แนะนำสูตรทำน้ำหอมแบบฉีดกลิ่นดอกไม้ ให้หอมอ่อนๆ ติดทนนาน

ถามโดย: bjaa.208 เมื่อ: September 04, 2019 ประเภทผลิตภัณฑ์: เครื่องสำอาง

คำถาม

สวัสดีค่ะ. แนะนำสูตรในการทำน้ำหอมแบบฉีด โดยจะใช้น้ำมันหอมระเหยจากดอกไม้ มาเป็นส่วนผสมด้วย ควรใช้ตัวไหนบ้างและ สัดส่วนเท่าไหร่ ให้หอม ติดทน นาน มีความหอมอ่อนๆ ช่วยแนะนำหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ

คำตอบ

สวัสดีค่ะ นี่คือคำแนะนำเบื้องต้นในการทำน้ำหอมแบบฉีดโดยใช้น้ำมันหอมระเหยจากดอกไม้ เพื่อให้ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ และติดทนนานค่ะ

การทำน้ำหอมแบบฉีดกลิ่นดอกไม้

การทำน้ำหอมคือการผสมผสานส่วนประกอบที่มีกลิ่นหอมต่างๆ เพื่อสร้างสรรค์กลิ่นที่ลงตัวและติดทนนาน น้ำหอมแบบฉีดโดยทั่วไปประกอบด้วย น้ำมันหอมระเหย (ส่วนที่ให้กลิ่น), แอลกอฮอล์ (ช่วยละลายน้ำมันและกระจายกลิ่น) และบางครั้งก็มีน้ำเล็กน้อย

ส่วนประกอบและสัดส่วนเบื้องต้น

สัดส่วนที่เป็นจุดเริ่มต้นทั่วไปสำหรับน้ำหอมแบบฉีด (ความเข้มข้นแบบ Eau de Parfum) คือ:

  • ส่วนที่ให้กลิ่น (น้ำมันหอมระเหย/Absolute): 15-20%
  • แอลกอฮอล์ (Perfumer's Alcohol หรือ เอทานอลความบริสุทธิ์สูง): 70-80%
  • น้ำ (น้ำกลั่นหรือน้ำบริสุทธิ์): 5-10% (ไม่บังคับ อาจใช้เพื่อเจือจางได้)

สำหรับกลิ่นที่บางเบาลง (Eau de Toilette) อาจใช้ส่วนที่ให้กลิ่น 10-15% หากต้องการกลิ่นอ่อนๆ ให้เริ่มต้นที่เปอร์เซ็นต์ส่วนที่ให้กลิ่นที่ต่ำกว่า

การเลือกใช้น้ำมันหอมระเหยจากดอกไม้

เพื่อให้ได้กลิ่นที่ซับซ้อนและติดทนนาน นักปรุงน้ำหอมมักจะผสมผสานกลิ่นต่างๆ ที่เรียกว่า "โน้ต" (Notes):

  • Top Notes (กลิ่นแรก): กลิ่นบางเบาสดชื่นที่รับรู้ได้ทันทีแต่ระเหยเร็ว (เช่น กลิ่นซิตรัส สมุนไพรบางชนิด)
  • Middle Notes (Heart Notes หรือ กลิ่นกลาง): กลิ่นหลักของน้ำหอม ปรากฏขึ้นหลังจากกลิ่นแรกจางลง มักเป็นกลิ่นดอกไม้
  • Base Notes (กลิ่นฐาน): กลิ่นหนักแน่น ติดทนนานที่สุด และช่วยยึดกลิ่นที่เบากว่าไว้ (เช่น กลิ่นไม้ ยางไม้ ดอกไม้บางชนิด เช่น Jasmine Absolute)

สำหรับน้ำหอมกลิ่นดอกไม้ กลิ่นกลางจะเป็นส่วนสำคัญ เพื่อเพิ่มความลึกและติดทนนาน อาจเพิ่มกลิ่นฐานเข้าไปด้วย

นี่คือน้ำมันหอมระเหยจากดอกไม้บางส่วนที่คุณสามารถพิจารณาได้จากผลการค้นหา โดยแบ่งตามประเภทโน้ตทั่วไป:

  • Middle Notes (กลิ่นกลาง):
    • Rose Petal (กลีบกุหลาบ)
    • Rose Blossom (ดอกกุหลาบ)
    • Jasmine Petal (กลีบมะลิ)
    • Geranium (Pelargonium Bourboun) Oil (น้ำมันเจอเรเนียม)
    • Violet Flower (ดอกไวโอเล็ต)
    • White Orchid Leaf Oil (น้ำมันใบกล้วยไม้ขาว) (อาจเป็นกลิ่นกลางหรือฐานก็ได้)
  • Base Notes (กลิ่นฐาน) (อาจเป็นกลิ่นกลางด้วย):
    • Jasmine Grandiflorum Absolute (Absolute มะลิ Grandiflorum) (มักใช้เป็นกลิ่นกลางที่เข้มข้นหรือกลิ่นฐาน)
  • อื่นๆ (อาจเป็นกลิ่นเขียวๆ ของใบไม้ เป็นกลิ่นกลางหรือกลิ่นแรก):
    • Violet Leaf (ใบไวโอเล็ต)

แนวคิดการผสมผสานกลิ่นดอกไม้ตัวอย่าง

เพื่อให้ได้กลิ่นดอกไม้ที่สมดุล ลองผสมผสานดังนี้:

