมขึ้นด้วยค่ะ (สำหรับผิวแห้ง)
ขอบคุณค่ะ
คำตอบ
การเปลี่ยนสีของเซรั่มและการปรับปรุงสูตร
1. สาเหตุของการเปลี่ยนสี
เซรั่มของคุณมีสีเหลืองเข้มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่น่าจะเกิดจากการออกซิเดชันของ Retinal (Retinaldehyde) ซึ่งเป็นวิตามินเอที่มีประสิทธิภาพสูงแต่ไม่เสถียร และไวต่อแสงและอากาศ แม้จะเก็บไว้ในมุมอับแสง แต่การใช้ขวดพลาสติกใสทำให้เซรั่มสัมผัสกับแสงระหว่างการใช้งานและการจัดเก็บ ซึ่งเร่งการเสื่อมสภาพและทำให้สีเปลี่ยนไป แม้ว่าจะมี Vitamin E ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในสูตร แต่ความเข้มข้นอาจไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ Retinal คงตัวได้อย่างสมบูรณ์
2. การเปลี่ยนสารสร้างเนื้อเซรั่ม/ครีม
คุณสอบถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนจาก Silky Serum Base Plus เป็น Satin Cream Maker
- Silky Serum Base Plus เป็นเบสเซรั่มที่ให้เนื้อสัมผัสบางเบาและสามารถประสานน้ำมัน/ซิลิโคนในสูตรปัจจุบันของคุณได้ (Shea Butter Light Oil 8% + Cyclomethicone 4% + Silky Serum Base Plus 10% = รวมเฟสน้ำมัน/ซิลิโคน 22%)
- Satin Cream Maker เป็นสารสร้างเนื้อครีมที่ไม่ใช้ความร้อน ซึ่งสามารถรองรับเฟสน้ำมัน/ซิลิโคนในสูตรของคุณได้เช่นกัน (รองรับน้ำมันได้สูงสุด 25% และซิลิโคนสูงสุด 20%) และจะทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์ข้นขึ้นเป็นเนื้อครีม ซึ่งอาจเหมาะกับผิวแห้ง
การเปลี่ยนไปใช้ Satin Cream Maker จะทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์ของคุณเปลี่ยนจากเซรั่มเป็นครีม แต่จะ ไม่ ช่วยแก้ปัญหาความเสถียรของสีที่เกิดจากการออกซิเดชันของ Retinal โดยตรง การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับเนื้อผลิตภัณฑ์ที่คุณต้องการ
3. ความจำเป็นของ Flora Solve
Flora Solve Clear เป็นสารช่วยละลาย (Solubilizer) ที่ใช้สำหรับละลายน้ำหอมหรือน้ำมันหอมระเหยในสูตรที่เป็นเบสน้ำ โดยไม่ต้องใช้แอลกอฮอล์ สูตรของคุณไม่มีการเติมน้ำหอมหรือน้ำมันหอมระเหย Shea Butter Light Oil เป็นน้ำมันที่เข้ากันได้กับ Silky Serum Base Plus (หรือ Satin Cream Maker หากคุณเปลี่ยนไปใช้) ดังนั้น Flora Solve Clear จึงไม่จำเป็นสำหรับสูตรนี้
4. สารดับกลิ่น
หากเซรั่มมีกลิ่นแรง อาจมาจากวัตถุดิบบางชนิด โดยเฉพาะ Retinal หรือส่วนผสมอื่นๆ เนื่องจากคุณไม่ต้องการใส่น้ำหอม คุณสามารถพิจารณาใช้สารดับกลิ่นได้
- Odor-Kill ละลายน้ำได้ดี และมีประสิทธิภาพในการดูดซับกลิ่นจากส่วนผสมต่างๆ อย่างไรก็ตาม ควรทราบว่ามันสามารถดูดซับกลิ่นน้ำหอมได้ด้วย หากคุณตัดสินใจเติมน้ำหอมในภายหลัง
- Citromask ละลายในน้ำมัน/แอลกอฮอล์ได้ดี และมีประสิทธิภาพกับกลิ่นในกลุ่มกรดไขมัน (เช่น กลิ่นตัว) และกลิ่นบุหรี่
เลือกใช้ชนิดที่เหมาะสมที่สุดตามลักษณะกลิ่นที่คุณพบ
5. ข้อแนะนำในการปรับปรุงสูตรสำหรับผิวแห้งและความเสถียร
