เปรียบเทียบสารนำพาสารเข้าสู่ผิว: Phospholipid vs. Cosmoperine®
คำถาม
ช่วยอธิบายความแตกต่างระหว่าง Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) และ Cosmoperine® (Tetrahydropiperine) เมื่อใช้เป็นสารนำพาสารเข้าสู่ผิวในสูตรเครื่องสำอางได้หรือไม่คะ อยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับ:
- กลไกการทำงานของแต่ละชนิด
- ประโยชน์เพิ่มเติมอื่นๆ ที่มี (นอกเหนือจากการช่วยนำพาสาร)
- ข้อกำหนดในการใช้งาน รวมถึงการละลายและวิธีการผสม
- อัตราการใช้ที่แนะนำ
- ประเภทของสูตรที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละชนิด
- สามารถใช้ทดแทนกันได้หรือไม่ หรือเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างไร
คำตอบ
การเปรียบเทียบระหว่าง Phospholipid และ Cosmoperine® (Tetrahydropiperine) ในฐานะสารนำพาสารเข้าสู่ผิว
คุณกำลังพิจารณาเลือกระหว่าง Phospholipid และ Cosmoperine® เพื่อใช้ในสูตรของคุณเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการนำพาสารเข้าสู่ผิว แม้ว่าทั้งสองชนิดจะทำหน้าที่นี้ได้ แต่ก็มีคุณสมบัติและกลไกการทำงานที่แตกต่างกัน ทำให้เหมาะสำหรับสูตรประเภทต่างๆ และผลลัพธ์ที่ต้องการที่แตกต่างกันไป
นี่คือข้อแตกต่างระหว่างสารทั้งสอง:
Phospholipid (Hydrogenated Lecithin)
- กลไกการทำงาน: Phospholipid ซึ่งได้มาจากแหล่งธรรมชาติ เช่น เลซิตินจากถั่วเหลือง ทำงานโดยการสร้างโครงสร้างที่เรียกว่าไลโปโซม โครงสร้างเหล่านี้สามารถห่อหุ้มสารออกฤทธิ์และช่วยให้ซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การศึกษาแสดงให้เห็นว่าสามารถปรับปรุงการดูดซึมเข้าสู่ชั้นหนังกำพร้า (epidermis) และชั้นหนังแท้ (dermis) ได้อย่างมีนัยสำคัญ
- ประโยชน์เพิ่มเติม: นอกเหนือจากการช่วยนำพาสารเข้าสู่ผิวแล้ว Phospholipid ยังมีประโยชน์สำคัญในการปรับสภาพผิว ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว เสริมสร้างเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ และสามารถลดการระคายเคืองได้ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของสารลดการระคายเคืองอื่นๆ ได้อีกด้วย
- การใช้งานและการละลาย: Phospholipid เป็นผงที่ต้องกระจายตัวทั้งในส่วนของน้ำและส่วนของน้ำมันในสูตร ทำหน้าที่เป็นสารประสานเนื้อรอง (co-emulsifier) ซึ่งหมายความว่าทำงานได้ดีที่สุดเมื่อมีสารประสานเนื้อหลักอยู่ในสูตรด้วยเพื่อให้สูตรคงตัว การผสมต้องใช้เงื่อนไขเฉพาะ: กระจายตัวที่อุณหภูมิห้อง (ต่ำกว่า 40°C) และใช้เครื่องปั่นความเร็วสูง (อย่างน้อย 1000 รอบต่อนาที เป็นเวลา 15 นาที) เพื่อให้แน่ใจว่าเข้ากันได้ดีและเกิดไลโปโซม หลีกเลี่ยงการให้ความร้อนสูงกว่า 40°C ก่อนการกระจายตัว หรือสูงกว่า 80°C ในระหว่างกระบวนการทั้งหมด
- อัตราการใช้: โดยทั่วไปใช้อัตรา 0.5-3% ในสูตร ความเข้มข้นที่สูงขึ้นสามารถช่วยเพิ่มความหนืดของผลิตภัณฑ์ได้
- เหมาะสำหรับ: สูตรประเภทอิมัลชัน เช่น ครีมและโลชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องการประโยชน์ร่วมกันทั้งการนำพาสารที่ดีขึ้น การให้ความชุ่มชื้น และการเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว
Cosmoperine® (Tetrahydropiperine)
- กลไกการทำงาน: Cosmoperine® ซึ่งคือ Tetrahydropiperine ที่สกัดได้จากพริกไทยดำ ก็เป็นสารนำพาสารเข้าสู่ผิวเช่นกัน กลไกของมันถูกอธิบายว่าช่วยในการขนส่งสารต่างๆ เข้าสู่ผิว แม้ว่ารายละเอียดของกระบวนการ (เช่น การสร้างไลโปโซม) จะไม่ได้ระบุไว้ในรายละเอียดผลิตภัณฑ์
- ประโยชน์เพิ่มเติม: หน้าที่หลักที่อธิบายไว้คือการนำพาสารเข้าสู่ผิว ไม่ได้ให้ประโยชน์ในการปรับสภาพผิวในลักษณะเดียวกับ Phospholipid
- การใช้งานและการละลาย: Cosmoperine® เป็นผงสีขาวที่ต้องละลายในตัวทำละลายเฉพาะ เช่น Propylene Glycol, Fractionated Coconut Oil หรือ Glycerin ก่อนนำไปผสมกับสูตรหลัก ควรเติมในขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการผลิตสูตรและปั่นให้เข้ากันอย่างสม่ำเสมอ เช่นเดียวกับ Phospholipid สารนี้ไวต่อความร้อนและไม่ควรสัมผัสกับอุณหภูมิสูงกว่า 40°C ในระหว่างการผสม หรือสูงกว่า 80°C โดยรวม
- อัตราการใช้: ใช้อัตราที่ต่ำมาก โดยทั่วไปคือ 0.01%
- เหมาะสำหรับ: ผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับตัวทำละลายที่ใช้ในการละลาย โดยหลักๆ คือเมื่อเน้นที่การเพิ่มประสิทธิภาพในการนำส่งสารออกฤทธิ์เข้าสู่ผิวเพียงอย่างเดียว
สามารถใช้ทดแทนกันได้หรือไม่?
ไม่ Phospholipid และ Cosmoperine® ไม่สามารถใช้ทดแทนกันได้อย่างสมบูรณ์ กลไกที่แตกต่างกัน ประโยชน์เพิ่มเติม ข้อกำหนดในการละลาย วิธีการผสม และอัตราการใช้ หมายความว่าการเลือกระหว่างสารทั้งสองขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของสูตรของคุณอย่างมาก รวมถึงประเภทของสารออกฤทธิ์ที่คุณใช้ ชนิดของเบสในสูตรที่ต้องการ (อิมัลชัน เซรั่ม ฯลฯ) และว่าคุณต้องการคุณสมบัติในการปรับสภาพผิวเพิ่มเติมที่ Phospholipid มีให้หรือไม่
โดยสรุป ให้เลือก Phospholipid หากคุณกำลังทำสูตรประเภทอิมัลชันและต้องการสารนำพาสารที่ให้ประโยชน์เพิ่มเติมในการให้ความชุ่มชื้น เสริมสร้างเกราะป้องกัน และลดการระคายเคืองด้วย เลือก Cosmoperine® หากเป้าหมายหลักของคุณคือการเพิ่มประสิทธิภาพในการนำพาสารในเบสประเภทต่างๆ และคุณต้องการใช้อัตราที่ต่ำมาก
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Phospholipid
