เปรียบเทียบและดูความเข้ากันของ Repair Activator และ Niacinamide ในเซรั่ม
คำถาม
ปัจจุบันดิฉันใช้เซรั่มลดริ้วรอยที่มีส่วนผสมดังนี้ค่ะ:
- Pep®-Coll
- Argireline®
- Dmae
- Soy extract
- Apple stem coll
- Beta glocan
- L -tyrosine
- B5
อยากทราบความแตกต่างระหว่าง Repair Activator และ Pro-Niacin (ซึ่งเข้าใจว่าเป็น Niacinamide) ค่ะ
Repair Activator และ Pro-Niacin มีความคล้ายคลึงหรือซ้ำซ้อนกันหรือไม่? สามารถใช้ร่วมกันในสูตรเซรั่มแบบที่ใช้อยู่ได้ไหมคะ?
คำตอบ
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Repair Activator และ Pro-Niacin (Niacinamide)
จากข้อมูลที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ Pro-Niacin ขณะนี้ไม่มีจำหน่ายปลีกแล้ว มีจำหน่ายเฉพาะสำหรับโรงงานผลิตเครื่องสำอางเท่านั้น ดังนั้น คุณจะไม่สามารถนำมาใช้ในการผสมสูตรของคุณเองได้ในขณะนี้ค่ะ
สำหรับคำถามของคุณเกี่ยวกับความคล้ายคลึงและความซ้ำซ้อนที่อาจเกิดขึ้นระหว่าง Repair Activator และ Pro-Niacin (ซึ่งน่าจะหมายถึง Niacinamide หรือวิตามินบี 3) จริงๆ แล้วส่วนผสมทั้งสองมีหน้าที่หลักที่แตกต่างกันในการดูแลผิวค่ะ:
Repair Activator (มีส่วนประกอบของ Bifida Ferment Lysate) เน้นที่การช่วยกระบวนการซ่อมแซม DNA ตามธรรมชาติของผิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้รับความเสียหายจากแสงแดด (UV) ช่วยสนับสนุนความสามารถของผิวในการฟื้นฟูและรักษาสุขภาพในระดับเซลล์
Niacinamide (วิตามินบี 3) มีประโยชน์หลากหลาย เช่น เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว, ลดรอยแดงและจุดด่างดำ, เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว, ช่วยให้รูขุมขนดูเล็กลง, ควบคุมความมัน และมีส่วนช่วยในการต่อต้านริ้วรอยโดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเซราไมด์
เนื่องจากกลไกการทำงานและประโยชน์ของทั้งสองส่วนผสมมีความแตกต่างกัน การใช้ทั้ง Repair Activator และ Niacinamide ในสูตรเดียวกันจึงไม่ถือว่าซ้ำซ้อน แต่จะช่วยเสริมประโยชน์ซึ่งกันและกันเพื่อสุขภาพผิวโดยรวมและการต่อต้านริ้วรอย Repair Activator ทำงานที่การซ่อมแซมระดับเซลล์ ในขณะที่ Niacinamide ดูแลเรื่องเกราะป้องกันผิว สีผิว ความเรียบเนียน และสัญญาณอื่นๆ ของความร่วงโรย
อย่างไรก็ตาม ตามที่เจ้าหน้าที่แจ้ง Pro-Niacin (Niacinamide) ไม่มีจำหน่ายปลีกค่ะ สูตรเซรั่มลดริ้วรอยที่คุณใช้อยู่ปัจจุบันมีส่วนผสมที่ดีเยี่ยมหลายตัวสำหรับการต่อต้านริ้วรอยอยู่แล้ว เช่น Pep®-Coll, Argireline®, Dmae, Soy extract, Apple stem cell, Beta glucan, และ L-tyrosine รวมถึง B5 (Panthenol) ที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น การใช้ Repair Activator ในสูตรนี้จะช่วยเสริมการทำงานโดยเฉพาะด้านการซ่อมแซม DNA ซึ่งเป็นประโยชน์สำคัญในการต่อต้านริ้วรอยค่ะ
หากในอนาคต Niacinamide กลับมามีจำหน่ายปลีก การเพิ่ม Niacinamide เข้าไปในสูตรปัจจุบันของคุณ รวมถึง Repair Activator ด้วย ก็มีแนวโน้มที่จะช่วยเสริมประสิทธิภาพโดยรวมของเซรั่มให้ดียิ่งขึ้น โดยเพิ่มประโยชน์เฉพาะตัวของ Niacinamide โดยไม่ซ้ำซ้อนกับ Repair Activator ค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Safe-B3™ (Vitamin B3, Niacinamide)