เพื่อปรับปรุงสูตรสำหรับผิวแห้งและแก้ปัญหาความเสถียรของสี:
- ป้องกันการเปลี่ยนสี:
- บรรจุภัณฑ์: ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดคือการใช้ ขวดทึบแสง เพื่อป้องกันเซรั่มจากแสง ขวดใสไม่เหมาะสำหรับสูตรที่มีส่วนผสมไวต่อแสง เช่น Retinal
- สารต้านอนุมูลอิสระ/สารช่วยคงตัว: เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระที่ออกแบบมาเพื่อช่วยคงตัว Retinal โดยเฉพาะ พิจารณาเพิ่ม Protec OX (ละลายในน้ำมัน) และ/หรือ ActiveProtec OX (ละลายในน้ำ) เนื่องจากสูตรของคุณเป็นอิมัลชันที่มีทั้งเฟสน้ำและน้ำมัน การใช้ทั้งสองชนิดอาจช่วยป้องกันได้ดีขึ้น
- สำหรับการป้องกันแสงเพิ่มเติม (หากไม่สามารถใช้ขวดทึบแสงได้ ซึ่งแนะนำอย่างยิ่ง) คุณสามารถเพิ่มสารดูดซับ UV เช่น Protec UV (ละลายในน้ำมัน) หรือ Protec SQ (ละลายในน้ำมัน และเป็น Singlet state quencher)
- Bakuchiol ก็มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความเสถียรให้กับ Retinal ได้
- เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับผิวแห้ง:
- เพิ่มเปอร์เซ็นต์ของ Shea Butter Light Oil หากสารสร้างเนื้อที่คุณเลือกใช้สามารถรองรับปริมาณน้ำมันที่สูงขึ้นได้
- พิจารณาเพิ่มสารให้ความนุ่มลื่น (emollients) หรือสารเคลือบผิว (occlusives) อื่นๆ ที่เหมาะกับผิวแห้ง
- หากคุณเปลี่ยนไปใช้ Satin Cream Maker เนื้อครีมที่ได้จะให้ความรู้สึกที่เข้มข้นและให้ความชุ่มชื้นมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผิวแห้ง
ตัวอย่างการปรับเปลี่ยนสูตรเบื้องต้น (เปอร์เซ็นต์ต้องมีการทดสอบ):
- ลดปริมาณน้ำลงเล็กน้อย เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับน้ำมัน/สารให้ความนุ่มลื่นอื่นๆ
- เพิ่มปริมาณ Shea Butter Light Oil หรือเพิ่มน้ำมัน/บัตเตอร์ชนิดอื่น
- เพิ่ม Protec OX (เช่น 0.05%) และ/หรือ ActiveProtec OX (เช่น 0.5-1%)
- (ทางเลือก หากไม่ได้ใช้ขวดทึบแสง) เพิ่ม Protec UV (เช่น 0.1%) และ/หรือ Protec SQ (เช่น 3-5%)
- (ทางเลือก) เพิ่ม Bakuchiol (เช่น 0.5-1%) เพื่อเสริมประสิทธิภาพและช่วยคงตัว
- หากเปลี่ยนไปใช้ Satin Cream Maker ให้ปรับเปอร์เซ็นต์ตามปริมาณเฟสน้ำมันทั้งหมด เพื่อให้ได้ความหนืดของครีมที่ต้องการ
ควรทำการทดสอบความเสถียรของสูตรที่ปรับเปลี่ยนแล้วเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าสีคงที่ตลอดอายุผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ.
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Panthenol (Vitamin B5, DL-Panthenol, Powder)

Vitamin E (dl-alpha tocopherol)

Cyclopentasiloxane (Low-Odor Cyclomethicone)

Satin Cream Maker™

Shea Butter Light Oil

Silky Serum Base Plus (Face/Eye, Oil)

Phenoxyethanol SA (eq. Optiphen Plus)

Retinal (Retinaldehyde)

Protec™ SQ

Odor-Kill™

Citromask™ สารดับกลิ่น จากธรรมชาติ

ActiveProtec™ OX
