ข้อมูลเกี่ยวกับ Sucrose Cream Maker

สำหรับคำถามของคุณเกี่ยวกับ Sucrose Cream Maker และปัญหาที่พบเมื่อผสมกับ Satin Cream Maker มีข้อมูลดังนี้ครับ:

ความสามารถในการประสานน้ำมันของ Sucrose Cream Maker

รายละเอียดผลิตภัณฑ์ของ Sucrose Cream Maker ไม่ได้ระบุเปอร์เซ็นต์สูงสุดของน้ำมันที่สามารถประสานได้ โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้ในความเข้มข้น 2-4% ในฐานะอิมัลซิไฟเออร์ หรือ 3% เมื่อใช้เป็นอิมัลซิไฟเออร์เดี่ยวๆ ครับ

การปรับความข้นและการใช้สารเพิ่มความข้นร่วมกับ Sucrose Cream Maker

Sucrose Cream Maker มีคุณสมบัติที่ให้ความรู้สึกบางเบา ไม่เหนอะหนะ หากต้องการเพิ่มความหนืดให้กับตำรับที่ใช้ Sucrose Cream Maker โดยทั่วไปสามารถทำได้โดยการปรับความเข้มข้นของอิมัลซิไฟเออร์เองภายในช่วงที่แนะนำ (2-4%) หรือเพิ่มปริมาณส่วนของน้ำมันในตำรับ นอกจากนี้ ยังสามารถเติมสารเพิ่มความข้น (thickeners) เข้าไปในตำรับได้ครับ

แม้ว่ารายละเอียดผลิตภัณฑ์จะไม่ได้ระบุรายชื่อสารเพิ่มความข้นประเภทเจลที่เข้ากันได้โดยเฉพาะ แต่สารเพิ่มความข้นประเภทเจลที่ละลายในน้ำทั่วไป เช่น Carbomers, Acrylates copolymers, Xanthan Gum หรือ Sclerotium Gum มักถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มความหนืดในอิมัลชันชนิด O/W อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องทดสอบความเข้ากันได้และเนื้อสัมผัสที่ต้องการเมื่อเติมสารเพิ่มความข้นใดๆ ลงในตำรับของคุณครับ

ปัญหาการเป็นขุยเมื่อผสม Sucrose Cream Maker และ Satin Cream Maker

ปัญหาการเป็นขุยคล้ายขี้ไคลเมื่อทาครีมมักเกิดขึ้นเมื่อโพลิเมอร์หรือส่วนผสมชนิดต่างๆ ในตำรับเข้ากันไม่ได้ หรือเมื่อปริมาณของแข็งทั้งหมดในตำรับสูงเกินไป หรือเกิดจากลักษณะการแห้งตัวบนผิว Satin Cream Maker เป็นอิมัลซิไฟเออร์/สารเพิ่มความข้นประเภทโพลิเมอร์ (Sodium Acrylates Copolymer) ในขณะที่ Sucrose Cream Maker เป็นอิมัลซิไฟเออร์คนละชนิด (Sucrose Polystearate (and) Cetyl Palmitate) การผสมระบบอิมัลซิไฟเออร์หรือสารเพิ่มความข้นที่แตกต่างกันโดยไม่ได้ตรวจสอบความเข้ากันได้ อาจนำไปสู่ความไม่เสถียร การแยกชั้น หรือการเป็นขุยเมื่อทา เนื่องจากส่วนผสมต่างๆ มีปฏิกิริยาต่อกันหรือแห้งตัวบนพื้นผิวผิวแตกต่างกันไป โดยทั่วไปแล้ว แนะนำให้ใช้ระบบอิมัลซิไฟเออร์หลักเพียงชนิดเดียว หรือทำการทดสอบความเข้ากันได้อย่างละเอียดเมื่อต้องการผสมอิมัลซิไฟเออร์และสารเพิ่มความข้นประเภทต่างๆ เข้าด้วยกันครับ

เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นขุย มักจะดีที่สุดคือการพัฒนาตำรับโดยใช้ระบบอิมัลซิไฟเออร์เดี่ยวที่ผ่านการทดสอบมาอย่างดี หรือทดสอบการผสมผสานที่ความเข้มข้นต่างๆ อย่างรอบคอบเพื่อให้แน่ใจถึงความเสถียรและเนื้อสัมผัสที่ต้องการบนผิว