  • กลิ่นกลาง: ผสมผสานกลิ่นกุหลาบ (Rose Petal หรือ Rose Blossom), กลิ่นมะลิ (Jasmine Petal หรือ Absolute) และกลิ่นเจอเรเนียม (Geranium) กลิ่นเจอเรเนียมเข้ากันได้ดีกับกลิ่นกุหลาบและเพิ่มความรู้สึกเขียวๆ คล้ายกุหลาบเล็กน้อย
  • กลิ่นฐาน: เพิ่ม Jasmine Grandiflorum Absolute เล็กน้อยเพื่อเพิ่มความเข้มข้นและช่วยให้กลิ่นติดทนนาน
  • ไม่บังคับ: เพิ่ม Violet Leaf เพียงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความแตกต่างแบบเขียวๆ คล้ายแป้ง

ตัวอย่างสัดส่วนการผสม (ปรับเปลี่ยนตามความเข้มข้นและน้ำมันที่ต้องการ):

สมมติว่าคุณต้องการใช้น้ำมันหอมระเหยทั้งหมด 20 หยดสำหรับการทดลองทำปริมาณน้อย

  • Rose Petal / Rose Blossom: 8 หยด (กลิ่นดอกไม้หลัก)
  • Jasmine Petal: 5 หยด (เพิ่มความหวานและความลึก)
  • Geranium (Pelargonium Bourboun) Oil: 4 หยด (เสริมกลิ่นกุหลาบ เพิ่มความรู้สึกเขียว)
  • Jasmine Grandiflorum Absolute: 2 หยด (กลิ่นฐานเพื่อความติดทน)
  • Violet Leaf: 1 หยด (ไม่บังคับ สำหรับกลิ่นเขียว)

  • (รวม: 20 หยด)*

ผสมน้ำมันหอมระเหยเหล่านี้เข้าด้วยกันก่อน นี่คือหัวน้ำหอมของคุณ

วิธีการทำน้ำหอมแบบฉีด

  1. ตวงแอลกอฮอล์ (เช่น 8 มล. สำหรับปริมาณรวม 10 มล. หากต้องการความเข้มข้น 20%)
  2. เติมส่วนผสมน้ำมันหอมระเหย (2 มล. หรือ 20 หยดในตัวอย่างนี้) ลงในแอลกอฮอล์
  3. คนหรือแกว่งเบาๆ ให้เข้ากัน
  4. อาจเติมน้ำกลั่นเล็กน้อย (เช่น 1 มล.)
  5. เทใส่ขวดสเปรย์
  6. ปล่อยให้น้ำหอม "บ่ม" (age หรือ macerate) ในที่เย็นและมืด เป็นเวลาอย่างน้อยสองสามสัปดาห์ (ควรนานกว่านั้น เช่น หนึ่งหรือสองเดือน) เพื่อให้กลิ่นต่างๆ ผสมผสานและพัฒนาเข้าด้วยกัน

เคล็ดลับเพื่อความติดทนและกลิ่นที่อ่อนโยน

  • ใช้แอลกอฮอล์คุณภาพดี: Perfumer's alcohol เหมาะที่สุด เนื่องจากมีสารที่ช่วยไม่ให้กลิ่นเพี้ยน เอทานอลความบริสุทธิ์สูง (เช่น 95%) ก็ใช้ได้เช่นกัน
  • การบ่มเป็นสิ่งสำคัญ: การบ่มน้ำหอมช่วยให้กลิ่นผสมผสานและติดทนนานขึ้นอย่างมาก
  • กลิ่นฐานช่วยได้: การใส่กลิ่นฐาน เช่น Jasmine Absolute ช่วยให้น้ำหอมติดทนนานบนผิว
  • ปรับสัดส่วน: หากกลิ่นแรงเกินไป ให้เจือจางด้วยแอลกอฮอล์เพิ่ม หากกลิ่นไม่ติดทน ให้เพิ่มเปอร์เซ็นต์ส่วนที่ให้กลิ่นเล็กน้อย หรือเพิ่มกลิ่นฐาน หากกลิ่นไม่หอมดอกไม้พอ ให้เพิ่มกลิ่นกลาง
  • ความอ่อนโยน: หากต้องการกลิ่นที่อ่อนโยน ให้ใช้เปอร์เซ็นต์ส่วนที่ให้กลิ่นโดยรวมที่ต่ำลง (เช่น 10-15%) และเน้นใช้น้ำมันหอมระเหยดอกไม้ที่มีกลิ่นนุ่มนวล

การทดลองคือส่วนที่สำคัญที่สุดในการปรุงน้ำหอม! เริ่มต้นจากปริมาณน้อยๆ และปรับสัดส่วนจนกว่าคุณจะพบกลิ่นดอกไม้ที่อ่อนโยน ติดทนนาน และสมบูรณ์แบบสำหรับคุณค่ะ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

Rose Petal
Rose Petal
เครื่องสำอาง
Jasmine Petal
Jasmine Petal
เครื่องสำอาง
Geranium (Pelargonium Bourboun) Oil
Geranium (Pelargonium Bourboun) Oil
เครื่องสำอาง
Rose Blossom
Rose Blossom
เครื่องสำอาง
Violet Leaf
Violet Leaf
เครื่องสำอาง
Violet Flower
Violet Flower
เครื่องสำอาง
Jasmine Grandiflorum Absolute
Jasmine Grandiflorum Absolute
เครื่องสำอาง
White Orchid Leaf Oil
White Orchid Leaf Oil
เครื่องสำอาง