การเปรียบเทียบระหว่าง Wrinkle-Lax™ และ Argireline (Acetyl Hexapeptide-8)

คุณได้สอบถามเกี่ยวกับการเปรียบเทียบระหว่าง Wrinkle-Lax™ และ Argireline (Acetyl Hexapeptide-8) ว่าตัวไหนดีกว่า เห็นผลเร็วกว่า และระคายเคืองน้อยกว่า โดยอ้างอิงจากการพูดคุยก่อนหน้านี้ที่ทีมงานแจ้งว่ามีกลไกการทำงานต่างกัน

ตามที่ทีมงานได้กล่าวไว้ Wrinkle-Lax™ และ Argireline ทำงานผ่านกลไกทางชีววิทยาที่แตกต่างกันเพื่อลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ ทำให้การเปรียบเทียบโดยตรงว่าตัวไหน "ดีกว่า" หรือ "เร็วกว่า" เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก

• Wrinkle-Lax™ มีส่วนประกอบของ Steviol glycosides และทำงานโดยการกระตุ้นเอนไซม์ Acetylcholinesterase ซึ่งทำหน้าที่สลาย Acetylcholine ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ทำให้กล้ามเนื้อหดตัว การเพิ่มการสลาย Acetylcholine ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว จึงลดเลือนริ้วรอยได้
• Argireline (Acetyl Hexapeptide-8) เป็นเปปไทด์ที่ส่งผลต่อสัญญาณประสาทที่สั่งให้กล้ามเนื้อหดตัว ช่วยลดความเสถียรของ SNARE complex ซึ่งจำเป็นต่อการหลั่งสารสื่อประสาทอย่าง Acetylcholine ทำให้กล้ามเนื้อตึงตัวน้อยลงและลดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าได้

สารทั้งสองชนิดมีเป้าหมายในการคลายกล้ามเนื้อใบหน้าเพื่อลดริ้วรอยจากการเคลื่อนไหว (dynamic wrinkles) ข้อมูลจากการทดลองของแต่ละตัวให้ผลลัพธ์ที่ดี:

• การศึกษาใน Wrinkle-Lax™ พบว่าช่วยลดริ้วรอยได้เฉลี่ย 33.1% หลังจากใช้ความเข้มข้น 0.5% เป็นเวลา 14 วัน
• การศึกษาใน Argireline พบว่าช่วยลดริ้วรอยลึกได้เฉลี่ย 27% หลังจากใช้ความเข้มข้น 10% เป็นเวลา 30 วัน

สิ่งสำคัญคือ การทดลองเหล่านี้ใช้ความเข้มข้น ระยะเวลา และวิธีการวัดที่แตกต่างกัน ทำให้การเปรียบเทียบความเร็วหรือประสิทธิภาพโดยตรงจากตัวเลขเหล่านี้ไม่แม่นยำ

ในด้านการระคายเคือง ทั้งจากคำอธิบายผลิตภัณฑ์และความเห็นของทีมงานบ่งชี้ว่า สารทั้งสองชนิดโดยทั่วไปไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ต่อผิว (อย่างไรก็ตาม การแพ้เฉพาะบุคคลสามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งแตกต่างจากการระคายเคืองทั่วไป)

ตามที่ทีมงานได้ชี้แจงไว้ สารที่ทำงานโดยการคลายกล้ามเนื้อ เช่น Wrinkle-Lax™ และ Argireline จะมีประสิทธิภาพสูงสุดกับริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ซึ่งพบบ่อยในผู้สูงอายุ (โดยทั่วไปคือผู้ที่มีอายุมากกว่า 35 ปี) สำหรับผู้ที่อายุน้อยแต่มีริ้วรอย อาจเกิดจากสาเหตุอื่น และสารต่อต้านริ้วรอยประเภทอื่นอาจเหมาะสมกว่า

ท้ายที่สุด การเลือกระหว่างสองตัวนี้ หรืออาจใช้ร่วมกัน ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของการพัฒนาสูตร ความเข้มข้นที่ต้องการ และการตอบสนองของผิวแต่ละบุคคล เนื่องจากทำงานด้วยกลไกที่ต่างกัน การใช้ร่วมกันอาจให้ผลเสริมฤทธิ์กันได้ แต่ต้องมีการพัฒนาสูตรอย่างรอบคอบ