เปรียบเทียบ Phospholipid (Liposome) กับ Nano Gold (Nanocarrier) ในการนำพาสารเข้าสู่ผิว
คำถาม
ขอสอบถามเกี่ยวกับตัวนำพาสารลงสู่ผิวค่ะ ระหว่าง Phospholipid กับ Nano Gold ตัวไหนจะช่วยนำพาได้ดีกว่ากันคะ
- เพราะ Phospholipid ก็มีลักษณะก่อตัวเป็น Liposome น่าจะซึมเข้าสู่ผิวได้ดี
- ส่วน Nano Gold ข้อมูลที่แจ้งหน้าเว็บก็น่าสนใจ แต่ราคาค่อนข้างสูง ถ้านำพาดีกว่าก็อาจจะเลือกใช้ค่ะ
แล้วที่แจ้งว่า Nano Colloidal Gold ชนิดที่จำหน่าย มีขนาดอยู่ในช่วง 1-50nm (นาโนเมตร) ก็จะส่งผลให้ขนาดของสารสกัดแต่ละตัวเล็กลง 1-50nm ตามไปด้วยใช่ไหมคะ
คำตอบ
เปรียบเทียบ: Phospholipid (Liposome) กับ Nano Gold (Nanocarrier) ในการนำพาสารเข้าสู่ผิว
คุณสอบถามเกี่ยวกับความแตกต่างของประสิทธิภาพในการนำพาสารเข้าสู่ผิวระหว่าง Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) และ Nano Gold (Colloidal Gold) รวมถึงสอบถามเพื่อความชัดเจนเกี่ยวกับขนาดของ Nano Gold ด้วย
ทั้ง Phospholipid (ที่รวมตัวเป็น Liposome) และ Nano Gold ถูกนำมาใช้เป็นระบบนำส่ง (delivery system) เพื่อช่วยเพิ่มการซึมผ่านของสารสำคัญเข้าสู่ผิว แต่ทำงานด้วยกลไกที่แตกต่างกันค่ะ
นี่คือการเปรียบเทียบและคำอธิบายเพิ่มเติม:
Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) - การรวมตัวเป็น Liposome
- Phospholipid เป็นส่วนประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์ เมื่อนำมาใช้ในสูตร สามารถรวมตัวกันเป็นโครงสร้างทรงกลมที่เรียกว่า Liposome
- Liposome มีโครงสร้างเป็นชั้นไขมันสองชั้น (lipid bilayer) ซึ่งสามารถห่อหุ้มสารสำคัญได้ทั้งที่ละลายในน้ำ (อยู่ภายในแกนกลาง) และที่ละลายในน้ำมัน (อยู่ภายในชั้นไขมัน)
- ช่วยเพิ่มการซึมผ่านเข้าสู่ผิวโดยการมีปฏิสัมพันธ์กับชั้นไขมันของผิว Liposome สามารถรวมตัวกับเยื่อหุ้มเซลล์ผิว หรือถูกดูดซึมเข้าสู่เซลล์ผิว เพื่อนำพาสารที่ห่อหุ้มอยู่เข้าสู่ผิวหรือผ่านชั้นผิวไป
- เป็นระบบนำส่งที่ได้รับการยอมรับและมีความหลากหลายในการใช้งาน
Nano Gold (Colloidal Gold) - Nanocarrier
- Nano Gold คืออนุภาคทองคำขนาดเล็กมากในระดับนาโนเมตร (ตามที่คุณกล่าวถึง คือ 1-50 นาโนเมตร สำหรับผลิตภัณฑ์ที่คุณอ้างอิง)
- อนุภาคทองคำขนาดนาโนเหล่านี้สามารถทำหน้าที่เป็น ตัวนำพา (carrier) โดยมีสารสำคัญเกาะติดอยู่ที่พื้นผิวหรือเกี่ยวข้องกับอนุภาคทองคำ
- ขนาดที่เล็กของ อนุภาคทองคำที่เป็นตัวนำพา เชื่อว่าช่วยอำนวยความสะดวกในการซึมผ่านของสารสำคัญที่เกี่ยวข้องผ่านชั้นหนังกำพร้า (stratum corneum) ซึ่งเป็นชั้นนอกสุดของผิว
การเปรียบเทียบ
- ทั้งสองมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการนำพาสารเข้าสู่ผิว แต่ใช้กลไกที่ต่างกัน Liposome มีปฏิสัมพันธ์กับโครงสร้างไขมันของผิว ในขณะที่ Nano Gold ใช้ประโยชน์จากขนาดที่เล็กของอนุภาคตัวนำพา
- ประสิทธิภาพของระบบใดระบบหนึ่งขึ้นอยู่กับสารสำคัญที่ต้องการนำพา สูตรโดยรวม และความลึกที่ต้องการให้สารซึมเข้าไปอย่างมาก ไม่สามารถบอกได้เสมอไปว่าตัวไหน "ดีกว่า" อีกตัวหนึ่งแบบตายตัว ทั้งสองอาจเหมาะสมกับสารสำคัญหรือการใช้งานที่แตกต่างกันไป
- โดยทั่วไป Liposome มีความหลากหลายในการห่อหุ้มสารสำคัญได้หลายชนิด ประสิทธิภาพของ Nano Gold ในฐานะตัวนำพาอาจขึ้นอยู่กับว่าสารสำคัญสามารถเกาะติดหรือเกี่ยวข้องกับอนุภาคทองคำได้ดีเพียงใด
เกี่ยวกับคำถามเรื่องขนาด:
- ข้อความที่ระบุว่า Nano Colloidal Gold มีขนาด 1-50 นาโนเมตร หมายถึงขนาดของ อนุภาคทองคำเอง ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวนำพา
- ไม่ได้หมายความว่า สารสำคัญที่ถูกนำพาโดย Nano Gold จะมีขนาดเล็กลงเหลือ 1-50 นาโนเมตรตามไปด้วย สารสำคัญยังคงมีขนาดโมเลกุลเดิมของมัน
- อนุภาค Nano Gold (1-50 นาโนเมตร) เป็นตัวนำพาสาร และเป็นขนาดที่เล็กของ ระบบนำพา นี้ (อนุภาคทองคำที่มีสารเกาะติด/เกี่ยวข้อง) ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการซึมผ่าน
สรุปคือ ทั้งสองเป็นระบบนำส่งที่มีประสิทธิภาพแต่ทำงานบนหลักการที่ต่างกัน การที่คุณสังเกตว่า Phospholipid รวมตัวเป็น Liposome นั้นถูกต้องตามกลไกของมัน ส่วน Nano Gold ใช้หลักการของอนุภาคขนาดนาโนเป็นตัวนำพา การเลือกระหว่างสองตัวนี้อาจขึ้นอยู่กับสารสำคัญที่คุณต้องการใช้ร่วมด้วยและผลลัพธ์ที่คาดหวัง นอกเหนือจากการพิจารณาเรื่องราคาค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง
