ปัญหาการแยกชั้นและประสิทธิภาพของสูตรเจลอาบน้ำและสระผม 2-in-1
คำถาม
กำลังพัฒนาสูตรเจลอาบน้ำและสระผมแบบ 2-in-1 แต่ส่วนผสมแยกชั้นเมื่อทิ้งไว้ประมาณ 20 ชั่วโมงตามรูปภาพที่แนบมา
ส่วนประกอบสูตร:
Sulfate Free Shampoo Base
25%Polyglyceryl-4 Caprate
5%Encapsulated Salicylic Acid
5%WaterLock
1%Condi-B5
1%Mild Preserved Eco
1%Fragrance
1%- น้ำจนครบ 100%
ขั้นตอนการผสม:
ใส่ส่วนผสม 1, 2, 3, 6, 4, 5, 7 ลงไปตามลำดับแล้วคนด้วยมือ
มีคำถามดังนี้:
- ส่วนผสมแยกชั้นเมื่อทิ้งไว้ประมาณ 20 ชั่วโมง จะแก้ไขอย่างไร?
- รู้สึกว่าฟองยังน้อยไปหน่อย สามารถเพิ่ม
Foaming Tea
5% ได้ไหมคะ? ควรผสมอย่างไรกับส่วนผสมเดิม? - เปรียบเทียบระหว่างการใช้
WaterLock
1% และCondi-B5
1% ที่ใช้อยู่ กับHair Wheat Protein
1% อย่างไหนน่าจะให้ความรู้สึกนุ่มลื่นต่อเส้นผมมากกว่ากัน โดยไม่เหนอะหนะผิว? - เปรียบเทียบประสิทธิภาพการใช้
Encapsulated Salicylic Acid
5% กับDandruff-Clear
0.1% ในด้านการดูแลรังแคและสิว หรือควรใช้ร่วมกันเท่าไหร่? เท่าที่ใช้อยู่ ต้องสระผมทุกวัน ไม่งั้นจะหัวมัน คัน และเกิดรังแคได้ง่ายมาก แม้ไม่สระผมเพียง 1 วันก็ตาม - ผมขาดและร่วงง่ายมาก แนะนำส่วนผสมอะไรเพิ่มในเจลอาบน้ำไหมคะ หรือควรแยกออกมาในผลิตภัณฑ์อื่น?
คำตอบ
ข้อเสนอแนะและคำแนะนำสำหรับการทำสูตร
นี่คือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสูตรเจลอาบน้ำและสระผม 2-in-1 ของคุณ พร้อมคำตอบสำหรับคำถามต่างๆ ค่ะ
1. ปัญหาการแยกชั้น
การแยกชั้นที่คุณพบเห็นน่าจะเกิดจากความไม่เข้ากันของส่วนผสมในสูตรของคุณค่ะ สูตรของคุณมี Sulfate Free Shampoo Base (ซึ่งมีสารลดแรงตึงผิวชนิดประจุลบ/แอมโฟเทอริก) ร่วมกับส่วนผสมที่มีประจุบวกหลายตัว ได้แก่ Encapsulated Salicylic Acid, WaterLock และ Condi-B5 ส่วนผสมที่มีประจุบวกสามารถทำปฏิกิริยาเชิงลบกับสารลดแรงตึงผิวชนิดประจุลบ ทำให้เกิดความไม่เสถียร การตกตะกอน และการแยกชั้นเมื่อเวลาผ่านไป
เพื่อปรับปรุงความเสถียร ลองพิจารณาดังนี้ค่ะ:
- ลำดับการผสม: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าส่วนผสมที่มีประจุบวกกระจายตัวได้ดีในน้ำหรือตัวทำละลายที่เข้ากันได้ ก่อนที่จะเติมลงในเบสสารลดแรงตึงผิวหลัก การเติมทีละน้อยพร้อมกับการคนผสมอย่างต่อเนื่องและเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญค่ะ
- การปรับค่า pH: ตรวจสอบค่า pH สุดท้ายของสูตรคุณ แม้ว่า Sulfate Free Shampoo Base จะมีค่า pH ประมาณ 6.5-7.5 แต่ส่วนผสมที่มีประจุบวกบางตัว เช่น Condi-B5 ต้องการค่า pH ต่ำกว่า 7.0 เพื่อการละลายและความเสถียร การปรับค่า pH สุดท้ายให้ต่ำกว่า 7.0 เล็กน้อยอาจช่วยได้ค่ะ
- ความเข้มข้นของส่วนผสม: ความเข้มข้นที่สูงของส่วนผสมที่ไม่เข้ากันจะเพิ่มโอกาสในการแยกชั้น แม้ว่าความเข้มข้นที่คุณใช้จะอยู่ในช่วงที่แนะนำ แต่การผสมผสานกันอาจทำให้เกิดปัญหาได้
