เปรียบเทียบประสิทธิภาพเจลล้างหน้าทำเอง
คำถาม
รบกวนทาง staff ช่วยเปรียบเทียบประสิทธิภาพเจลล้างหน้า 2 สูตรนี้ทีครับ ในแง่ของ:
สูตร 1
- Sulfate Free Shampoo Base (pH 7, Clear, Foaming) 25.00%
- Mild Preserved Eco 1.00%
- Water 74.00%
สูตร 2
- Lauryl Glucoside 25.00%
- Cocamidopropyl Betaine 5.00%
- Lactic Acid 1.00%
- Mild Preserved Eco 1.00%
- Water 68.00%
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเหล่านี้:
- ประสิทธิภาพการทำความสะอาดผิวหน้า
- ความอ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย
- ฟองที่เกิดขึ้น
- ถ้าทาครีมกันแดดอย่างเดียว ไม่ได้แต่งหน้า เช่น Anessa สีทอง เจลล้างหน้าแค่นี้ (ทั้ง 2 สูตร) เอาออกได้หมดมั้ยครับ หรือต้องใช้ Cleansing water ก่อนอยู่ดี
คำตอบ
เปรียบเทียบประสิทธิภาพเจลล้างหน้า
จากการส่วนผสมที่ให้มา นี่คือการเปรียบเทียบเจลล้างหน้าทั้งสองสูตร:
1. ประสิทธิภาพการทำความสะอาดผิวหน้า
- สูตร 1: ใช้ Sulfate Free Shampoo Base ซึ่งเป็นเบสสำเร็จรูปสำหรับทำความสะอาด มีสารลดแรงตึงผิวชนิดอ่อนโยน เหมาะสำหรับการทำความสะอาดสิ่งสกปรก น้ำมัน และสิ่งเจือปนในชีวิตประจำวัน
- สูตร 2: ผสมระหว่าง Lauryl Glucoside (สารลดแรงตึงผิวชนิดไม่มีประจุที่อ่อนโยน) และ Cocamidopropyl Betaine (สารลดแรงตึงผิวชนิดแอมโฟเทอริกที่อ่อนโยน) Cocamidopropyl Betaine ช่วยจับกับน้ำมันและสิ่งสกปรก ในขณะที่ Lauryl Glucoside ช่วยเสริมการทำความสะอาด การผสมผสานนี้ให้ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดที่ดีสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน
ทั้งสองสูตรใช้ระบบสารลดแรงตึงผิวที่อ่อนโยน เหมาะสำหรับการทำความสะอาดผิวหน้า ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดพื้นฐานควรใกล้เคียงกัน
2. ความอ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย
- สูตร 1: Sulfate Free Shampoo Base ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าอ่อนโยนและไม่ระคายเคือง ปราศจากซัลเฟตซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ ค่า pH ของเบสอยู่ในช่วงที่เหมาะสมกับผิว (6.5-7.5)
- สูตร 2: Lauryl Glucoside ถูกอธิบายว่า "อ่อนโยนสูง" และเหมาะสำหรับผู้ที่ผิวแพ้ง่าย Cocamidopropyl Betaine ก็ถูกอธิบายว่าอ่อนโยนเช่นกัน การเติม Lactic Acid ในสูตร 2 ช่วยปรับค่า pH ของสูตร ซึ่งน่าจะช่วยลดค่า pH ของ Lauryl Glucoside ที่มีค่า pH สูงตามธรรมชาติ ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมกับผิวมากขึ้น (โดยทั่วไปคือ 5-6.5)
ทั้งสองสูตรถูกออกแบบมาให้มีความอ่อนโยนและเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย เนื่องจากเลือกใช้สารลดแรงตึงผิวชนิดอ่อนโยน และมีการปรับค่า pH ในสูตร 2
3. ฟองที่เกิดขึ้น
- สูตร 1: Sulfate Free Shampoo Base ถูกอธิบายว่าให้ "ฟองสูง หนา และคงตัว" คุณสามารถคาดหวังปริมาณฟองที่ดีและคงตัวจากสูตรนี้ได้
- สูตร 2: Lauryl Glucoside เพียงอย่างเดียวไม่ให้ฟองมากนัก อย่างไรก็ตาม มีการเติม Cocamidopropyl Betaine เพื่อช่วยสร้างฟองโดยเฉพาะ ซึ่งจะให้ "ฟองที่เนียนละเอียด" สูตรนี้จะให้ฟอง แต่ปริมาณอาจไม่มากเท่าและอาจคงตัวน้อยกว่าสูตร 1 แต่คุณภาพของฟอง (เนียนละเอียด) อาจเป็นที่ชื่นชอบของบางคน
4. การล้างครีมกันแดด (Anessa สีทอง)
เจลล้างหน้าชนิดอ่อนโยนทั้งสองสูตรนี้ไม่น่าจะสามารถล้างครีมกันแดดที่ติดทนและกันน้ำสูงอย่าง Anessa สีทอง ออกได้หมดในขั้นตอนเดียว Anessa สีทองมักมีส่วนผสมของสารกันแดดที่ละลายในน้ำมันและสารที่ช่วยสร้างฟิล์มเคลือบผิว ซึ่งจะล้างออกได้ดีที่สุดด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือคลีนซิ่งวอเตอร์/บาล์มโดยเฉพาะ
การใช้เจลล้างหน้าทั้งสองสูตรนี้หลังจากทา Anessa สีทอง อาจจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดขั้นตอนแรก เช่น คลีนซิ่งออยล์ บาล์ม หรือคลีนซิ่งวอเตอร์ (การล้างหน้าสองขั้นตอน) เพื่อให้แน่ใจว่าคราบครีมกันแดดถูกกำจัดออกหมด การใช้เพียงเจลล้างหน้าอย่างเดียวอาจทิ้งคราบตกค้างไว้บนผิว ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสิวอุดตัน หรือลดประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในขั้นตอนต่อไปได้
สรุปแล้ว ทั้งสองสูตรให้การทำความสะอาดที่อ่อนโยน เหมาะสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันและผิวแพ้ง่าย โดยสูตร 1 น่าจะให้ฟองมากกว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับการล้างครีมกันแดดที่ติดทนอย่าง Anessa สีทอง แนะนำให้ใช้วิธีการล้างหน้าสองขั้นตอน โดยเริ่มจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของน้ำมันก่อนใช้เจลล้างหน้าทั้งสองสูตรนี้
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Cocamidopropyl Betaine

Lauryl Glucoside

Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)
