เปรียบเทียบสารสกัดสาหร่ายวากาเมะและ DMAE สำหรับผิวกระชับและใช้ใต้ตา
คำถาม
กำลังพัฒนาสูตร ครีม ที่ตั้งใจจะใช้ได้ทั้งบริเวณ ผิวหน้า และ ใต้ตา ต้องการใช้ สารสกัดสาหร่ายวากาเมะ หรือ DMAE เพื่อประโยชน์ในการช่วยให้ ผิวเต่งตึง และ ลดริ้วรอย
อยากทราบถึงความแตกต่างในกระบวนการทำงาน/กลไกการทำงาน และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะเรื่อง การระคายเคืองผิว สารตัวไหนที่เหมาะสมและปลอดภัยกว่าสำหรับการใช้บริเวณ ใต้ตา ที่บอบบางคะ? นอกจากนี้ มีแผนจะใส่ส่วนผสมอื่นๆ ดังนี้ในสูตร: Genistein, Natto Gum, Aloe vera, และ Centella Asiatica อยากทราบว่าส่วนผสมเหล่านี้เข้ากันได้กับ สารสกัดสาหร่ายวากาเมะ หรือไม่คะ?
คำตอบ
Thai Answer:
ตามข้อมูลที่ได้รับ สำหรับครีมที่ต้องการใช้ได้ทั้งผิวหน้าและใต้ตา สารสกัดสาหร่ายวากาเมะ เป็นตัวเลือกที่แนะนำมากกว่า DMAE ค่ะ
เหตุผลคือ:
- ทั้งสารสกัดสาหร่ายวากาเมะและ DMAE ให้ประโยชน์ที่คล้ายคลึงกันในการช่วยให้ผิวกระชับและลดริ้วรอย
- อย่างไรก็ตาม DMAE มีประวัติที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวได้ โดยเฉพาะในผู้ที่ไม่เคยใช้มาก่อน
- สารสกัดสาหร่ายวากาเมะถือว่าปลอดภัยกว่าสำหรับผิวบอบบางใต้ตา เนื่องจากมีความเสี่ยงในการระคายเคืองต่ำกว่า
- ส่วนผสมอื่นๆ ที่คุณมี (Genistein, Natto Gum, Aloe vera, Centella Asiatica) สามารถใช้ร่วมกับสารสกัดสาหร่ายวากาเมะได้ตามปกติค่ะ
การเลือกใช้สารสกัดสาหร่ายวากาเมะจะช่วยให้คุณได้ครีมที่เหมาะสำหรับทาใต้ตาได้ด้วย พร้อมทั้งยังคงให้ประโยชน์เรื่องความกระชับและลดริ้วรอย และเข้ากันได้ดีกับส่วนผสมอื่นๆ ที่คุณเลือกไว้ค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Aloe Vera Extract (อัตราสกัด 10:1 FullAssay™)

Centella Asiatica Extract (Madecassoside 7%, Liquid)

Soy Extract (Isoflavones / Genistein)

Natto Gum (Nutto Gum)

DMAE (SkinTight MD™) Liquid