- ความเข้ากันได้ของสารสร้างเนื้อเจล/ข้น: หากคุณใช้สารสร้างเนื้อเจล/ข้นที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเข้ากันได้กับส่วนผสมที่มีประจุบวก คำอธิบายของ Encapsulated Salicylic Acid ระบุชัดเจนว่าไม่เข้ากันกับสารสร้างเนื้อเจล/ข้นชนิดประจุลบบางชนิด
2. การเพิ่ม Foaming Tea
คุณสามารถเพิ่ม Foaming Tea 5% ในสูตรของคุณได้ ซึ่งอยู่ในช่วงอัตราการใช้ที่แนะนำ (5-20%) Foaming Tea เป็นสารลดแรงตึงผิวจากธรรมชาติที่สกัดจากต้นชา
วิธีการผสม: ละลายผง Foaming Tea ในส่วนของน้ำในสูตรของคุณก่อนที่จะนำไปผสมกับส่วนผสมอื่นๆ
โปรดทราบว่าแม้ Foaming Tea จะช่วยเพิ่มฟอง แต่ประสิทธิภาพในการสร้างฟองโดยทั่วไปจะต่ำกว่าสารลดแรงตึงผิวสังเคราะห์ นอกจากนี้ การเพิ่มส่วนผสมอื่นลงในสูตรที่มีปัญหาการแยกชั้นอยู่แล้ว อาจทำให้ความเสถียรซับซ้อนยิ่งขึ้นได้ แนะนำให้แก้ไขปัญหาการแยกชั้นก่อนที่จะเพิ่มส่วนผสมใหม่ค่ะ
3. การเปรียบเทียบการบำรุงเส้นผม (WaterLock + Condi-B5 กับ Hair Wheat Protein)
ทั้งการใช้ WaterLock (1%) ร่วมกับ Condi-B5 (1%) และ Hair Wheat Protein (1%) ต่างก็ออกแบบมาเพื่อให้ประโยชน์ในการบำรุงเส้นผม
- WaterLock (Polyquaternium-51) ช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำและให้ความรู้สึกนุ่มลื่น
- Condi-B5 (Panthenyl Hydroxypropyl Steardimonium Chloride) เป็นวิตามินบี 5 ที่ถูกปรับปรุงให้เกาะติดเส้นผมได้ดี และให้การบำรุงโดยไม่ลดฟองอย่างมีนัยสำคัญ
- Hair Wheat Protein (Hydroxypropyltrimonium Hydrolyzed Wheat Protein) เป็นโปรตีนข้าวสาลีที่มีประจุบวก ซึ่งเกาะติดเส้นผมได้ดีและให้ความนุ่ม
การผสมผสานระหว่าง WaterLock และ Condi-B5 ที่คุณใช้อยู่ในอัตราส่วน 1% แต่ละตัว ให้แนวทางการบำรุงที่สมดุล โดยให้ทั้งการกักเก็บความชุ่มชื้น ความนุ่มลื่น การเกาะติด และการบำรุง Hair Wheat Protein ที่ 1% ก็เป็นสารบำรุงผมที่มีประสิทธิภาพที่เน้นความนุ่ม หากไม่มีการทดสอบเปรียบเทียบโดยตรงในสูตรเฉพาะของคุณ ก็ยากที่จะระบุได้อย่างชัดเจนว่าตัวใดจะให้ความรู้สึกนุ่มลื่นโดยไม่เหนอะหนะผิวมากกว่ากัน อย่างไรก็ตาม การผสมผสานที่คุณใช้อยู่น่าจะให้ระดับการบำรุงที่ดีสำหรับผลิตภัณฑ์ 2-in-1 ค่ะ
4. การควบคุมรังแคและสิว (Encapsulated Salicylic Acid กับ Dandruff-Clear)
ทั้ง Encapsulated Salicylic Acid และ Dandruff-Clear เป็นส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพในการจัดการกับรังแคและสิว แต่ทำงานผ่านกลไกที่แตกต่างกัน
- Encapsulated Salicylic Acid (ที่ 5% ซึ่งให้ Salicylic Acid เข้มข้น 1.5%) ช่วยผลัดเซลล์ผิวและมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อ ช่วยทำความสะอาดรูขุมขนที่อุดตันและลดรังแค รูปแบบ Encapsulated ช่วยให้การออกฤทธิ์เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปและอ่อนโยนกว่า
