เปรียบเทียบวิตามินซีอนุพันธ์: Ascorbyl Tetraisopalmitate vs Glucoside และความเข้ากันได้กับ Niacinamide/Zinc PCA
คำถาม
กรุณาเปรียบเทียบ Ascorbyl Tetraisopalmitate และ Ascorbyl Glucoside ในด้านประสิทธิภาพ ความรวดเร็วในการเห็นผล โอกาสในการระคายเคือง และความเหมาะสมสำหรับผิวแพ้ง่าย นอกจากนี้ โปรดอธิบายว่าทำไม Ascorbyl Tetraisopalmitate (และ Ascorbyl Glucoside) จึงไม่สามารถใช้ร่วมกับ Niacinamide และ Zinc PCA ในสูตรได้
คำตอบ
การเปรียบเทียบระหว่าง Ascorbyl Tetraisopalmitate และ Ascorbyl Glucoside
วิตามินซีทั้งสองชนิดนี้เป็นวิตามินซีรูปแบบเสถียรที่ใช้ในเครื่องสำอาง ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันดังนี้ค่ะ
Ascorbyl Tetraisopalmitate (วิตามินซีที่ละลายในน้ำมัน):
- ประสิทธิภาพ: มีประสิทธิภาพสูงเทียบเท่า L-Ascorbic Acid เป็นชนิดที่ละลายในน้ำมัน จึงสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ดีเยี่ยม (เนื่องจากผิวมีส่วนประกอบที่เป็นไขมัน) มีประสิทธิภาพในการช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดความเสียหายจากรังสี UV เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว
- ความรวดเร็ว: เนื่องจากซึมเข้าสู่ผิวได้ดี อาจเห็นผลได้ค่อนข้างเร็ว
- การระคายเคือง: โดยทั่วไปถือว่าระคายเคืองน้อยกว่าวิตามินซีชนิดที่ละลายในน้ำและมีความเป็นกรด จึงเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายมากกว่า
- ความเสถียร: มีความเสถียรสูง
- ค่า pH ที่เหมาะสม: ควรใช้ในสูตรที่มีค่า pH 5.0-5.5
Ascorbyl Glucoside (วิตามินซีที่ละลายในน้ำ):
- ประสิทธิภาพ: มีประสิทธิภาพสูงในการช่วยให้ผิวกระจ่างใสและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นอนุพันธ์ที่เสถียรซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็น L-Ascorbic Acid ในผิวหนัง ทำให้มีการปลดปล่อยวิตามินซีอย่างต่อเนื่อง
- ความรวดเร็ว: มีการซึมเข้าสู่ผิวและเปลี่ยนรูปอย่างต่อเนื่องในผิวหนัง
- การระคายเคือง: เป็นรูปแบบที่เสถียร จึงระคายเคืองน้อยกว่า L-Ascorbic Acid บริสุทธิ์ แต่ค่า pH ที่เหมาะสมในการใช้ (6.5-6.8) สูงกว่าค่า pH ตามธรรมชาติของผิวเล็กน้อย ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองเล็กน้อยในผู้ที่มีผิวบอบบางมาก เมื่อเทียบกับชนิดที่ละลายในน้ำมัน
- ความเสถียร: เสถียรปานกลาง ต้องควบคุมค่า pH (6.5-6.8) อย่างระมัดระวังเพื่อให้มีความเสถียรสูงสุด
- ค่า pH ที่เหมาะสม: ควรใช้ในสูตรที่มีค่า pH 6.5-6.8
สรุปสำหรับคำถามที่ 1: โดยทั่วไป Ascorbyl Tetraisopalmitate มีการซึมเข้าสู่ผิวที่ดีกว่า และมักถูกแนะนำสำหรับผิวแพ้ง่าย เนื่องจากมีโอกาสระคายเคืองต่ำกว่าและมีค่า pH ที่เหมาะสมใกล้เคียงกับ pH ตามธรรมชาติของผิว ทั้งสองชนิดมีประสิทธิภาพสูงในการช่วยให้ผิวกระจ่างใสและกระตุ้นคอลลาเจน แต่ด้วยคุณสมบัติที่ละลายในน้ำมันของ Ascorbyl Tetraisopalmitate อาจทำให้เห็นผลได้ชัดเจนหรือเร็วกว่าเล็กน้อยสำหรับบางคนค่ะ
การเข้ากันไม่ได้กับ Niacinamide และ Zinc PCA
สำหรับคำถามข้อที่สอง ข้อมูลผลิตภัณฑ์สำหรับ Perfect-C™ (Ascorbyl Tetraisopalmitate) ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า "ห้ามใช้ร่วมกับ Vitamin B3 [Niacinamide], Zinc PCA ในสูตร"
ในทำนองเดียวกัน ข้อมูลสำหรับ Ascorbyl Glucoside (AA-2G) ก็แนะนำว่าไม่ควรใช้ร่วมกับ Niacinamide (Safe-B3) หรือ Zinc PCA โดยระบุว่าส่วนผสมเหล่านี้ "จะส่งผลต่อความเสถียรของ AA-2G"
เหตุผลหลักของความเข้ากันไม่ได้นี้เกี่ยวข้องกับ ความเสถียรของสูตร การผสมส่วนผสมเหล่านี้เข้าด้วยกันอาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่น:
- ความขัดแย้งของค่า pH: ส่วนผสมแต่ละชนิดมีช่วงค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับความเสถียรและประสิทธิภาพ (Ascorbyl Tetraisopalmitate 5.0-5.5, Ascorbyl Glucoside 6.5-6.8, Niacinamide 4.0-7.0, Zinc PCA 4-6) เป็นเรื่องยากที่จะหาค่า pH เดียวที่ทำให้ส่วนผสมทั้งหมดมีความเสถียรและมีประสิทธิภาพพร้อมกันได้
- การเสื่อมสภาพของส่วนผสม: การมีอยู่ของ Niacinamide และ/หรือ Zinc PCA สามารถเร่งการเสื่อมสภาพของอนุพันธ์วิตามินซี ทำให้ประสิทธิภาพลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
- โอกาสในการเกิด Niacin: แม้จะพบน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ L-Ascorbic Acid แต่การทำปฏิกิริยาอาจนำไปสู่การก่อตัวของ Niacin (Nicotinic Acid) จาก Niacinamide ที่ค่า pH บางค่า ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการหน้าแดงและระคายเคืองผิวได้
ดังนั้น เพื่อให้มั่นใจในความเสถียรและประสิทธิภาพของสูตร และลดโอกาสการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้น จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ Ascorbyl Tetraisopalmitate (หรือ Ascorbyl Glucoside) ร่วมกับ Niacinamide และ Zinc PCA ในผลิตภัณฑ์เดียวกันค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)

Zinc PCA

Ascorbyl Glucoside (AA-2G Stabilized Vitamin C)