- Dandruff-Clear (Hexamidine diisethionate) เป็นสารฆ่าเชื้อราและเชื้อโรคที่มีประสิทธิภาพสูง มีประจุบวก ทำให้สามารถเกาะติดหนังศีรษะและผิวหนังได้หลังการล้างออก เพื่อให้มีฤทธิ์ตกค้าง มีประสิทธิภาพต่อเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของรังแคและสิว
จากประสบการณ์ของคุณที่มีหนังศีรษะมัน คัน และเกิดรังแคได้ง่าย การใช้ส่วนผสมทั้งสองตัว อาจ ให้แนวทางที่ครอบคลุมมากขึ้น โดยผสมผสานการผลัดเซลล์ผิว/การฆ่าเชื้อในวงกว้าง (Salicylic Acid) เข้ากับการฆ่าเชื้อรา/แบคทีเรียแบบเฉพาะเจาะจงและมีฤทธิ์ตกค้าง (Dandruff-Clear)
อย่างไรก็ตาม ดังที่กล่าวถึงในปัญหาการแยกชั้น ทั้ง Encapsulated Salicylic Acid และ Dandruff-Clear มีประจุบวก การเพิ่ม Dandruff-Clear ลงในสูตรที่ไม่เสถียรซึ่งมีส่วนผสมประจุบวกและประจุลบอื่นๆ อยู่แล้ว มีแนวโน้มที่จะทำให้ปัญหาการแยกชั้นแย่ลง
หากคุณจำเป็นต้องเลือกตัวใดตัวหนึ่งด้วยเหตุผลด้านความเสถียร Encapsulated Salicylic Acid ที่ 5% เป็นส่วนผสมที่ดีและหลากหลายสำหรับผลิตภัณฑ์แบบล้างออกที่เน้นทั้งสองปัญหา เนื่องจากมีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวและฆ่าเชื้อ หากคุณให้ความสำคัญกับฤทธิ์ตกค้างในการฆ่าเชื้อรา Dandruff-Clear ที่ 0.1% ก็มีประสิทธิภาพสูงในอัตราการใช้ที่ต่ำที่แนะนำ แต่ความเข้ากันได้ในเบสของคุณเป็นที่น่าสงสัย
หากต้องการใช้ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะต้องปรับปรุงสูตรเพื่อให้แน่ใจว่าเข้ากันได้ ซึ่งอาจทำได้โดยการปรับเบส หรือใช้สารสร้างเนื้อเจล/ข้น/อิมัลซิไฟเออร์ชนิดอื่นที่เข้ากันได้กับส่วนผสมที่มีประจุบวก
5. ปัญหาผมร่วง
สำหรับปัญหาผมร่วงที่รุนแรง ผลิตภัณฑ์แบบล้างออก เช่น แชมพู/เจลอาบน้ำ มักจะมีประสิทธิภาพจำกัด เนื่องจากมีเวลาสัมผัสกับหนังศีรษะสั้น แม้ว่าการรักษาความสะอาดของหนังศีรษะให้มีสุขภาพดีจะเป็นประโยชน์ แต่การแก้ปัญหาผมร่วงมักต้องใช้ส่วนผสมออกฤทธิ์ที่ทิ้งไว้บนหนังศีรษะเป็นเวลานาน เพื่อให้ซึมซาบและทำงานกับรูขุมขน
ส่วนผสมที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเส้นผม (เช่น โปรตีน) สามารถใส่ในแชมพูได้ แต่สำหรับการส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผมหรือลดการหลุดร่วง ผลิตภัณฑ์บำรุงหนังศีรษะแบบไม่ต้องล้างออกโดยเฉพาะ (เช่น เซรั่ม หรือ โทนิค) ที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยเรื่องผมร่วง มักจะมีประสิทธิภาพมากกว่าค่ะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่กล่าวถึง

WaterLock™ (Polyquaternium-51)

Mild Preserved Eco™ (Preservative-Free)

Sulfate Free Shampoo Base (pH 7, Clear, Foaming)

Foaming Tea (Natural Surfactant)

Polyglyceryl-4 Caprate
